16 มิ.ย. 2020 เวลา 00:30 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้น : จิ้งจอกที่โดดเดี่ยวกับตาเฒ่าผู้เดี่ยวดาย [EP. 1]
ประมาณช่วงต้นศตวรรษที่ 20
คืนหนึ่งในป่าที่อยู่ไม่ห่างไกลจากเมืองมนุษย์มากนัก มีสิ่งมีชีวิตหนึ่งกำลังคืบคลานอยู่ในพงหญ้า ขนสีน้ำตาลแดงเคลื่อนตัวเสียดสีไปกับใบหญ้าอย่างแผ่วเบา จมูกแหลมยาวส่งเสียงดังฟุดฟิด ที่มีเพียงหูใหญ่ชี้ตั้งของมันเท่านั้นที่ได้ยินเสียงลมหายใจนี้
บรรยากาศภายในป่านั้นเย็นยะเยือกด้วยสายลมที่หาสัมผัสได้เฉพาะในยามค่ำคืน จักจั่นต่างกำลังส่งเสียงร้องระงมราวกับเสียงที่อื้ออึงในงานรื่นเริงแบบไม่เกรงใจผู้ใด
แต่นั้นก็ไม่สามารถละสมาธิของข้าไปได้ เพราะสมาธิของข้ากำลังจับจ้องไปที่เจ้ากระต่ายน้อยขนปุยสีขาวตัวหนึ่ง
โอว์! เจ้ากระต่ายน้อยเหยื่อของข้า เจ้าออกมาทำอะไรยามดึกเช่นนี้ เจ้าเพียงแค่อยากรู้อยากเห็นโลกยามราตรี หรือเพียงเพื่อจะได้ออกมาชมจันทร์ในยามค่ำคืนกันแน่
เครดิตภาพ : https://time.com/5559750/us-movie-rabbits-meaning-bunnies-in-horror-films/
แต่ค่ำคืนนี้ดูเหมือนจันทร์ข้างแรมจะเป็นใจให้นักล่าอย่างข้าเสียเหลือเกิน มันทำให้ราตรีนี้กลายเป็นคืนเดือนมืด
ทำให้สายตาสัตว์กลางวันอย่างกระต่ายน้อยจึงด้อยประสิทธิภาพลงไปอีก แต่ก็อย่าได้ประมาทหูยาวตั้งที่น่ามหัศจรรย์นั่นเชียวล่ะ
ข้าค่อยๆ คืบคลานเข้าไปอย่างระมัดระวัง คืนนี้ข้าหิวเหลือเกินและข้าจะไม่ยอมพลาดเนื้ออร่อยๆ ของเจ้ากระต่ายตัวนี้ไปเป็นแน่แท้
ใกล้เข้าไปอีก! ใกล้เข้าไปอีก! มันยังไม่รู้ตัวราวกับต้องมนต์สะกดอะไรบางอย่างที่สามารถสต๊าฟมันไว้อยู่กับที่ได้อย่างไรอย่างนั้น
อีกนิดเดียวเท่านั้นสหาย ลาบปากก็จะมาเสิร์ฟถึงปากเจ้าแล้ว
แต่ดูเหมือนเจ้ากระต่ายจะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ หูตั้งยาวของมันบิดไปมาซ้ายขวาเฉกเช่นเรดาร์ที่กำลังสแกนหาอะไรบางอย่าง หัวเริ่มหันไปมาสายตาก็สอดส่ายไม่แพ้กัน
ข้าพลาดตรงไหน..เสียง? หรือเผลอปล่อยรังสีนักล่าออกไปกันแน่?
หัวใจของข้าเริ่มสูบฉีด สัญชาตญาณนักล่าเริ่มปลุกเร้าอะดรีนาลีนในร่างกาย ตอนนี้ข้าพร้อมมากที่จะกระโจนออกไปและวิ่งไล่ล่าแล้ว
ว่าแล้วข้าก็ตัดสินใจพุ่งพรวนออกไปจากที่ซ่อน เจ้ากระต่ายน้อยตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเสมือนเห็นพญามัจจุราชมาปรากฏอยู่ตรงหน้า
มันวิ่งเตลิดไปแบบไร้ทิศทาง ข้าใช้จมูกที่แสนวิเศษและสายตาที่สามารถมองเห็นได้ในเวลากลางคืนที่ธรรมชาติรังสรรค์มาให้นี้ ตามร่องรอยแห่งความหวาดกลัวไปอย่างไม่ลดละ
และแล้วมันก็เสร็จข้า!
