13 มิ.ย. 2020 เวลา 12:27 • บันเทิง
🍁 เรื่องสั้น l หมีน้อยนำโชค
ภาพหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งชิดติดริมหน้าต่าง
สายตาเหม่อมองไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย
บนรถทัวร์ที่กำลังแล่นเข้าสู่ใจกลางเมืองอย่างช้า ๆ
เนื่องจากการจราจรที้ติดขัดบนท้องถนน ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับการเดินทางในวันศุกร์สุดสัปดาห์ช่วงเวลาใกล้พลบค่ำเช่นนี้
ดวงตะวันยามเย็นสาดแสงกระทบใบหน้าสะท้อนเป็นเงาบนกระจกให้เห็นภาพดวงตาบวมแดงก่ำคล้ายลูกตำลึง บนใบหน้าเศร้าหมองอิดโรยหลังจากผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“นารา” พยาบาลสาว ที่เพิ่งถูกคนรักของเธอ
บอกเลิกทางโทรศัพท์เมื่อสัปดาห์ก่อนอย่างไร้เยื่อใย รักแรกของเธอจบลงโดยที่ไม่มีแม้แต่โอกาสพบหน้าบอกลากันเลยสักครั้ง
“ใช่! ผมรักเค้า ผมไม่ได้รักคุณอีกแล้ว
เราเลิกกันเถอะ!”
ประโยคสุดท้ายที่คนรักของเธอฝากเอาไว้ ยังคงดังก้องอยู่ในห้วงความคิด บทสรุปของความรักที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ทำให้นาราต้องเดินทางกลับมาหาคำตอบที่นี่อีกครั้ง... ‘บางแสน ดินแดนที่เรารักกัน’
“ป้ายหน้าตลาดหนองมน เตรียมตัวเลยนะคะ!”
เสียงของพนักงานต้อนรับบนรถทัวร์ดังขึ้น
ทำให้นาราที่กำลังนั่งเหม่อลอยหลุดออกจากภวังค์
เธอขยับตัวพร้อมกับยืดตัวขึ้น ปัดผมที่บังใบหน้ามาเหน็บข้างหู แล้วหยิบหมวกขึ้นมาสวมปิดบังดวงตาบวมแดง จับสายกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องไหล่
ดึงชิดแนบกายแล้วย้ายไปนั่งเบาะข้าง ๆ แทน
“หนองมนค่ะ หนองมน!”
สิ้นสุดเสียงประกาศ รถทัวร์เบรคเตรียมจอดบริเวณป้ายใกล้สะพานลอย นารารีบลุกขึ้นไม่ทันได้ระวัง
จึงชนเข้ากับผู้โดยสารชายท่านหนึ่งที่รีบร้อนลงจากรถ
แรงกระแทกทำให้ร่างบอบบางของเธอเซไปชนกับ
พนักพิงเก้าอี้ กระเป๋าสะพายหลุดออกจากวงแขนไป
อยู่บนพื้นและถูกส่งต่อโดยผู้คนที่กำลังทยอยลงจากรถราวกับลูกฟุตบอลในสนาม เมื่อตั้งสติได้แล้ว เธอจึงรีบเดินตรงไปยังกระเป๋าสะพาย
“ขอโทษนะคะ คุณเห็นตุ๊กตาหมีบ้างมั้ยคะ?”
..
นาราถามชายแปลกหน้าที่ช่วยหยิบกระเป๋าส่งให้เธอ ด้วยสีหน้าท่าทางกังวลอย่างมาก ราวกับว่าตุ๊กตาตัวนั้นเป็นสมบัติชิ้นสำคัญ
“ไม่นะครับ”
..
ชายแปลกหน้าตอบพลางส่ายศีรษะ
นาราคุกเข่า ก้มมองใต้ที่นั่งโดยสารทีละแถว หาตุ๊กตาหมีที่เคยห้อยติดกับกระเป๋าสะพายของเธอ ด้วยอาการลุกลี้ลุกลน เหงื่อใส ๆ เริ่มผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า แต่เธอกลับไม่สนใจเสียเวลาปาดเหงื่อเลยสักนิด
“คุณครับ หานี่อยู่หรือเปล่าครับ”
..
