9 มิ.ย. 2020 เวลา 09:14 • ธุรกิจ
ชีวิตที่เหมือนนิยายของ Joy Mangano ผู้สร้างอาณาจักรไม้ถูพื้นพันล้าน!!
1
สวัสดีครับคุณพ่อบ้านแม่บ้าน คุณกำลังเบื่อที่จะต้องบิดไม้ถูพื้นอันแสนสกปรกอยู่หรือปล่าว? วันนี้ผมขอนำเสนอไม้ถูพื้นอัจฉริยะ ที่ไม่เปลืองแรงซักแรงบิด แถมดูดซึมคราบสกปรกเลอะเทอะ ภายในการถูครั้งเดียว (ช่วยใส่เสียงจอร์จและซารา จากทีวีไดเร็กให้หน่อยนะครับ)
1
สนใจไหมละครับ?? ถ้างั้นตามไปดูชีวิตคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้สร้างความมั่งคั่งจากไม้ถูพื้นกัน
Joy ตัวจริงกับในหนัง cr: Glamour
1) The joyful moment
ยอดขายไม้ถูพื้น Miracle mop กว่าล้านอันต่อปี พ่วงด้วยอุปกรณ์ของใช้ในบ้านอีกหลากหลายชนิดทั้ง ไม้แขวนเสื้อ หมอน กระเป๋าเครื่องสำอาง มีสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์กว่า 100 ชนิด
สิ้นค้านานาชนิดของ Joy Mangano
มีเงินลงทุนในไอเดียใหม่ๆของหนุ่มสาว อีกนับไม่ถ้วน
Joy ตามความหมายน่าจะหมายถึงความสุข สนุกสนานและการเป็นเจ้าของกิจการมูลค่ากว่า 200 ล้านเหรียญ คงทำให้เราๆ นึกถึงภาพความสะดวกสบาย คฤหาสน์หลังงาม ชีวิตแบบเฟิร์สคลาส
แต่ถ้าบอกว่าชีวิตจริงของจอยไม่ enjoy อย่างที่คิด หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือลำบากแบบชักหน้าไม่ถึงหลัง กว่าจะมาถึงวันนี้ต้องฝ่าฝันเรื่องราวต่างๆมากมาย ว่าแล้วอย่ารอช้าตามไปดูชีวิตดังนิยายของจอยกันดีกว่า
2) ชีวิตดังนิยายของ Joy
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องทำงาน ดูแลลูก รวมถึงพ่อและแม่รับรองได้ว่าเหนื่อยแน่ แต่เมื่อจอยมีความคิดเกี่ยวกับไม้ถูพื้น เธอก็เต็มที่ในการพัฒนา หาทางนำไอเดียออกสู่ตลาด
ไม้ถูพื้นไม่ใช่ไอเดียเเรกของเธอนะครับ ในสมัยวันรุ่นตอนที่เธอทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์ เธอได้ออกแบบปลอกคอเรืองแสง เพื่อให้สัตว์ไม่ถูกรถชนในตอนกลางคืน เพียงแต่เธอไม่ได้ผลักดันไอเดียออกสู่ตลาด (ซึ่งมันดันเป็นไอเดียที่จายได้ดีซะด้วย เมื่อมีบริษัททำสินค้าที่คล้ายไอเดียเธอออกขาย)
การพัฒนาต้นแบบไม้ถูพื้นแบบด้วยเงินเก็บทั้งหมดที่มีของครอบครัว รวมถึงยืมเพื่อนมาอีก การที่อ่อนประสบการณ์ในการเจรจากับโรงงานทำให้เธอประสบปัญหาทางสภาพคล่อง ถูกตัดไฟอยู่บ่อยๆ คือเรื่องจริงที่เธอต้องเจอ
แต่จอยไม่ได้มองทุกอย่างเป็นอุปสรรค แต่จอยใช้เป็นแรงผลักให้เธอก้าวนำหน้าคนอื่นหนึ่งก้าวเสมอ (เพราะเธอเชื่อมั่นในสินค้าของเธอ)
ซึ่งชีวิตดังนิยายของเธอจึงถูกนำไปสร้างเป็นหนังในชื่อ “Joy” เหมือนชื่อของเธอนั้นเอง
3) แล้วอะไรสร้างให้ Joy ประสบความสำเร็จ?? แล้วเราเรียนรู้อะไรจากเธอได้บ้าง??