รสและกลิ่นคาวเลือดลอยอบอวนภายในปากของข้า สายตาสุดท้ายของเจ้ากระต่ายน้อยเหมือนจะวิงวอนให้ข้าไว้ชีวิตมันสักครั้ง
แต่ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย นี่คือวิถีธรรมชาติ นี่คือสายใยห่วงโซ่อาหารระหว่างเจ้าและของข้าที่ธรรมชาติกำหนดเอาไว้ และทั้งเจ้าและข้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้
ระหว่างที่ข้ากำลังรับประทานเนื้อกระต่ายน้อยอยู่นั่น ข้าก็ได้กลิ่นเผาไหม้อะไรบางอย่าง มันรบกวนจมูกของข้ามากเสียจนข้าต้องผละจากอาหารของข้าเพื่อเดินไปตรวจดูว่าอะไรกันแน่ที่ไหม้
เพราะถ้าหากเป็นไฟไหม้ป่า ข้าจะได้ส่งเสียงหอนร้องเตือนให้เหล่าสรรพสัตว์ในป่าแห่งนี้ ให้ตื่นขึ้นและเริ่มทำการอพยพไปยังที่ปลอดภัย
ข้าตามกลิ่นนั้นไป จนเดินขึ้นเลยเนินหญ้าไปก็พบเห็นกระท่อมไม้หลังหนึ่ง ที่ปล่องควันกำลังพ่นฝุ่นละอองสีเทาจนเกือบดำออกมา
เครดิตภาพ : https://www.picfair.com/pics/01156326-old-wooden-cabin
นี่ข้าวิ่งตามเจ้ากระต่ายนี้มาไกลแค่ไหนกันนะ ถึงได้มาพบเจอกับบ้านของมนุษย์เข้าเสียได้
ความจริงข้าควรที่จะหันหลังกลับและรีบวิ่งจากไปมากกว่า เพราะมนุษย์นั้นทรงอำนาจมากรองมาจากพลังของธรรมชาติ และแม่ข้าย้ำเตือนข้าเมื่อครั้งวัยเยาว์เสมอว่า “ฟังคำพูดของแม่ไว้นะลูก อย่าได้ไว้ใจมนุษย์”
เพียงแต่หูที่แสนภาคภูมิใจของข้ากลับได้ยินเสียงแว่วดังล่องลอยมาจากภายในบ้านหลังนั้น
“โอ้ย!!!”
น่าขายหน้าจริงๆ ที่ข้าไม่อาจเอาชนะความอยากรู้อยากเห็นนี้ไปได้ ข้าจึงตัดสินใจค่อยๆ ย่องเข้าไปเพื่อสอดส่องคลายข้อสงสัยที่กำลังตกผลึกค้างคาอยู่ในใจ
ข้าเห็นหน้าต่างกระจกบานหนึ่งที่เปิดแง้มเอาไว้นิดหน่อยเพื่อให้สายลมได้สอดตัวเองผ่านเข้าไปได้ และข้าตัดสินใจใช้ขาหน้าทั้งสองตะกายเกาะเกี่ยวไปตามร่องกำแพงไม้ เพื่อยึดเหนี่ยวชะโงกหัวยืดหน้าส่องได้อย่างถนัดถนี่
แสงไฟภายในห้องนั้นเกิดจากไฟที่โชติช่วงในเตาผิง และไม่ไกลจากโซฟาข้าเห็นร่างๆ หนึ่งล้มลงคว่ำหน้าอยู่กับพื้น เขาดูเหมือนจะพยายามจะเอื้อมมือไปยังไม้เท้าที่รูปลักษณ์ไม่ต่างไปจากขอนไม้แท่งหนึ่ง แต่มันถูกยกระดับขึ้นมาด้วยอัญมณีเม็ดโตที่ฝังไว้บริเวณหัวไม้เท้า
เสียงร้องโอ้ยๆ ดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาเอามือลงไปลูบแข้งขาของตัวเองแทน สัญชาตญาณให้คำตอบกับข้าว่าตาแก่นี่ขาเขาคงเจ็บอยู่เป็นแน่แท้
เครดิตภาพ : https://www.pinterest.com/pin/AWmwbQjPfL-kkQjPGAWjxlIgEsE65oqHngb_zIF55pliYF-yyhgqM7I/
“เจ้าจิ้งจอกเอย” ตาเฒ่าร้องเรียกหา
ชิบหายแล้ว! เขาเห็นข้าได้อย่างไรนะ?