ตุ๊กตาหมีถูกหยิบยื่นมาอยู่ตรงหน้า นารารีบเอื้อมมือ
ไปคว้าไว้ด้วยความดีใจ ยิ้มไปพลาง ปัดฝุ่นไปพลาง โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองชายแปลกหน้าที่กำลัง
จับจ้องมองเธอตาเขม็ง
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ”
..
นาราพูดพร้อมกับก้มศีรษะยกมือไหว้ แล้วรีบเดินมุ่งตรงไปยังประตู ก่อนจะลงจากรถไปด้วยท่าทางโล่งใจ
ที่เจอตุ๊กตาหมีตัวโปรด
นาราเดินตรงไปยังสะพานลอย ข้ามไปยังอีกฟาก
ของถนน แล้วชูมือขึ้นโบกไปมาเพื่อส่งสัญญาณ
เรียกวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้มารับ
“ไปสะพานปลาหาดวอนนภาค่ะ”
วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างขี่ลัดเลาะเข้าซอยเล็ก ๆ ในชุมชน
มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง บรรยากาศสองข้างทางเต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับจากร้านอาหารต่างๆ ที่พร้อมใจกันเปิดให้บริการยามดึกต้อนรับเหล่า
ผู้มาเยือนอย่างครื้นเครง แต่นารากลับนั่งก้มหน้าจ้องมองตุ๊กตาหมีที่เปื้อนคราบสกปรกจนดำไปทั้งตัว
น้ำตาเริ่มรื้นจนเอ่อล้นออกมาจากตาบวมแดงไหลลงอาบทั่วใบหน้า
1
“สุขสันต์วันเกิดนะคะนารา สาวน้อยมหัศจรรย์ของแม่
ขอให้ลูกของแม่มีความสุขและพบเจอแต่สิ่งดีๆในชีวิต”
“ขอบคุณค่ะแม่ นารารักแม่ที่สุดเลยค่ะ”
“แม่ก็รักลูกจ๊ะ.. น่าเสียดาย.. ที่ปีนี้คงเป็นปีสุดท้ายที่แม่จะเห็นลูกของแม่เติบโตขึ้นอีกปีแล้วสินะ”
“แม่คะ แม่อย่าพูดแบบนี้สิคะ แม่ต้องกลับมาแข็งแรงและอยู่กับนาราไปนาน ๆ นะคะ”
“ลูกรัก... อย่าหลอกตัวเองอีกเลยนะ ลูกเป็นพยาบาลย่อมรู้ดีว่าคนที่เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายอย่างแม่
มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน”
..”แม่ขอโทษนะ แม่ต้องเดินทางไปยังดินแดนแสนไกลกับพ่อของลูกแล้ว ลูกสาวของแม่คนนี้ทั้งเก่งและแข็งแกร่งที่สุด แม่เชื่อว่า.. วันนึงลูกจะพบกับผู้ชายดี ๆ ที่รักและพร้อมอยู่เคียงข้างลูกสาวของแม่”
“นาราไม่เคยเจอพ่อเลย นาราก็อยากเจอพ่อเหมือนกัน
ไว้เราค่อยไปเจอพ่อทีหลังนะคะแม่ ให้พ่อรอไปก่อน
ถ้าแม่ไปตอนนี้ นาราจะอยู่กับใครล่ะคะ.. ฮืออ”
“ไม่เอา ไม่งอแงนะคะคนดี ไม่มีใครในโลกสามารถ
หนีพ้นความตายไปได้ ลูกต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้
คุ้มค่าที่สุดนะคะ.. รู้มั้ย? แม่มีของขวัญจะให้ลูกด้วยนะ
อยู่ในกระเป๋าของแม่”
“ตุ๊กตาหมีตัวนี้.. เหรอคะแม่?”..
“ใช่จ๊ะ หมีตัวนี้แม่ได้รับมาในครั้งที่แม่ไปบริจาคเลือดในวันวาเลนไทน์”
“หมีจากบริจาคเลือด”...
