18 มิ.ย. 2020 เวลา 00:07
ยับ ! ปืนแตกเพราะลุยซ์เหวอโดนเรือใบกระทุ้งไป 3 เม็ด
พรีเมียร์ลีก กลับมาแข่งขันในช่วงที่เหลือของฤดูกาล 2019-20 เรียบร้อยแล้ว โดยเปิดหัวด้วยเกมตกค้าง 2 นัด และคู่ดึกสุดเป็น แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านรับมือ อาร์เซน่อล
สำหรับเกมนี้ อาจมีกองเชียร์ "ปืนใหญ่" แบบเฉพาะกิจเยอะเป็นพิเศษ เพราะถ้า "เรือใบสีฟ้า" แพ้ในเกมนี้ ลิเวอร์พูล สามารถปลดแอกสู่ตำแหน่งแชมป์ได้เลยถ้ากำชัยเหนือ เอฟเวอร์ตัน วันอาทิตย์นี้
โดยเกมนี้เป็นการปะทะกึ๋นกันครั้งแรกระหว่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับ มิเกล อาร์เตต้า ที่อำลาตำแหน่งมือขวามาเป็นนายใหญ่ของ "เดอะ กันเนอร์ส" เมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว
แมนฯ ซิตี้ ปรับทัพ 8 ตำแหน่งจากเกมล่าสุดที่ออกไปแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด 0-2 เหลือเพียง เอแดร์ซอน, อิลคาย กุนโดกัน และ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้สิทธิ์ประจำการตัวจริงต่อเนื่อง ขณะที่ ลีรอย ซาเน่ สลัดเดี้ยงกลับมามีชื่อบนม้านั่งสำรองเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน
ในระบบ 4-3-3 เอแดร์ซอน ปักหลักหน้าปากประตู แบ็กโฟร์เลือก ไคล์ วอล์คเกอร์, เอริก การ์เซีย, เอมเมอริก ลาปอร์กต์ และ แบงฌาแม็ง เมนดี้
แดนกลางวาง อิลคาย กุนโดกัน เป็นศูนย์กลาง ขนาบด้วย ดาบิด ซิลบา กับ เควิน เดอ บรอยน์ แดนหน้าวาง ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส และ ราฮีม สเตอร์ลิง
อาร์เซน่อล ที่เฉือนชนะ เวสต์แฮม 1-0 เป็นเกมสุดท้ายก่อนเว้นวรรคยาว เลือกเปลี่ยน 5 ตำแหน่ง เมซุต โอซิล, โซคราติส ปาปาสตาาโธปูลอส, นิโกล่าส์ เปเป้, ดานี่ เซบาโยส และ ดาวิด ลุยซ์ หลุดโผตัวจริง เป็นโอกาสของ เอ็คตอร์ เบเยริน, ชโคดราน มุสตาฟี่, มัตเตโอ เกว็นดูซี่, โจ วิลล็อค และ บูกาโย่ ซาก้า
ตามแผน 4-2-3-1 แบร์นด์ เลโน่ รับหน้าที่เฝ้าเสา แนวรับจากขวาไปซ้ายเป็น เอ็คตอร์ เบเยริน, ปาโบล มารี, ชโคดราน มุสตาฟี่ และ คีแรน เทียร์นี่ย์
ตรงกลางสนามฝาก มัตเตโอ เกว็นดูซี่ เชื่อมเกมกับ กรานิต ชาคา แผงรุกใส่แข้งพลังหนุ่ม เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์, โจ วิลล็อค และ บูกาโย่ ซาก้า ปั้นเกมข้างหลัง ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง
ก่อนคิกออฟ มีการยืนไว้อาลัยแก่ผู้ที่เสียชีวิตจากไวรัส โควิด-19 ด้วย ขณะที่นักเตะทั้ง 2 ทีม รวมถึง แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ผู้ตัดสิน เลือกคุกเข่าหลังจากนั้นเพื่อเป็นการสนับสนุนแคมเปญ Black Lives Matter
โอกาสได้ลุ้นประตูหนแรกเป็นของ "เรือใบสีฟ้า" จากฟรีคิกระยะอันตรายหน้าเขตโทษเยื้องซ้าย เดอ บรอยน์ ปั่นด้วยขวาข้ามกำแพงเกือบมุดคานแต่ เลโน่ ยังลอยตัวปัดข้ามคานหวุดหวิด
1
ผ่านไปได้ 8 นาที อาร์เซน่อล ต้องเปลี่ยนแผนหลัง ชาคา ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าจากจังหวะปะทะกันเองกับ เกว็นดูซี่ เลยถูกหามขึ้นเปลออกไปให้ ดานี่ เซบาโยส ลงมาแทน
แมนฯ ซิตี้ ครองเกมได้เหนือกว่า แต่ก็ยังหาโอกาสส่องแบบจะแจ้งไม่ได้ ส่วน อาร์เซน่อล ก็ยังตั้งเกมสู้ได้ดี
ทว่า "ปืนใหญ่" ต้องปวดหัวอีกครั้งใน นาที 24 หลัง มารี ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าซ้ายจากจังหวะที่เจอ วอล์คเกอร์ กระชากผ่าน ทำให้ ดาวิด ลุยซ์ ถูกส่งลงมาแทน
ถัดมานาทีเดียว ทีมเยือนได้ลุ้นประตูจากความผิดพลาดของ เดอ บรอยน์ ที่ทำเสียบอลให้ วิลล็อค จ่ายขึ้นหน้าให้ เอ็นเคเทียห์ ไหลย้อนมาให้ โอบาเมย็อง สับไกด้วยขวาระยะราวๆ 25 หลา เหินข้ามคานไปอย่างน่าผิดหวัง
แต่หลังจากนั้น เกมรุกของเจ้าบ้านเริ่มกดดัน "ปืนใหญ่" เป็นระลอกๆ
ครึ่งชั่วโมงแรกผ่านไป 4 นาที แมนฯ ซิตี้ เกือบได้จากจังหวะที่ สเตอร์ลิง ลากลุยเข้าเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนหาช่องกดด้วยขวาไปเสาไกล เลโน่ พุ่งสุดเหยียดปัดออกไปได้สวย
"เรือใบสีฟ้า" ได้ลุ้นต่อเนื่องใน นาที 35 ซิลบา สอดเข้าไปรับบอลจ่ายของ เชซุส ในเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนยิงหักข้อแต่ก็ยังไม่ผ่านการป้องกันของ เลโน่
นาที 37 เดอ บรอยน์ แทงเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ มาห์เรซ ได้แปด้วยซ้ายข้างถนัดแต่ เลโน่ ปรี่ออกมาบล็อคได้สวย
ต่อมา 2 นาที เดอ บรอยน์ ได้แทงเข้าเขตโทษฝั่งขวาอีกครั้ง แต่เปลี่ยนเป็น สเตอร์ลิง หลุดก่อนเลือกบรรจงชิพด้วยขวาข้าม เลโน่ แต่ก็แรงไปเลยตกหลังคานอย่างน่าเสียดาย
