10 มิ.ย. 2020 เวลา 16:11 • ความคิดเห็น
MovieTalk มูฟวี่ชวนคุย: บทความที่ 701
จน...เครียด...แต่ไม่เคยคิดสั้น (ตอนจบ)
ในตอนที่แล้ว ผมทิ้งท้ายไว้เรื่องการบริหารหนี้ เราจะมาคุยกันในตอนนี้ครับ
ใครที่เพิ่งอ่านบทความตอนนี้ อยากขอให้กลับไปอ่านตอนก่อนหน้านี้ก่อน ตามลิงก์ข้างล่างนะครับ
ผมจำได้ว่า ผมเคยสัญญาไว้กับ ใจดี ว่าจะเขียนเรื่อง ‘บริหารหนี้’ แต่ไม่ได้เขียนสักที
บางครั้ง บางเรื่องราว มันจะมาในเวลาที่เหมาะสม เหมือนเช่นบทความนี้ที่ผมได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับใจดีเสียที
วิธีบริหารหนี้สไตล์มูฟวี่
ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่า นี่ไม่ใช่สูตรสำเร็จแต่เป็นแนวคิดที่ผมสร้างมันขึ้นมาเอง มันอาจจะไม่ใช่หลักการที่ถูกต้อง หรือตามทฤษฎี
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ‘หยุดก่อหนี้เพิ่ม’
เพราะถ้าหนี้เก่าก็เยอะ แล้วยังสร้างหนี้ใหม่เพิ่มอีก
มีแต่ ‘ตายสถานเดียว’ ล่ะครับ
ต้อง ‘หยุดก่อหนี้’ ให้ได้
ผมจดรายการ มีหนี้อะไรบ้างที่ต้องใช้ โชคดีที่ผมมีหนี้ไม่มาก
หนี้บัตรเครดิต 2 ใบ
หนี้สินเชื่อ O/D
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมมีหนี้ 2 รายการที่ต้องใช้
ปัญหาคือ ผมมีรายได้หลักทางเดียว และมีรายได้จรมาเป็นครั้งคราว
ผมเลยต้อง ‘ทำบัญชีรายรับ รายจ่าย’ ขึ้นมาก่อน
ผมจะได้ ‘จำกัดรายจ่ายที่จำเป็นต้องจ่าย’
ก็อย่างเช่น อาหาร, น้ำ-ไฟ-โทรศัพท์-ของใช้ในบ้านต่าง ๆ
ซื้อตอนลดราคา หรือมี โปรแบบซื้อ 1 แถม 1 ก็ต้องดูพวกโปรเหล่านั้นจะได้ยื้อไปได้นานขึ้น ไม่ต้องเสียเงินซื้อบ่อย ๆ
พอเราเห็นว่ารายจ่ายจำเป็นมีอะไรบ้าง พอเงินเดือนออก
เราจะได้กันเงินไว้ในส่วนนี้ได้อย่างเหมาะสม
พอกันส่วนนี้แล้ว เราจะรู้ว่าเรามีเงินเหลืออีกเท่าไร
ทีนี้ผมก็มาดูหนี้ทั้ง 2 รายการ
หนี้บัตรเครดิต ต้องเลือกผ่อนขั้นต่ำ 10% ของภาระหนี้บัตรเครดิตที่ใช้ไป จ่ายขั้นต่ำ ยอมเสียดอกเบี้ยไปก่อน
หนี้ O/D ก็ไปคำนวณว่า เราใช้วงเงิน O/D ไปเท่าไร หยุดใช้ และทยอยจ่ายคืน
ผมคำนวณอัตราดอกเบี้ยตามที่ธนาคารเรียกเก็บต้องจ่ายเดือนละเท่าไร
สูตรในการคิดดอกเบี้ยก็คือ
เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย = ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจริง
ธนาคารส่วนใหญ่จะประกาศอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่เรียกเก็บเป็น % ต่อปี
1
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพนะครับ
เงินต้น (หรือภาระหนี้) = 1,500,000.-
ดอกเบี้ย MRR + 0.25%
ถ้า MRR ธนาคารประกาศที่ 7.25 ก็คือ 7.25 + 0.25 = 7.50% ต่อปี
ตามสูตรนะครับ
เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย = ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจริง
1,500,000 x 7.50% = 112,500.- ต่อปี
