16 มิ.ย. 2020 เวลา 02:11
สองในสาม
ผมชอบป้ายที่ตั้งไว้บนโต๊ะประชุมของพี่หัวหน้ากฎหมายที่เคารพท่านหนึ่งมากๆ เวลารีบมาหาเพื่อวานพี่เขาทำงานด่วนๆให้ทีไร ก็จะต้องอ่านป้ายระหว่างรอพี่เขามา พอพี่เขามาถึง ในใจก็ได้เลือกไว้สองในสามตามป้ายที่บอกไว้พอดี ซึ่งป้ายบนโต๊ะพี่เขามีข้อความที่เขียนไว้ว่า
We offer three kinds of service
GOOD – CHEAP-FAST
You can pick any two
Good service Cheap won’t be fast
Good service Fast won’t be cheap
Fast service Cheap wont be good
การที่จะจ้างงานที่ได้ทั้ง ถูก เร็ว และ ดี ด้วยนั้นไม่มีในโลกหรือมีก็อยู่แต่ในความฝันของผู้ว่าจ้างที่พยายามหางานที่ดีที่สุด ได้เร็วที่สุดและถูกที่สุด แต่หาอย่างไรก็ไม่น่าจะเจอ ที่เจออย่างมากโชคดีมีแค่สองในสามก็น่าจะพอใจแล้ว จากประสบการณ์พี่เขาคงเจอมาเยอะ ก็เลยตั้งป้ายเตือนไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องอ้อมค้อมมาก
โดยปกติถ้าเราอยากได้งานเร็วงานด่วนก็มักจะต้องแพงกว่าปกติ ถ้าอยากได้ของมีคุณภาพราคาถูกก็ต้องรอคิวต้องช้าหน่อย หรือถ้าอยากได้เร็วๆราคาถูก ของที่ได้ก็มักจะไม่มีคุณภาพ งานกฎหมายก็อยู่ในกรอบสามข้อนี้ ถ้าอยากได้สัญญาที่เนี้ยบและเร็วก็ต้องเอามือดีมาทำแถมลัดคิวคนอื่นก็ต้องแพงหูฉี่ ถ้าอยากได้คุณภาพดีราคาถูกก็ต้องรอหน่อย รอให้มือดีพอมีเวลาค่อยๆทำให้ แต่ถ้าอยากได้เดี๋ยวนี้และไม่แพงก็ต้องเอามือใหม่ที่ว่างอยู่มาซึ่งก็การันตีความเนี้ยบไม่ได้ คำพูดแบบ งานพี่ด่วนนะ แต่ขอเจ๋งๆแบบเทพๆ แต่พี่ไม่มีงบเลย ก็น่าจะคุ้นๆอยู่หลายวงการอยู่
งานฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นเอเจนซี่โฆษณา คนออกแบบกราฟฟิค สถาปนิก อู่ซ่อมรถ ฯลฯ ก็มักจะมีข้อจำกัดเหมือนกัน คนที่พยายามจะจ้างงานจึงต้องเข้าใจข้อจำกัดและต้องเลือกว่าอะไรสำคัญน้อยสุดในระหว่างสามเรื่องนี้ ในการพยายามหาถูก เร็ว และดี คงเหมือนหาหนวดเต่าเขากระต่าย อาจจะมีอยู่ในโลกแต่ก็คงเสียเวลาในการหา ในที่สุดก็คงไม่เร็วจนได้
….
และก็มีใครบางคนเคยพูดถึงสัจธรรมของลูกจ้างในที่ทำงานว่า ถ้าจะพออยู่รอดและเจริญเติบโตได้ในบริษัทต้องมีอย่างน้อยสองในสามข้อของการทำงาน คือ เก่ง นิสัยดี หรือ ขยัน ถ้ามีแค่ข้อใดข้อหนึ่งก็อาจจะไม่รอด เก่งอย่างเดียวแต่คนเกลียดและขี้เกียจสุดๆก็ไม่น่ารอด นิสัยดีอย่างเดียวแต่วันๆไม่ทำอะไรเลยแถมทำทีไรก็ไม่ได้เรื่องก็ไม่น่าจะไหว หรือขยันแหลกแต่ทะเลาะกะคนไปทั่วแถมงานออกมาห่วยอีกก็ยิ่งไม่รอดเข้าไปใหญ่
แต่ถ้าเราเก่งและนิสัยดี ขี้เกียจบ้างอะไรบ้างคนก็ยังพอรับได้ ถ้าเรานิสัยดีมากและขยันช่วยเหลือคนสุดๆ ไม่เก่งบ้างไรบ้างคนก็ยังอยากให้อยู่ในทีม หรือถ้าเราเก่งและขยัน ผลงานดีมากแต่นิสัยแย่ บริษัทก็อาจจะยังไม่ว่าอะไรมากเพราะมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และแน่นอนว่าถ้าเราทั้งเก่ง ทั้งนิสัยดี ทั้งขยัน ก็จะเป็นพนักงานในฝันของเจ้านาย ซึ่งมองไปก็แทบจะหาได้ยากมากๆในชีวิตจริง แต่ใครมีครบสามข้อก็น่าจะมีค่าตัวที่แพงใช้ได้และโดดเด่นกว่าคนอื่นอย่างแน่นอน
ในมุมลูกจ้าง เราจึงควรจะต้องสำรวจตัวเองว่าเราพอมีคุณสมบัติในสายตาคนอื่นอย่างน้อยสองข้อหรือไม่ ถ้ารู้สึกว่ามีอยู่แค่ข้อเดียว ก็น่าจะลองพยายามคิดพัฒนาอีกซักข้อหนึ่งให้เป็นความอุ่นใจมากขึ้นโดยเฉพาะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่แบบนี้
ในมุมของชิ้นงานที่อยากได้ สองในสามก็มากพอแล้ว แต่ในมุมของพนักงาน สองในสามคือขั้นต่ำ สองเรื่องที่เล่านั้นเหมือนจะคนละเรื่องกัน แต่ถ้านึกดีๆการที่เราใช้หลักการเข้าใจผู้อื่นเรื่องสองในสามในการทำงานร่วมกับคนอื่นก็น่าจะทำให้เราเป็นคนน่ารักที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นได้ดีขึ้น และถ้าเราพยายามผลักดันตัวเองให้ทั้งเก่ง ทั้งนิสัยดี ทั้งขยันได้ ก็น่าจะทำให้เราเป็น rare item ที่หาได้ยากและจะเปิดโอกาสอะไรหลายอย่างมากๆในชีวิตได้เช่นกัน ….
สองในสามครับ…
โฆษณา