ครึ่งแรกทำท่าจะจบแบบไม่มีสกอร์เสียแล้ว แต่ช่วงทดเจ็บ นาที 45+2 แมนฯ ซิตี้ ได้ประตูปลดล็อก เดอ บรอยน์ จ่ายเข้าเขตโทษแต่เบาไป กระนั้น ลุยซ์ ดันมอบส้มหล่นด้วยการสกัดพลาดย้อนไปหน้าประตูตัวเอง สเตอร์ลิง พุ่งเข้าถึงบอลก่อนฮาล์ฟวอลเล่ย์ด้วยขวาระยะ 3 หลามุมแคบเสียบเสาไกลเป็นประตู 1-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ต้องบอกว่าเป็นความโชคร้ายของ อาร์เซน่อล จริงๆ สำหรับการจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้ เพราะทำท่าจะยันได้แล้วแท้ๆ ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคืออุตส่าห์วางแผนมาแล้วแต่ดันต้องเปลี่ยน 2 ตัวตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแรก
ซ้ำร้ายกว่านั้นคือ ลุยซ์ ที่ถูกส่งลงมาแทน ดันก่อความผิดพลาดถึงขั้นมอบของขวัญเป็นประตูให้ แมนฯ ซิตี้ อีกด้วย
กลับมาต่อครึ่งหลัง อาร์เซน่อล ยังเลือกที่จะไม่เปลี่ยนตัวแก้เกม แม้บนม้านั่งสำรองมีตัวรุกที่พร้อมพลิกเกมได้หลายคน
นาที 49 "ปืนใหญ่" ปวดหัวหนักหลัง ลุยซ์ ไปเหนี่ยว มาห์เรซ ล้มในเขตโทษเลยเป็นจุดโทษของ แมนฯ ซิตี้ แถมตัวเองโดนใบแดงไล่ออกไปด้วย เดอ บรอยน์ รับหน้าที่สังหารเสียบมุมล่างขวาของตัวเองนิ่มๆ สกอร์ขยับเป็น 2-0
อาร์เซน่อล ไม่เปลี่ยนตัวกองหลังลงไปแทนแต่ขยับ เทียร์นี่ย์ เข้าไปยืนเซนเตอร์แบ็กแล้วถอย ซาก้า ลงไปยืนแบ็กซ้าย
ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งเหมือน แมนฯ ซิตี้ ลงซ้อมเกมรุก ส่วน อาร์เซน่อล ไม่มีโอกาสตอบโต้ โอบาเมย็อง แทบไม่มีตัวตนเลยตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง
ชั่วโมงแรกผ่านไป 5 นาที "เรือใบสีฟ้า" เปลี่ยนตัว 2 คนรวด ฟิล โฟเด้น กับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ลงไปแทน ซิลบา กับ มาห์เรซ
นาที 67 ทีมเยือนใช้โควตาหมดแม็กหลังส่งตัวสำรองลงพร้อมกัน 3 คน อเล็กซ็องด์ ลากาแซตต์, เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส และ รีสส์ เนลสัน แทนที่ เอ็นเคเทียห์, เกว็นดูซี่ และ วิลล็อค
เจ้าบ้านเกือบได้เพิ่มใน นาที 69 สเตอร์ลิง จิ้มให้ เดอ บรอยน์ สอดเข้าเขตโทษฝั่งขวาไปยิงยัดเสาแรก เลโน่ ย่อตัวรับแต่ไม่อยู่ บอลกระฉอกออกหลังไป
ช่วง 20 นาทีสุดท้าย แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนตัวก๊อกสองอีก 2 คน โรดรี้ เอร์นานเดซ กับ แฟร์นานดินโญ่ ลงไปแทน เดอ บรอยน์ กับ ลาปอร์กต์
นาที 77 แมนฯ ซิตี้ ได้ลุ้นจากฟรีคิกหน้าเขตโทษ สเตอร์ลิง เล่นลูกสูตรหลอกยิงเองก่อนแทงเข้าเขตโทษฝั่งขวาให้ กุนโดกัน ตั้งป้อมสับไกด้วยขวาพุ่งเรียดแต่ เลโน่ ยังป้องกันได้ดี
แมนฯ ซิตี้ ใช้โควตาตัวสำรองคนสุดท้ายเป็น เซร์คิโอ อเกวโร่ แทนที่ เชซุส ใน นาที 80 เท่ากับว่า ลีรอย ซาเน่ หมดโอกาสคัมแบ็กในเกมนี้แล้ว