“ได้โปรดเถิดเจ้าจิ้งจอก ช่วยชายแก่อย่างข้าสักครั้ง” ตาเฒ่าส่งเสียงวิงวอน
มันคงเป็นเรื่องที่งี่เง่ามากหากข้าต้องพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุดในโลก
แม้ในด้านกายภาพพวกเขาจะสู้พวกเราเหล่าสัตว์นักล่าไม่ได้ แต่พวกเขามีสิ่งที่ทั้งเป็นประโยชน์และน่าหวั่นเกรงไปพร้อมๆ กัน นั้นก็คือสติปัญญา
สติปัญญาที่สามารถผลิตเครื่องมือล่าสังหารคร่าชีวิตนั้นไงล่ะ
ข้าเคยเห็นพวกมันถือหรือห้อยอุปกรณ์รูปทรงคล้ายท่อนไม้นี้ไว้ด้านหลัง อุปกรณ์นั้นส่งเสียงร้องที่น่ากลัวและน่าเกรงขาม สัตว์ทุกตัวที่ได้ยินเสียงนั่นล้วนแต่ต้องตื่นตกใจขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน นั้นข้าหมายความรวมถึงเหล่าสัตว์นักล่าทั้งหลายด้วยนะ
เสียงคำรามเพียงหนึ่งครั้งของมัน สามารถล้มช้างตัวใหญ่ได้ทั้งตัวอย่างน่ามหัศจรรย์จากระยะไกล พวกเราไม่รู้ว่ามันมีเวทมนต์หรือคำสาปอะไรอยู่ในนั้น แต่พวกเราต่างเรียกขานมันว่า ‘เสียงของแทนาทอส’ (แทนาทอส : เป็นเทพเจ้าแห่งความตายตามตำนานกรีก ผู้ที่สามารถควบคุมความตายของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนโลก และยังเป็นเทพผู้ช่วยของฮาเดสเจ้าแห่งนรกภูมิอีกด้วย)
ทั้งๆ ที่เจ้าป่ายังต้องอาศัยเพื่อนทั้งฝูงในการจะล้มช้างตัวหนึ่ง ซึ่งความจริงแล้วพวกเราต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากมายเสียด้วย ในการจะเข้าไปมีเรื่องกับยักษ์ใหญ่ปักหลักอย่างนั้น
“หากให้เข้าหามนุษย์ สู้วิ่งไปหาฝูงสิงโตหรือฝูงหมาป่าเสียดีกว่า” เสียงตัดพ้อหึ่งๆ ที่ส่งต่อกันไปจากสัตว์ตัวหนึ่งไปสู่อีกหลายๆ ตัวราวกับเชื้อรา “การตายเพื่อเป็นอาหารให้พวกเขา รู้สึกดีกว่าการตายเพื่อสนองรอยยิ้มให้กับพวกมนุษย์...เพราะอย่างน้อยๆ การเป็นอาหารยังรู้สึกว่านักล่าเหล่านี้ให้เกียรติชีวิตของเรามากกว่า”
และดูนั้นสิ! ข้ามองเห็นอุปกรณ์ทรงกระบอกเหมือนท่อนไม้นั่น ถูกค้ำยันด้วยขาไม้สามขาอยู่แถวบริเวณหน้าต่างฝั่งตรงข้าม
เครดิตภาพ : https://www.artstation.com/artwork/z6bvL
แล้วข้าจะไว้ใจตาแก่นี้ได้อย่างไรเล่า?