“หมีน้อยที่ไม่ได้มีราคาอะไร แต่แม่ให้มันเป็นสัญลักษณ์แทนเลือดของแม่นะ ทุกครั้งที่ลูกเห็นตุ๊กตาตัวนี้
แม่อยากให้ลูกรู้ว่าในร่างกายของลูก มีเลือดของแม่
อยู่ครึ่งนึงนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น.. แม่อยู่เคียงข้างลูกเสมอนะคะ”
“นารามีเลือดของแม่ นาราก็เลยสวยเหมือนแม่ใช่มั้ยคะ ฮิฮิ.. นาราจะเก็บไว้อย่างดีเลยค่ะ แต่.. นาราอยากเห็นหน้าแม่ทุกวันแบบนี้มากกว่าหมีนั่นนะคะ”
“เรียกหมีนั่นไม่ได้นะ ต้องเรียก..”หมีน้อยนำโชค”.. เพราะแม่ลงคาถาอาคมไว้แล้ว”
1
“คาถา?... คาถาอะไรเหรอคะ?”
“คาถาแห่งความรัก ..
ถ้าลูกหลับตาแล้วอธิฐานกับเจ้าหมีน้อยว่า ..
”หมีน้อยมานะ มานะหมีน้อย” พอลืมตาขึ้นมานะ! ..
ลูกจะพบกับเจ้าชายรูปงามพรหมลิขิตของลูกเลยล่ะ”
“โธ่.. แม่อ๊าา ลูกสาวแม่โตแล้วน้าา นิทานหลอกเด็กของแม่ใช้ไม่ได้ผลแล้วนะคะ”
“โตแล้วจริงอ๊ะะ...”
“นี่แน่ะๆๆ.. กอดให้แน่นเลย แกล้งนาราดีนัก!”
“ให้จอดตรงไหนครับคุณ?”..
“เอ่ออ... จะ.. จอดตรงศาลาข้างหน้านี้ก็ได้ค่ะ”
ดวงตะวันกำลังลาลับขอบฟ้า แสงสีทองประกายแสดเข้าตกกระทบกับท้องทะเล สะท้อนพร่างพรายระยิบระยับ เรือประมงต่างเข้ามาจอดกันเทียบท่าเป็นแถวยาวไปตามแนวสะพาน
“ผมรักคุณ เป็นแฟนกันนะครับนารา”
ภาพความทรงจำ ณ สถานที่แห่งนี้ผุดขึ้นมาทีละนิด ๆ
ค่ำคืนที่แสนโรแมนติกเมื่อครั้งวันวาน วันนี้กลับกลายเป็นค่ำคืนแห่งความเจ็บปวดราวกับมีเข็มนับร้อยคอยทิ่มแทงหัวใจในทุกย่างก้าวที่กำลังเดินไป
นาราหยุดยืนอยู่บริเวณปลายสะพานแล้วหยิบมือถือ
ขึ้นมา กดโทรออกไปยังเบอร์ที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
.. สำหรับนาราในตอนนี้ การเจอหน้าเขาอีกครั้งมัน
เจ็บปวด แต่การไม่ได้เจอเขาอีกครั้ง มันเจ็บปวดยิ่งกว่า
“ฮัลโหล..”
“พี่วายุมาหานาราหน่อยได้มั้ยคะ นาราอยากคุย
กับพี่ค่ะ”
“นารา.. นาราจะโทรหาพี่อีกทำไม พี่คิดว่าเราคุยกัน
รู้เรื่องแล้วนะ“
“นาราอยู่ที่สะพานปลาหาดวอนนภาค่ะ”
“นาราไปทำอะไรที่นั่น.. พี่ไปไม่ได้.. พี่อยู่กรุงเทพฯ”
“พี่วายุอย่าโกหกนาราอีกเลยนะคะ นารารู้ว่าวันนี้พี่
กลับมาบ้านที่บางแสน พี่ออกมาเจอนาราหน่อยนะคะ
นาราอยากเจอพี่เป็นครั้งสุดท้าย นาราขอร้องนะคะ”
“อย่าทำแบบนี้อีนารา.. ฟังนะ.. ทุกอย่างมันจบไปแล้ว”
“พี่จะไม่มาจริง ๆ เหรอ ทำไมพี่ใจร้ายกับนาราจัง นาราขอเจอพี่เป็นครั้งสุดท้ายไม่ได้หรอคะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น “
“อย่าให้พี่ต้องพูดซ้ำได้มั้ย หัดเข้าใจอะไรง่าย ๆ บ้าง”
“ถ้าพี่ไม่มา นาราจะไม่ไปไหน คืนนี้นาราจะนอนอยู่ตรงนี้แหละ!”