คราวนี้ถ้าเราอยากรู้ว่า ดอกเบี้ยเดือนละเท่าไร เราก็เอาผลลัพธ์นั้นหารด้วย 12 (1 ปี มี 12 เดือน) = 9,375.-/เดือน
ดังนั้นผมต้องกันเงินไว้ประมาณ 9,500.-/เดือน
เพื่อจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย O/D ไปก่อน เรื่องตัดต้นเงินแทบไม่ต้องคิด
จ่ายหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำอีก 6,000.-/เดือน
เท่ากับแต่ละเดือนผมต้องมีเงินอีก 15,500.- เพื่อใช้หนี้
ในเมื่อเรามีรายได้ประมาณหนึ่ง หักค่าใช้จ่ายประจำ
แล้วเอาเงินที่เหลือไปใช้หนี้ธนาคาร ตามแผนนี้
หลายคนอาจคิดว่าจ่ายแต่ดอกเบี้ย แล้วเมื่อไรเงินต้นจะหมดเสียที
ไม่หมดหรอกครับ แต่ทำไงได้ เราต้องเลือกบริหารหนี้แบบนี้ไปก่อน
1
เพราะผมยังต้องมีอีกสิ่งหนึ่งต้องทำ
‘เสียภาษี’
เพราะเงินเดือนผมถูกหักภาษีไว้ตามฐานภาษี ถ้าเราบริหารค่าลดหย่อนได้อย่างถูกวิธี เราจะทำให้ขั้นภาษีลดลง และได้เงินภาษีที่หักไว้คืนกลับมา
RMF และ LTF คือกลไกลหนึ่งที่ผมต้องแบ่งเงินไว้ลงทุนใน 2 กองนี้ เพื่อเอาไปลดหย่อนภาษี
ประกันชีวิตที่ผมซื้อไว้ ก็มีรอบปีที่ต้องเรียกเก็บเบี้ย
ผมเอาเงินโบนัสในแต่ละงวดกันไว้เพื่อเหตุฉุกเฉิน เอาไว้ในกองทุนตราสารหนี้ และสั่งขายมาซื้อกองทุน RMF + LTF จ่ายเบี้ยประกันชีวิต
พอได้เงินมาภาษีคืนก็นำมาเก็บไว้ในกองทุนตราสารหนี้เหมือนเดิม
ถ้ามีรายได้จากงานพิเศษมาบ้าง ก็ค่อยเอาไปลงทุนในกองทุนหุ้น เลือกจังหวะที่จะเอาไปลง
ใครที่คิดว่า ‘เป็นหนี้ แล้วไม่ต้องออม’ ผมบอกเลยว่ามันไม่ถูกต้องนะครับ
เพราะชีวิตเราเดินไปทุกวัน อายุเราเพิ่มขึ้น แต่ระยะเวลาเก็บออมเงินเราจะลดลง เพราะอายุงานของเราน้อยลงทุกที
ถ้าคุณมัวแต่มุ่งมั่นจะใช้หนี้ให้หมด บางทีอาจไม่ทันกับเวลาที่เหลือเพื่อจะเก็บออม และลงทุน
ถึงวันนั้น คุณอาจหมดหนี้ แต่ไม่มีเงินใช้ต่อไปในยามเกษียณ
แล้วสุดท้ายคุณอาจต้องขายบ้าน
ถ้าแบบนั้น สิ่งที่คุณพยายามมาก็สูญเปล่าสิครับ?
ดังนั้น คุณต้องวางแผนบริหารหนี้ ไปพร้อม ๆ กับ การออมเงินและการลงทุน
การออมเงิน = การลงทุน และ การลงทุน = การออมเงิน
จงทิ้งความคิดที่ว่า
‘ใช้หนี้ยังจะไม่พอ จะเอาที่ไหนมาออม’
แค่คิดแบบนี้ก็ทำให้คุณไม่มีทางออมได้แล้ว
แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณต้องออมเงินให้ได้
คุณจะพบหนทางนั้นเอง
ออมมาก ออมน้อย ไม่สำคัญ ถ้าเราเลือกเอาเงินที่จะออมไปวางให้ถูกที่
ถูกจังหวะ มูลค่ามันจะเพิ่มขึ้นเอง
นี่คือหลักการที่ผมใช้ บริหารหนี้ มีลงทุน และดูแลคนที่เรารัก
แต่คุณแม่ก็อยู่กับผมได้ไม่นาน หลังจากที่ท่านจากไปอย่างสงบ ผมคิดว่าลึก ๆ แม่คงรู้ว่าแม่เป็นภาระ และแม่ก็สู้ต่อไม่ไหวแล้วด้วย แม่จึงจากไปเมื่อผมสัญญาว่าจะดูแลน้าแทนแม่ต่อไปจนกว่าน้าจะจากไป
ทำให้ค่าใช้จ่ายเพื่อการรักษาแม่ไม่มีอีกต่อไป
ตรงนี้ล่ะที่สำคัญ คุณมีเงินกลับมาเพิ่มขึ้นจากเดิม
คุณจะทำอย่างไรกับเงินก้อนนี้?
ต้องเข้าใจก่อนว่า เดิมทีคุณไม่เคยมีเงินก้อนนี้มาก่อน
ดังนั้นเมื่อมีเงินกลับมาคุณต้องทำ 2 อย่าง
หนึ่ง...ใช้หนี้เพิ่ม จากที่เคยส่งแต่ดอกเบี้ย เราก็หยอดเงินต้นเพิ่มลงไปในการผ่อนแต่ละเดือนสำหรับหนี้ทั้งสองรายการ
สอง...ต้องออมเพิ่ม คุณไม่เคยมีเงินก้อนนี้ ก็จงไม่มีต่อไป เอามันมาลงทุน จำได้ไหม วางให้ถูกที่ ถูกจังหวะ มูลค่ามันจะเพิ่มขึ้น ผมเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวม มากกว่าจะไปเทรดหุ้น เพราะกองทุนรวมมันเฉลี่ยกันไป เราเสี่ยงน้อยกว่าเล่นหุ้นเอง
1
และเมื่อโบนัสออก ผมก็เอาเงินโบนัสมาลงทุนต่อ
เมื่อได้เงินภาษีคืน ผมก็เอาเงินภาษีคืนมาลงทุนต่อ
ผมทำตามแผนนี้อยู่ 5 ปี แล้ววันหนึ่ง แผนที่ผมวางก็พาผมไปแตะเงิน 7 หลักอีกครั้ง
มาถึงตอนนี้ ผมคงต้องนึกขอบคุณเพื่อนเลวของผม ที่โกงจนผมหมดตัว
วันนั้นผมบอกกับตัวเองว่า
“มันโกงเงินไปเท่าไร...ผมจะต้องกลับมามีให้ได้มากกว่าที่มันโกง”
มันคือแรงผลักดันอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผมมาถึงวันนี้
1
ถึงปัจจุบัน ผมจ่ายหนี้ O/D จนเหลือภาระหนี้ครึ่งเดียวแล้ว ผมมีเงินเก็บในทุกสินทรัพย์รวมกันเป็นตัวเลข 7 หลัก และผมตั้งเป้าหมายไว้ เกษียณผมต้องมีตัวเลข 8 หลัก
ผมวางแผนชีวิตหลังเกษียณผ่านการลงทุน ประกันแบบครบวงจรที่คุ้มครอง
ผมไปจนอายุ 100 ปี (ถ้าผมจะอยู่ถึงนะ)
1
แต่คุณรู้ไหม กว่าผมจะมาถึงวันนี้ ที่เรียกว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ผมก็ต้องแลกกับการอยู่ลำพัง อยู่อย่างโดดเดี่ยว
เพราะคนรักที่เคียงข้างผม เธอเลือกจะไปในวันที่ผมประสบความสำเร็จ
แม้เราจะยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
แต่เราก็ตัดสินใจจะมีเส้นทางชีวิตที่ไม่มีกันอีกต่อไป
ในวันที่คุณประสบความสำเร็จ
คุณอาจไม่เหลือใครที่จะร่วมชื่นชมความสำเร็จนั้น นอกจากตัวคุณเอง!
แต่ชีวิตมันก็ต้องเดินหน้าต่อไป...ใช่ไหม?
ไม่มีใครที่จะชีวิตสมบูรณ์พร้อมในชีวิต
ในตลอดเส้นทางที่คุณเดินไป
คุณมีโอกาสที่จะ ‘สูญเสีย’
และมีโอกาสที่จะ ‘ได้รับ’
เพราะนี่ล่ะคือ...’ชีวิตจริง ๆ ไม่ใช่นิยาย’
มาถึงตรงนี้ ผมอยากบอกว่า...
ทุกสิ่งที่เราเจอ ทั้งดีและร้าย มันล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
มันเข้ามาเพื่อให้เราเรียนรู้ และปรับตัว
มันเข้ามาเพื่อทดสอบจิตใจของคุณ
ไม่ว่าจะล้มลงกี่ครั้ง คุณมีเวลาที่จะนอนอยู่ตรงนั้นไปเรื่อย ๆ
หรือ คุณจะลุกขึ้นแล้วหาทางเดินต่อไป
มันอยู่ที่คุณเลือกครับ
แต่จงอย่าคิดสั้น เพียงเพราะถอดใจ เพราะสิ่งที่คุณทำ คุณกำลังทำร้ายคนที่คุณรัก
ในสถานการณ์ที่เลวร้าย เราอย่าเลวร้ายตามสถานการณ์
กำลังใจสร้างได้ด้วยวิธีคิด
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ ท่านครับ
มูฟวี่
โฆษณา