📌 สร้างสินค้าจากปัญหารอบตัว
จอยคือคนธรรมดาๆ เธอที่ไม่ได้มีดีกรีทางวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมใดๆทั้งสิ้น เธอจบปริญญาทางบริหารธุรกิจ เธอแค่เจอกับปัญหา และแค่อยากหาทางที่จะแก้ปัญหานั้น โดยเอาความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งก็คือแม่บ้านจำนวนมาก ที่ต้องทั้งทำงานนอกบ้านและดูแลทุกๆอย่างในครอบครัว (อย่างตัวเธอ) เป็นที่ตั้ง
สิ่งประดิษฐ์ของเธอจึงเข้าถึงผู้ใช้งานได้อย่างง่ายดาย เช่น กลไกไม้ถูพื้นที่ช่วยให้การบิดซักทำได้ง่าย โดยมือไม่ต้องไปสัมผัสส่วนที่เปื้อน สามารถถอดส่วนหัวไม้ม๊อบโยนเข้าเครื่องซักผ้าได้อีก (อาจจะดูไม่น่าตื่นเต้น แต่นี้คือสิ่งประดิษฐ์ที่ทำมาเมื่อ 20 ปีก่อนนะครับ) หรือไม้แขวนเสื้อที่ช่วยจัดการเสื้อผ้าที่มีมากกว่าพื้นที่ของตู้ได้ คือปัญหาที่แม่บ้านส่วนใหญ่ต้องเจอแต่ไม่มีใครช่วยแก้ปัญหา (unmet need)
จึงไม่น่าแปลกใจที่สินค้าที่เธอพัฒนา มักจะกวาดยอดขายถล่มทลาย (และถูกลอกเลียนแบบไปหลายๆที่ทั่วโลก) เพราะฉะนั้นถ้าเราจะเริ่มธุรกิจอะไรสักอย่าง ลองมองปัญหารอบๆตัว แล้วถามดูว่า คนอื่นๆเจอปัญหาแบบเดียวกันหรือไหม? แล้วมีใครแก้ปัญหาให้พวกเค้าหรือยัง? ไม่แน่ว่า unmet need ของคุณก็อาจจะเป็นธุรกิจ 100 ล้านได้
ถ้าจอยทำได้ เราก็ทำได้ 😁
Miracle Mop สินค้าชิ้นเอกของ Joy
📌 สร้างตลาดให้ตัวเอง
หลายๆคนที่เริ่มทำธุรกิจมักจะบ่นว่าไม่มีตลาด แต่จอยไม่กังวลเรื่องนั้น (แม้จะดูระห่ำไปหน่อย) แต่เธอเริ่มจากการนำสินค้ารุ่นแรกๆที่สร้างจากอู่ซ่อมรถของพ่อไปเร่ขายตามที่จอดรถตามห้าง ตามตลาดนัด กว่าที่จะได้รับการทาบทามจากช่องขายสินค้าทางทีวี
ซึ่งต่อมาจอยก็ไม่ได้ยึดติดบน platform เดียว ถึงแม้เธอจะประสบผลสำเร็จอย่างดีกับการขายตรงผ่านทีวี ที่เธอสามรถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง แต่เธอไม่ปฏิเสธเมื่อโอกาสมาเคาะประตู โดยห้างยักษ์ใหญ่ทั่วอเมริกาต้องการนำสินค้าเธอไปจัดจำหน่าย ซึ่งทำให้บริษัทของเธอก้าวไปสู่ความสำเร็จที่ใหญ่ขึ้นนั้นเอง
เพราะฉะนั้นการสร้างธุรกิจไม่สำเร็จได้บนกระดาษ เราคงต้องออกไปลุยเองเจ็บเอง แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุบหม้อข้าวที่เดียวหมดนะครับ เรียนรู้ที่ละส่วน อันไหนที่ไม่ดีก็มาปรับ ธุรกิจยุคใหม่นี้ ถ้าคิดให้ดีมีช่องทางการตลาดมากกว่าเมื่อก่อนเยอะ
ถ้าจอยทำได้ เราก็ทำได้ 😁
....
📌 ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้
ตลอดทางเดินของจอยนั้น ไม่ได้รอยด้วยกลีบกุหลาบนะครับ การเอาไอเดียไปนำเสนอหลายครั้ง ทั้งกลับโรงงานผู้ผลิต นักลงทุน หรือแม้กระทั่งผู้บริโภค เสียงปฏิเสธ ว่าทำไม่ได้หรอกมีขึ้นเสมอ แต่จอยไม่ได้หยุด เมื่อเธอถูกปฏิเสธ
ถ้าโรงงานว่าทำไม่ได้จากแบบที่เธอร่าง เธอก็จะทำต้นแบบ (prototype) ไปให้ดู เพื่อให้โรงงานเห็นภาพชัดขึ้น ถ้าเธอทำ concept ออกมาแล้วการตลาดบอกไม่มีคนซื้อ เธอก็จะทำตัวอย่างออกมาให้ลองใช้
ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ สำหรับเธอ จนกว่าเธอจะได้ลงมือ เพื่อทดสอบสิ่งที่เธอคิดไว้ เพราะบางครั้งคำพูดหรือคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ใช่ว่าจะถูกหมดเสมอไป
เพราะฉะนั้นอย่าหยุดที่คำว่าเป็นไปไม่ได้ ล้วงลึกลงไปว่าทำไม แล้วเรามีทางแก้ให้เป็นไปได้ไหม เท่านั้นเอง
ถ้าจอยทำได้ เราก็ทำได้ 😁
ปัจจัยความสำเร็จของจอย ที่ผู้สร้างหนังได้ถอดออกมา
สำหรับจอย ในการเริ่มธุรกิจนั้นเธอเชื่อในก้าวเล็กที่ละก้าว (เหมือนพี่ตูนเลย 😁) เพื่อสร้างฐานที่มั่นคง สำหรับเธอธุรกิจไม่จำเป็นต้องเริ่มจากสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แบบพลิกโลก เพียงแค่ไอเดียที่แก้ปัญหา ทำให้ใช้ชีวิตได้ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น ก็ยิ่งใหญ่พอที่จะลงมือแล้ว
ผมเชื่อครับ ถ้าจอยทำได้ เราก็ทำได้😁
สำหรับใครที่สนใจประวัติของเธอในรูปแบบบันเทิงหน่อย ลองหาหนังมี่ชื่อ Joy มาดูนะครับ สนุกทีเดียว
อ่านเพิ่มเติมกันได้ที่:
โฆษณา