“เลิกงี่เง่า แล้วเข้าใจซักทีเถอะ! ทุกอย่างมันจบไปแล้ว
..อยากทำอะไรก็ทำ รำคาญ!”
“พี่วายุ...”
ตู๊ด ๆ ๆ.. ไม่ทันที่นาราจะพูดอะไรต่อ สายสนทนาก็
ถูกตัดไปเสียแล้ว หัวใจนาราเต้นไม่เป็นจังหวะ
ความรู้สึกสับสนและรู้สึกเหมือนโดนตบจัง ๆ จนชา
ไปทั่วทั้งใบหน้า ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะยืนอีกต่อไป
เธอหันไปจับสะพานแล้วทรุดลงตรงนั้น ความร้าวรานถาโถมเข้ามาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ใบหน้าของเธอกลับ
สงบนิ่งและไร้น้ำตา
.. “คนใจดำ ใจดำที่สุดเลย!” เธอพูดย้ำซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบด้วยความน้อยใจ
เปรี้ยง ง ง ! เสียงฟ้าร้องและฟ้าแลบ เริ่มคําราม
ครืนครันอย่างต่อเนื่อง ผู้คนที่กำลังเดินเล่นต่างทยอยเดินกลับเพื่อให้ทันฝนที่กำลังจะตกลงมา แต่นารากลับทำในสิ่งตรงกันข้าม เธอลุกขึ้นแล้วปีนขึ้นไปนั่งบน
ราวสะพาน หยิบตุ๊กหมีมาถือไว้ในมือ
“แม่จ๋าาา.. หนูคิดถึงแม่จัง.. ตอนนี้แม่อยู่ที่ไหนคะ”
..
แววตาอันแสนเศร้าของนารากำลังจ้องมองตุ๊กตาหมี
ในมือ ด้วยความหวังว่าจะได้ยินเสียงตอบกลับมา
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้
1
“นาราควรจบได้แล้วใช่มั้ยคะ นาราอยากมีความสุข นาราอยากฟังนิทานหลอกเด็กของแม่อีกจัง”
..
ในใจของนาราเริ่มสับสนกับสิ่งที่เธอเรียกมันว่า
ความรัก ที่ผ่านมาเธอไม่ได้มีความสุขสักเท่าไหร่
นารามักถามตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่า..
ความรักที่เบาสบายนั้นเป็นอย่างไรนะ?
1
ภาพวันวานที่มีความสุขของเธอกับแม่ค่อย ๆ ชัดเจน
ขึ้นในความทรงจำ เธอนึกออกแล้วว่า ความรักที่เบาสบายที่เธอเคยสัมผัสคือ ..รักจากแม่.. นาราหลับตาลงพร้อมกางแขนออกรับลมเย็นๆ ที่พัดมา แล้วอธิษฐานว่า
.. “แม่หมีมานะ มานะแม่หมี”..
.
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธออีกครั้ง
หลังจากหายไปนานกว่าสัปดาห์
.
.. “นาราจะใช้ชีวิตให้มีความสุขค่ะแม่ นาราสัญญา”..
ทันใดนั้นเอง! เสียงของชายหนุ่มนิรนามก็ดังขึ้น
ทำให้นาราสะดุ้งโหยง หัวใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม
มือเกาะราวสะพานแน่น ก่อนที่จะหันไปหาต้นเสียง
“คุณๆ .. ใจเย็นๆ ก่อนนะ อย่า.. อย่าเพิ่งคิดสั้น
คุณมีอะไรคุย .. คุยกันก่อนได้นะ..คุณ”
..