“ได้โปรดเถิด” ตาแก่คร่ำครวญซ้ำไปซ้ำ และนี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกรำคาญหูฟ้าประทานคู่นี้เสียเหลือเกิน มันได้เชื้อเชิญเสียงวิงวอนให้เข้ามาคอยกะเทาะจิตใจที่เคยแข็งกระด้างของข้าให้อ่อนไหวลง
ข้าตัดสินใจใช้เท้าตะกุยหน้าต่างให้เปิดอ้างเพียงพอกับที่ตัวข้าจะมุดผ่านเข้าไปได้
ข้าอาจเป็นบ้าไปแล้วก็เป็นได้
เมื่อเข้าไปได้ข้าก็รีบวิ่งสี่ขาไปที่ไม้เท้าสุดหรูเพราะพลังแห่งอัญมณีอันนั่น แล้วคาบไปใส่ที่มือของชายชรา
ข้าควรทำแค่นี้แล้วก็จากไป แต่ข้าดันเหลือบหันกลับมามองแล้วเห็นว่าตาแก่นั้นยังลุกยันกายของตัวเองขึ้นมาได้อย่างยากเย็นอยู่ดี
สุดที่จะทนไหว ข้ารีบวิ่งไปข้างตาเฒ่านั้น “ใช้ตัวข้าเป็นที่ยันกายของเจ้าซะตาแก่”
ตาเฒ่าทำตามประหนึ่งเด็กน้อยที่แสนจะว่านอนสอนง่าย เขาใช้มือกดลงไปที่หลังของข้าเพื่อช่วยยันกายของตัวเองขึ้น ในขณะที่มืออีกข้างของเขาใช้ไม้เท้าช่วยค้ำยันตัวเองขึ้นมา
ตาแก่นั้นพอยันกายตัวขึ้นมาได้ระดับนึง เขาก็ทิ้งตัวไปที่โซฟาแทบจะทันที
“ฟู่!!! หากไม่ได้เจ้าข้าคงแย่แน่ๆ เจ้าจิ้งจอกน้อย” ชายแก่ถอดหายใจโล่งอก “เดี๋ยวอย่าเพิ่งไปสหายข้า”
เขาร้องปรามข้าในขณะที่ข้ากำลังเคลื่อนที่เพื่อออกไปจากบ้านของเขา “ข้าไม่ไว้ใจเจ้าหรอกนะเจ้ามนุษย์”
“โอว์! โปรดวางใจในชายชราอย่างข้าเถิด” ชายเฒ่ายื่นของบางอย่างมาให้
ข้าลองยื่นจมูกไปสูดดมดู และมันก็คือเนื้อที่ถูกปรุงรสมาแล้ว กลิ่นเครื่องเทศอะไรสักอย่างฉุนติดจมูกข้า “ข้าเพิ่งกินกระต่ายไป ข้าขอผ่านมื้อไปก่อนและกัน” ความจริงแล้วข้าไม่ไว้ใจในเนื้อชิ้นนั้นต่างหากล่ะ “ว่าแต่เจ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าร้องตอบออกไปด้วยรึ?”
“ฮ่าๆ ถ้าข้าไม่เข้าใจข้าจะตอบเจ้าได้หรือเจ้าหมาน้อย” ชายเฒ่าหัวเราะร่วน “แต่ได้โปรดอย่าถามข้าเลยว่า ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูดได้อย่างไร”
“งั้นเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวกลับไปยังที่ของข้าเลยแล้วกัน”
“ได้โปรดอยู่เป็นเพื่อนคุยกับข้าสักประเดี๋ยวได้หรือไม่? และที่นี่มีเตาผิงอุ่นๆ ให้กับเจ้าด้วยนะ” ชายแก่ชี้นิ้วไปที่เตาผิงที่ฟืนและไฟส่งเสียงร้องดังเป๊าะแป๊ะราวกับคนดีดนิ้ว
คืนนั้นตาแก่เล่าชีวิตของตัวเองในช่วงหนุ่มๆ ของเขา ซึ่งจริงๆ แล้วเขาเป็นคนจากเมืองหลวง แต่ด้วยความที่ชอบชีวิตที่สันโดษ เขาจึงตัดสินใจพาตัวเองมายังเมืองที่อยู่ไกลปืนเที่ยงแบบนี้
‘เงียบงัน พลัดถิ่น และฉลาดหลักแหลม’ คือคติที่ตาเฒ่านี่เชิดชูบูชา เห็นว่าเป็นคำพูดของมนุษย์อีกคนที่ชื่อ เจมส์ จอยซ์ นักเขียนโมเดิร์นนิสม์ชื่อดังแห่งยุคอะไรนี่แหละ
ความเงียบทำให้จินตนาการของเขาทำงานถึงขีดสุด ความสันโดษทำให้เขารู้สึกได้ถึงความเป็นตัวของตัวเอง และความเดี่ยวดายทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความเป็นอิสระ