แต่แล้วใน นาที 81 การ์เซีย ได้รับบาดเจ็บศีรษะหลังถูก เอแดร์ซอน เข้ากระแทกเต็มเปาในจังหวะออกมาตัดบอลนอกเขตโทษ โดยต้องถูกหามขึ้นเปลไปอีกราย และทำให้เจ้าบ้านต้องเล่น 10 คนเพราะใช้โควตาตัวสำรองหมดแล้ว
แต่ทุกอย่างอยู่ในกำมือของ "เรือใบสีฟ้า" หมดแล้ว แถมมาได้ประตูปิดกล่องเพิ่มในช่วงทดเจ็บ นาที 90+3 สเตอร์ลิง จ่ายเข้าเขตโมษให้ อเกวโร่ ซัดด้วยซ้ายระยะ 8 หลาผ่าน เลโน่ ไปชนเสาขวามือแต่ โฟเด้น ยังตามซ้ำด้วยไม่เหลือ
จบเกม แมนฯ ซิตี้ เปิดบ้านตบ อาร์เซน่อล 3-0 ปิดโอกาส ลิเวอร์พูล ฉลองแชมป์หลังจบเกมกับ เอฟเวอร์ตัน อย่างแน่นอนแล้ว เพราะ "หงส์แดง" ยังจะเป็นแชมป์ได้ก็จริงถ้าชนะ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" แต่ต้องรอดูผลของ "เรือใบสีฟ้า" ที่จะหวดกับ เบิร์นลี่ย์ ในวันจันทร์หน้า
เป็นเกมที่ต้องบอกว่า อาร์เซน่อล โชคร้ายจริงๆ ตั้งแต่ก่อนเกม เชื่อกันว่าพวกเขาอาจทำเซอร์ไพรส์ก็ได้เพราะ อาร์เตต้า ถือว่ารู้ไส้รู้พุงของ กวาร์ดิโอล่า เป็นอย่างดี
แม้ว่าจัดไลน์อัพเน้นดาวรุ่ง แต่ "ปืนใหญ่" ถือว่าสู้ได้น่าประทับใจ แต่ยังไม่ทันไรก็ต้องมาเสียโควตาเปลี่ยนตัวเร็วทั้ง ชาคา และ มารี ที่คาดว่าน่าจะเจ็บไม่เบาทั้งคู่
ผู้ร้ายในเกมนี้ของ อาร์เซน่อล ก็หนีไม่พ้น ลุยซ์ เพราะลงมาเป็นสำรอง ก็ดันก่อความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งจังหวะสกัดไม่ดีในช่วงทดเจ็บครึ่งแรกจนเสียประตูเบิกร่อง ก่อนทำเสียจุดโทษแล้วยังทำให้ตัวเองโดนไล่ออก ส่งผลให้เพื่อนต้องเล่นกัน 10 คนอีก
มันน่าจะทำให้ อาร์เตต้า ตัดสินใจได้แล้วเกี่ยวกับอนาคตของ ลุยซ์ หลังจบฤดูกาลนี้ ถ้ายังคิดว่าจะพา "เดอะ กันเนอร์ส" กลับไปทวงความสำเร็จอีกครั้ง
ด้าน แมนฯ ซิตี้ ก็เหมือนเป็นการซ้อมใหญ่มากกว่า เพราะไม่ได้เจออะไรท้าทาย อาร์เซน่อล ยิ่งเล่น ก็ยิ่งตัดตอนตัวเอง
ชัยชนะ 3-0 ก็ไม่ได้น่าเซอร์ไพรส์อะไร การได้มาอีก 3 แต้มก็ดูไม่มีความหมายอะไร มันก็แค่การยืดเวลาฉลองแชมป์ของ ลิเวอร์พูล ออกไปเท่านั้นเอง
ช่วงเวลาที่เหลือของ แมนฯ ซิตี้ ใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ อาจไม่มีอะไรมากไปกว่าการเตรียมความพร้อมเพื่อการล่าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ที่จะกลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้งตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ส.ค. นี้
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
โฆษณา