ชายหนุ่มนิรนามพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
ดวงตาเบิกกว้าง พร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้น
เชิงห้ามปราม
“คะ.. คุณไม่ต้องขยับเข้ามาเลยนะ! คุณ..หยุดดด
หยุดอยู่ตรงนั้นนะคะ คุณกำลังทำให้ฉันตกใจ”
..
นาราพยายามทำความเข้าใจชายแปลกหน้าคนนี้
ในขณะที่หัวใจขณะนี้เต้นรัวราวกับกลองเพล
ทั้งรู้สึกตกใจ งุนงงสับสน และรู้สึกคุ้นเคยกับ
ชายคนนี้อย่างแปลกประหลาด
นาราหันกลับไปอย่างระแวง ค่อย ๆ กระเถิบถอยหลัง
แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไรต่อ เธอก็รู้สึกถึงอ้อมแขนกำยำสวมกอดเธอจากด้านหลัง แผ่นอกที่กว้างใหญ่แข็งแรงขยับกระชับเข้ามาแนบชิดจนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจดังเป็นจังหวะ เสียงหัวใจสองดวงดังสลับกันเป็นจังหวะราวกับกำลังเต้นรำไปด้วยกัน เหมือนกับจะบอกว่าอ้อมแขนอันอบอุ่นนี้ จะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป
หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วินาที นาราก็รู้สึกตัวลอยสูงขึ้น
แสงไฟจากเรือประมงที่จอดอยู่ใกล้ๆ ทำให้นาราเห็นใบหน้าหล่อคมสันกับแววตาอ่อนโยนคู่นั้นชัดยิ่งขึ้น
”แม่คะ.. นารากำลังฝันไปใช่มั้ยคะ นาราฝันว่าได้เจอ
เจ้าชายรูปงามที่มีบางอย่างพิเศษกว่าใคร ๆ นาราไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ” นารารำพึงในใจ
พลันสายตาของชายหนุ่มก็ก้มลงมามองนารา
นาราตกใจและนึกขึ้นได้ว่า.. นี่ไม่ใช่ความฝันนี่นา!
หากมีแสงสว่างมากพอ ชายหนุ่มคงเห็นสีหน้าของเธอที่ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
“คุณ.. คุณปล่อยฉันคงได้แล้วค่ะ”
“อ้อ.. ครับๆ ผมขอโทษนะครับ ที่ล่วงเกินคุณ
ผมกลัวว่าคุณจะกระโดดลงไป ผมก็เลย...”
“ฉันไม่ได้จะกระโดดลงไปหรอกค่ะ พอดีฉัน...
ช่างมันเถอะ.. ฉันขอขอบคุณในความหวังดีของคุณด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ” นารายกมือขึ้นไหว้
“ไม่เป็นไรครับคุณนารา”
“เมื่อกี้คุณเรียกฉันว่านารา.. เหรอคะ?”
“ครับ.. คุณได้ยินไม่ผิดครับ”
“คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไงคะ?”
“คุณคงจำผมไม่ได้ แต่ผมยังคงจำคุณได้เสมอนะครับ
ผมชื่อ “ภูผา” ..อดีตเพื่อนบ้านอายุ 12 ปี ของคุณ”
..
เมื่อเห็นนาราทำหน้างง ภูผาจึงเริ่มเล่าเรื่องราว
ทั้งหมดให้เธอฟัง
“วันนั้นวันที่ผมได้เจอกับคุณ ผมกลับมาจากโรงเรียน และพบว่าบ้านที่อาศัยอยู่กำลังจะถูกยึด พ่อแม่ผมทะเลาะกันอย่างรุนแรง ผมจึงหนีออกจากบ้านมานั่งร้องไห้คนเดียวอยู่ข้างพุ่มไม้ ใกล้ ๆ รั้วบ้านของคุณ”
“หลังจากนั้นฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก ผมนั่งตากฝนอยู่ตรงนั้น สักพัก.. มีเด็กสาวคนนึง เธอมาพร้อมกับ
ร่มสองคันในมือ แล้วเธอก็ยื่นร่มคันนึงให้กับผม
เธอนั่งลงข้าง ๆ เอามือมาแตะที่ไหล่ผม แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า..”