เขาประกอบอาชีพเป็นช่างตัดเสื้อ และเขาประสบความสำเร็จอย่างมากเสียด้วยสิ ชุดที่เขาลงมือตัดเย็บนั้นล้วนแต่ประณีตและสง่างาม จนเป็นที่ต้องตาต้องใจเหล่าคนชนชั้นสูงเป็นอย่างมาก
เครดิตภาพ : https://www.telegraph.co.uk/fashion/style/learn-how-knit-best-knitting-video-tutorials-online/
และด้วยการที่เป็นงานตัดเย็บด้วยมือ ทำให้แต่ละชุดที่ถูกตัดเย็บออกมานั้นมีจำนวนน้อยชิ้นมาก นั้นยิ่งทำให้เหล่าชนชั้นสูงต่างอยากไขว่คว้าหาชุดของเขามาไว้ในครอบครองแทบจะทั้งสิ้น
เพราะมันล้วนแต่สร้างความภาคภูมิใจให้กับเขาเหล่านั้น โดยเฉพาะในเวลาที่พวกเขาได้สวมใส่และเดินอวดโฉมในงานเลี้ยงสุดหรูต่างๆ อันเป็นการท้าทายประกายไฟแห่งความอิจฉาของผู้คนที่พบเห็นเป็นอย่างมาก แต่นั้นก็ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนได้กลายเป็นคนที่สุดพิเศษภายในงานนั้น
“แต่เมื่อยามวัยเข้าสู่ช่วงไม้ใกล้ฝั่ง ข้าได้ลองใช้กล้องส่องทางไกล นั้นสังเกตผู้คนภายในเมือง” ตาเฒ่าชี้ไปที่ท่อนไม้ที่ถูกค้ำยันด้วยขาไม้สามขา ที่ตั้งอยู่แถวบริเวณหน้าต่างฝั่งตรงข้าม
“กล้องส่องทางไกลมันคืออะไร?” ข้าคิดสงสัยพร้อมเริ่มหวาดกลัว “มันคือสิ่งที่ส่งเสียงร้องก้องกังวานและคร่าสิ่งมีชีวิตใช่หรือไม่?”
“ไม่ๆ” ตาเฒ่ารีบปฏิเสธด้วยเสียงที่ห้วนและหนักแน่น “เจ้าสิ่งนี้ด้อยพลังเกินกว่าที่จะไปคร่าชีวิตใครได้ แต่มันทำให้เจ้ามองไปได้ไกลกว่าที่เจ้าเคยเห็น”
“พวกเจ้าประดิษฐ์ของมหัศจรรย์อะไรขึ้นมาอีกแล้วหรือเนี่ย?”
“เจ้าของสิ่งนี้มีมานานแล้วสหายสี่ขาของข้า และเราต้องขอบคุณท่านกาลิเลโอ กับการให้กำเนิดเจ้าสิ่งนี้เมื่อปี 1609” ตาเฒ่าเดินโขยกเขยกพร้อมไม้เท้าคอยพยุงร่างไปยังโซฟาที่อยู่ใกล้กับกล้องส่องทางไกล “มาลองดูด้วยตาเจ้าเองสิสหายข้า”
ข้าเดินสอยเท้าเข้าไปอย่างเร่งรีบพร้อมกับความตื่นเต้น ตาแก่นี่บอกกับข้าว่าข้าจะต้องทำอย่างไรบ้าง
เครดิตภาพ : https://www.dailymail.co.uk/news/article-6076617/Adorable-moment-fox-gets-photographers-lens.html
ดูนั้นสิ! บ้านของมนุษย์ที่อยู่ภายในเมืองจากเคยที่เล็กจิ๋วกลายมาเป็นกล่องสี่เหลี่ยมใบใหญ่ ผู้คนที่มองแทบไม่เคยเห็นจากตรงนี้ แต่บัดนี้ข้ามองเห็นแม้กระทั่งว่าพวกเขากำลังจะทำอะไรกันอยู่
“นี่พวกท่านนำความสามารถสุดทึ่งจากนกเหยี่ยวมาครอบครองเป็นของตัวเองได้อย่างไร?” หัวใจของจิ้งจอกเต้นระรัว
“ฮ่าๆ ข้าเองก็อยากจะบรรยายให้เจ้าฟังอยู่เหมือนกันนะสหาย แต่เกรงว่าเจ้าอาจจะไม่เข้าใจ” ตาเฒ่าถอนหายใจเฮือกใหญ่หนึ่งที “ว่าแต่...คืนนี้ข้ามีเรื่องอยากจะไหว้วานเจ้าหน่อยจะได้หรือไม่?”
หา! มนุษย์ผู้ที่มีอำนาจช่วงชิงสายตาเหยี่ยวที่ธรรมชาติสร้างให้กับมันโดยเฉพาะ มาเป็นของตนเองและใช้งานมันได้อย่างง่ายดายราวกับหายใจเข้าออกเช่นนี้ ยังมีเรื่องอะไรที่จำต้องไหว้วานเดรัจฉานสี่ขาอย่างข้าด้วยหรือเนี่ย?
*** [ จบ EP.1] ***

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา