17 มิ.ย. 2020 เวลา 05:17 • บันเทิง
ทำไมศิลปิน บางคน ถึงล้มแล้ว ลุกไม่ได้??
นี่คือข้อคิดและมุมมองของผม ที่ได้นั่งฟังคลิปสัมภาษณ์ คุณหนุ่ม วงกะลา ในรายการป๋าเต็ด ทอร์ค ที่จะนำคนในวงการศิลปินมานั่งพูดคุยกันอยู่เป็นประจำ
จริงๆแล้วผมก็เป็นแฟนรายการนี้นะครับเพราะว่าการได้นั่งฟังวิถีชีวิตของศิลปินหลายๆครั้งมันก็ทำให้เราได้ตกตะกอนความคิดอะไรบางอย่าง ครั้งนี้เองก็เช่นกัน
เรื่องราวของคุณหนุ่มวงกะลาเป็นอะไรที่น่าสนใจพอสมควรครับ ผมพึ่งรู้ว่าเขาเริ่มต้นมาจากครอบครัวที่เรียกว่าติดลบก็ว่าได้ พ่อแม่เป็นหนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้มีเงินเหลือกินเหลือใช้สักเท่าไหร่ มิหนำซ้ำ ยังต้องนำของไปจำนำ เพื่อนำเงินมาประทังชีวิตคนภายในบ้านอีกด้วย ด้วยความที่ชีวิตไม่ได้สวยหรูสักเท่าไหร่ เขาจึงขวนขวายโอกาสอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้มาซึ่งการออกอัลบั้มเป็นศิลปิน
แต่เมื่อไปจนถึงจุดสูงสุดของความสำเร็จที่โด่งดังมากๆในระดับหนึ่งแล้ว อยู่ดี ๆ วันหนึ่งกราฟของชีวิตก็พุ่งตกลงมาอย่างน่าใจหาย วงดนตรีที่เคยเล่นด้วยกันมากกว่า 10 ปีก็ต้องแตกแล้วแยกวงจะไป ถึงแม้ว่าเขาจะกลับมาสร้างวงใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่ผลสุดท้ายก็จบลงด้วยคำว่าแยกทางเหมือนเดิม
สิ่งที่น่าสนใจที่ผมจับประเด็นได้จากเรื่องราวของคุณหนุ่มวงกะลานั่นก็คือ
ทำไมคนที่เป็นศิลปินบางคน หรือนักแสดงบางคน ถึงล้มแล้ว ลุกไม่ได้??
นั่นก็เป็นเพราะว่า พวกเขาเหล่านั้น เสพติดความสำเร็จแบบไม่รู้ตัว
และไม่เคย มีวิชา รับมือกับความล้มเหลว นั่นเอง!!
1
ชีวิต ศิลปิน และนักแสดงนั้น ต้องยอมรับนะครับว่า เวลาที่กราฟมันพุ่งนั้น รายได้ที่เข้ามา ชื่อเสียง รวมถึงการยอมรับ นั้น มันมากเกินกว่าที่จะคิดไว้จริง ๆ นั่นแหละคือความสำเร็จที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้น เสพติดมันไปโดยไม่รู้ตัว
และมันจะเปลี่ยนความคิด รวมไปถึงการกระทำของพวกเขาเหล่านั้น ไปโดยสิ้นเชิง
อย่างที่เราเห็นว่า ศิลปินหรือดาราบางคน ดังแล้ว กลายเป็นคนเย่อหยิ่ง
มีข้อบังคับ มีคำขอพิเศษมากมาย หากจะจ้างงาน ตัวเขา
ถ้าเป็นศิลปิน ก็จะรับแต่งานที่จะมีคนดูเยอะ ๆ เท่านั้น
สิ่งเหล่านี้คือการกระทำที่เราตั้งขึ้นมา เพราะไปยึดติดกับ คำว่า โด่งดัง จนในที่สุด เมื่อวันที่ กราฟของชีวิตมันดิ่งลง เรทติ้งน้อยลง ออกเพลงมาคนไม่ค่อยจะฟัง หรือ เล่นละครมาแล้วคนไม่ค่อยจะดู
พวกเขาจึงรู้สึกผิดหวังมากกว่าใคร ๆ และบางคน ถึงกับคิดว่าตัวเองด้อยค่าเลยก็มี
วิธีแก้ปัญหาที่เราเห็นกันเป็นประจำคือ หันหน้าเข้าหา อบายมุข ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เหล้า หรือแม้กระทั่งยาเสพติด และในที่สุด ปลายทางของพวกเขา ก็คือหุบเหว ที่ยากจะปีนขึ้นมา
คุณหนุ่ม เองก็เช่นกัน ในช่วงเวลาที่กราฟของวงดิ่งลง ปล่อยเพลงออกมาแล้วไม่ดังเท่าที่ควร ใช้คำนี้นะครับ ไม่ใช่ไม่เป็นที่รู้จัก แต่ยอดขายมันไม่ได้อย่างที่เคยจะเป็น