..“เอาร่มนี่ไปนะ ฉันให้.. นายจะได้ไม่ต้องเปียกฝน
อีกต่อไป”..
“อ๋ออ.. ถึงว่าคุ้น ๆ นายคือเด็กชายคนนั้นนี่เอง
หน้านาย.. เปลี่ยนไปเยอะเลย ฉันก็เลยจำนายไม่ได้”
..
นาราจับจ้องไปที่ใบหน้าภูผาระลึกทวนความจำ
แต่กลับรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า จนต้องเบือนหน้าหนี
“ทำไมฉันต้องรู้สึกเขินเวลามองหน้าเขาด้วยนะ”
นารารำพึงในใจ
“แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็จำคุณได้เสมอนะครับ”
..
เขามองหน้าเธอด้วยนัยน์ตาที่ไหวระริก เก็บซ่อน
ความรู้สึกมากมายเอาไว้ ผู้หญิงที่เขาแอบชอบมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาอีกครั้ง
ทำเอาหัวใจสั่นระรัวไม่หยุด
“คุณพูดแปลก ๆ เหมือนกับว่าเราเคยเจอกันอีก”
“ใช่ครับคุณนารา คุณกับผมเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ผมเป็นนักศึกษาแพทย์ ส่วนคุณเรียนคณะพยาบาล
ก็เคยมีเจอกันบ้างครับ”
“ฉันกับคุณเจอกันบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
“ที่คณะแค่ครั้งเดียวครับ.. แต่ที่สวนสาธารณะก็น่าจะหลายครั้งครับ ผมบังเอิญเจอคุณตอนวิ่งออกกำลังกายช่วงเย็น หลังจากนั้น.. ผมก็เลย.. ไปที่นั่นบ่อย ๆ
ก็เลยเห็นคุณอยู่บ่อย ๆ น่ะครับ”
ชายหนุ่มตีหน้าแป้น ส่งยิ้มหวานกับตาฉ้าเยิ้ม
ให้หญิงสาว ก่อนจะเม้มปากล่างเอาไว้แน่น
พยายามกลั้นยิ้มจนแก้มตุ่ย ต้องรีบกำมือขึ้นมาบัง พร้อมส่งเสียงกระแอมเบา ๆ สองครั้งเพื่อกลบเกลื่อน
ภาพน่ารัก ๆ ของเธอที่กำลังออกมาโลดแล่นในตอนนี้
จนทำให้เขาแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ ไม่ว่าจะเป็นภาพ..
..เผลอเอนตัวหลับบนสนามหญ้า หลังจากวิ่งเสร็จ
..ชอบเก็บขวดน้ำ เก็บขยะตามทาง แล้วเอาไปโยนประลองความแม่นที่ถังขยะ ต้องโยนอยู่หลายครั้งกว่าจะลงถังได้สำเร็จ
..วิ่งหลบกองขี้หมา เดินไม่มองทาง สะดุดเป็นประจำ
..รีบดื่มน้ำ จนสำลักหน้าแดงอยู่บ่อย ๆ
“สรุปคือ.. เราเจอกันหลายครั้งแล้ว แต่ฉันจำคุณไม่ได้
แล้ววันนี้.. คุณจะบอกว่า.. บังเอิญอีกแล้วเหรอคะ?”
“ถ้าไม่บังเอิญ ก็คงเป็นพรหมลิขิตมั้งครับ”
“ฉันกำลังรู้สึกไม่ดี คุณอย่าล้อเล่นแบบนี้เลยค่ะ”
..