นั่นก็ทำให้ เขาหันหลังมากินเหล้าอย่างหนัก ตลอดระยะเวลา 2 ปี
แต่ก็ยังดีที่คุณหนุ่ม มีคนรอบข้างที่ดี คอยช่วยเหลือ และฉุดดึงเขาขึ้นมา จากก้นเหวนั้นได้ ในที่สุด
ในทางกลับกัน บางคนไม่มีคนคอยช่วยเหลือ ก็กลับกลายเป็นว่า ดิ่งลงไปตลอดกาล และไม่กลับขึ้นมาอีกเลย
สาเหตุหลัก ๆ ที่คนเคยดังนั้น เป็นก็คือ เขา ไม่ได้มีวิธีการรับมือกับความล้มเหลว ที่จะเกิดขึ้น หรือ ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ว่าวันหนึ่ง เมื่อไม่โด่งดังแล้วจะทำอะไร
จริง ๆ แล้วผมเองก็สะท้อนมาถึงตัวเองเหมือนกันครับ
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ที่เขียนบทความ และได้ดาวติด ๆ กันทุกวัน มีคนอ่าน มีคนแชร์ คนไลก์เยอะมากมาย แต่พอมาช่วงหลัง ๆ ที่เขียนและแทบจะไม่ได้ดาวเลย ก็มีความรู้สึกท้อแท้ ไม่อยากเขียนขึ้นมาเหมือนกัน
เรื่องนี้ทำให้ย้อนกลับมาดูตัวเอง ว่าเราเองก็เป็นอย่างที่เขาเป็น เสพติดกับความสำเร็จในช่วงนั้น และไม่ได้เตรียมการรับมือกับอนาคตที่มันจะเปลี่ยนแปลงไป
ทำให้รู้ว่า แท้จริงแล้ว ความสุขบางอย่าง มันก็เป็นตัวที่ คอยกัดกร่อน จิตใจเราเช่นกัน
มันทำให้เรายึดติด กับความสำเร็จที่เคยเกิดขึ้น และทำให้เราหงุดหงิด ในเวลาที่เราทำไม่ได้อย่างที่เคยทำ ทั้ง ๆที่ในความเป็นจริง ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งเข็มวินาทีของนาฬิกา ก็ยังคงเปลี่ยนทุกวินาที
พอย้อนมองแล้วทำให้นึกถึงอีกเรื่อง นั่นก็คือ คำสอนของ พระพุทธเจ้า ในเรื่อง มรณานุสติ
ที่เน้นให้เราตระหนักถึงความตาย ในทุกช่วงของเวลา
เพราะการที่เราคิดแบบนั้น จะทำให้เราไม่ยึดติด และ ทำให้อารมณ์ที่ว่ามาข้างต้น นั้นสลายไปก่อนที่มันจะเกิด
ปัญหาต่าง ๆ มากมาย ในชีวิต ที่เราเจอนั้น เป็นเพราะเรา ไปยึดติดกับมัน ทั้งนั้น
แต่ถ้าเมื่อใดที่ใจปล่อยวางได้ ใจที่เคยหนัก ก็จะเบาลงเอง
1
ผมมีคำถามหนึ่ง ที่ถามตัวเองในช่วงหลังมานี้ ว่า "ถ้าหากว่าวันพรุ่งนี้เราตายไป เราจะเสียใจกับเรื่องอะไรอีก"??
เป็นคำถามที่ทำให้คิดกลับมามองดูว่า อะไรบ้างหละ คือสิ่งที่เราอยากจะทำและยังไม่ได้ทำ อะไรบ้างหละ คือสิ่งที่เราไปยึดติดกับมันมากเกินไป อะไรบ้างหละที่ปล่อยวางแล้วจะช่วยให้สบายใจ
1
เมื่อตอบคำถามเหล่านี้มากขึ้น และคำตอบที่ตอบเริ่มน้อยลง นั่นแหละ แสดงว่าคุณเริ่มที่จะปล่อยวางได้บ้างแล้ว
สำหรับตัวผมเองก็ยังมีคำตอบค่อนข้างเยอะอยู่นะครับ (ยังปล่อยไม่หมด) แต่การทำแบบนี้ก็เป็นการเตือนตัวเองได้ดีมากจริงๆ หากใครจะลองนำไปทำดู ก็ไม่ว่ากันครับ
สุดท้ายแล้ว สรุปอีกทีว่าทำไม คนบางคน ถึงล้มแล้ว ลุกขึ้นไม่ได้??
สาเหตุนั่นก็เพราะ เขายังยึดติด อยู่กับสิ่งที่เคยมี เคยเป็น เมื่อใดก็ตามที่ปล่อยวางลงได้แล้ว เมื่อนั้น ก็จะก้าวผ่านความล้มเหลว และก้าวเดินในทางใหม่ได้เอง
ขอให้เรื่องราวเหล่านี้ "ฉุดคิด" คนอ่านได้บ้างนะครับ
โฆษณา