เธอพูดด้วยน้ำเสียงปนเศร้า แล้วเบือนหน้าหลบสายตา
หันไปมองเรือประมงที่จอดเรียงรายแทน
“ผมขอโทษครับ.. ที่ผมบอกคุณว่าพรหมลิขิตเพราะผมเผลอคิดแบบนั้น.. ผมขอโทษอีกครั้งครับ.. รถผม
มีปัญหา วันนี้ผมจึงใช้บริการรถสาธารณะ ทำให้ผมบังเอิญพบกับคุณ ตอนที่คุณก้มหาตุ๊กตาหมีน่ะครับ”
เปรี้ยง ง ง ! ซู่ ซู่ววว เสียงฟ้าร้องและฟ้าแลบมาพร้อม
กับลมที่หอมพัดพาละอองฝนมาด้วย
“ผมรู้ว่าไม่ควรพูดแบบนี้ในตอนนี้ มันอาจจะเร็วไปสำหรับคุณ แต่ผมกลัวครับ กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอคุณอีก”
“คุณ! อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย ฝนกำลังจะตกแล้ว ถ้าเราไม่รีบวิ่งไปตอนนี้ จะไม่ทันนะคุณ.. เรารีบไปกันเถอะค่ะ..”
ในขณะที่นารากำลังจะเดินไป ภูผาหันไปคว้าข้อมือของนาราไว้ แล้วดึงเธอเข้ามาข้างกาย ล้วงหยิบร่มพับที่เหน็บไว้ข้างกระเป๋าเป้ขึ้นมากางอย่างรวดเร็ว นารามองไปที่ร่มก่อนจะหันไปสบตาภูผา ที่กำลังมองหน้าเธออยู่ก่อนแล้ว
“คุณเคยบอกผมว่า.. ร่มคันนี้จะทำให้ผมไม่ต้องเปียกฝนอีกต่อไป ใช่มั้ยครับ?”
“คุณอยู่ข้าง ๆ ผมแล้วเดินไปพร้อมกันได้มั้ยครับ”
.. ห้วงนารา มหาสมุทร
สุดกำหนด
.. ห้วงบรรพต สงบมั่น
มิผันพักตร์
.. ห้วงความรัก สลักไว้
ในโลหิต
.. ห้วงชีวิต ลิขิตใด
ไร้พรหมแดน
🎶
... AND SUDDENLY, ALL THESE SONGS
WERE ABOUT YOU ... 🎶
เรื่องสั้นเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากตุ๊กตาหมี
ที่ได้รับมาจากสภากาชาดไทยเมื่อครั้งที่ไปบริจาคเลือดในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาค่ะ
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
มีการเปิดเผยข้อมูลสถานการณ์ความต้องการเลือด
พบว่าปริมาณเลือดสำรองในคลังของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติมีแนวโน้มลดลง
ผลจากการที่เลือดจ่ายให้กับโรงพยาบาลต่างจังหวัด
ไม่เพียงพอ เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยจำนวนมาก
โดยเฉพาะกับกรณีที่ต้องใช้ในการผ่าตัด
ปริมาณเลือดในคลัง
ข้อมูล ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2563
🩸กรุ๊ป A
ความต้องการโลหิต 12,000 ยูนิต/เดือน
โลหิตที่ได้รับ 4,098 ยูนิต
ยังคงต้องการ 7,902 ยูนิต
🩸กรุ๊ป B
ความต้องการโลหิต 18,000 ยูนิต/เดือน
โลหิตที่ได้รับ 6,215 ยูนิต
ยังคงต้องการ 11,785 ยูนิต
🩸กรุ๊ป O
ความต้องการโลหิต 24,000 ยูนิต/เดือน
โลหิตที่ได้รับ 7,270 ยูนิต
ยังคงต้องการ 16,730 ยูนิต
🩸กรุ๊ป AB
ความต้องการโลหิต 6,000 ยูนิต/เดือน
โลหิตที่ได้รับ 1,394 ยูนิต
ยังคงต้องการ 4,606 ยูนิต
🩸หมู่โลหิตพิเศษ (Rh- negative)
A- 18 ยูนิต
B- 3 ยูนิต
O- 12 ยูนิต
AB- 1 ยูนิต
วันหยุดไปเที่ยวสภากาชาดกันมั้ยคะ อิอิอิ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านเรื่องสั้น (ที่ไม่สั้น) นะคะ ^ ^
#กระเรียนน้อย ❤️💚

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา