20 มิ.ย. 2020 เวลา 10:23 • ธุรกิจ
เทรดแบบโฟกัส จำกัดกระสุน
[เทรดมั่วทัวร์ดอย]
[เทรดมั่วทัวร์ดอย] - Cr. youtube/JeamQF4qRxY
บนหลักของการบริหารความเสี่ยง หนึ่งในวิธีการที่ถูกนำมาใช้มากที่สุดก็คงจะเป็น “การกระจายความเสี่ยง” ด้วยการกระจายไปในหลายๆ Asset class แบ่งสัดส่วนลงไปในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม จนกระทั่งจำนวนหุ้นหลายๆตัว
ด้วยคำว่า “กระจาย” สิ่งที่เราต้องทำคือการแบ่งเงินต้นออกเป็นหลายๆส่วน แล้วค่อยนำเงินแต่ละส่วนไปลงทุนหรือเทรด ตามเงื่อนไขการเลือกหุ้นหรือตามแผนการเทรดที่วางไว้
การกระจายการลงทุน จึงเป็นกลยุทธ์ที่ base on “Risk” หากจะเปรียบให้เห็นภาพ ผมขอกำหนดให้ลงทุนด้วยเงินต้นที่ 100%
Cr.unsplash
• case 1
ทำการลงทุนในหุ้นตัวเดียว คือ หุ้น AAA ด้วยเงินต้นที่มีทั้งหมด 100% ผลที่ได้คือ หุ้น AAA มีราคาปรับตัวลดลง -40% ในเวลาถัดมา ทำให้ total portfolio return จะเท่ากับ -40% ซึ่งลบในสัดส่วนเดียวกันกับหุ้น AAA แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
• case 2
แบ่งสัดส่วนลงในหุ้น 2 ตัว โดยแบ่งเงินลงทุนอย่างละ 50:50% ลงในหุ้น AAA และหุ้น BBB ผลคือ หุ้น AAA มีผลตอบแทน -40% และหุ้น BBB มีผลตอบแทน -10% พอเรามาคิดกลับตามสัดส่วนการลงทุน พบว่า
หุ้น AAA ที่ -40% จะส่งผลต่อ total porfolio ที่ -20% (คำนวณจาก 1/2 * -40)
หุ้น BBB ที่ -10% จะส่งผลต่อ total portfolio ที่ -5% (คำนวณจาก 1/2 * -10)
ทำให้ total port return ของการถือหุ้น AAA และ BBB คือ -25%
สรุปได้ว่า หากเรา base on risk การกระจายการลงทุนนั้น เมื่อเกิดผลขาดทุน จะช่วยให้ผลขาดทุนนั้นลดลงได้ตามสัดส่วนเงินต้นที่ลดลงจากการกระจายเงินต้นออกไป
แต่หากเราสร้างกลยุทธ์ที่ base on “Return” ดูเหมือนว่าการกระจาย จะให้ผลที่ต้องข้ามกันเลย เช่น ผมขออนุญาตเปลี่ยนเครื่องหมาย “-“ เป็น “+” ในตัวอย่างเดิมข้างต้น ผลตอบแทนหุ้น AAA จาก -40% เป็น +40% และหุ้น BBB จาก -10% เป็น +10% ผลที่ได้คือ
case 1 ที่ลงหุ้น AAA จะมี total port return ที่ +40%. ขณะที่ case2 ที่ลง AAA และ BBB อย่างละครึ่งจะได้ total port return ที่ +25%
กำไรแบบลงน้ำหนัก จะให้ total port return ที่สูงกว่าการกระจายการลงทุน
เป็นการเทรดที่สร้างบน Return base เราจึงต้องเลือกหุ้นด้วยการโฟกัส เทรดแบบไม่กระจาย เพื่อเร่งผลตอบแทน หรือเรียกได้ว่าเป็นการเปิดความเสี่ยงแลกผลตอบแทนเลยก็ว่าได้
Cr.unsplash
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเทรดแบบโฟกัส ก็คือ
• การจำกัดกระสุน
หรือก็คือ การจัดสรรเงินทุน แบ่งเงินทุนเพื่อใช้ลงทุนในหุ้นน้อยตัว แล้วแต่ตามความเหมาะสม นี่จึงเป็นโจทย์ที่ทำให้ความเสี่ยงของพอร์ตเพิ่มขึ้น เปรียบเป็นข้อจำกัดที่เราสร้างขึ้นมา และส่งผลไปยังความสำคัญข้อต่อไป คือ..
• การโฟกัส
ด้วยข้อจำกัดของทรัพยากรกระสุนที่ใช้ในการยิงมีอยู่ไม่กี่นัด การรอจังหวะที่ใช่ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก และหุ้นที่เลือก ก็ต้องมาจากการวิเคราะห์ การวางแผน และคิดว่าหุ้นที่เลือกเป็นสิ่งที่ดีที่คุ้มค่าที่สุดในจังหวะนั้น พอจังหวะมาถึง เราจึงเหนี่ยวไกออกไปเพื่อวัดผล
แนวทางการเทรดแบบโฟกัส จำกัดกระสุนนี้นั้น จึงถูกพูดถึงอย่างมากสำหรับการใช้ปั้นพอร์ต และใช้เร่งผลตอบแทนเพื่อทำให้พอร์ตเล็กโตไปสู่พอร์ตใหญ่
Cr.unsplash
แต่ต้องอย่าลืมนะครับ ว่ามันแลกมาซึ่งความเสี่ยง และการเหวี่ยงของ equity curve ที่จะสวิงตาม skill และการโฟกัส นับว่านี่จึงเป็นอีกแนวคิดที่ตรงข้ามกับ risk base แบบเห็นได้ชัด
สุดท้ายแล้ว คงไม่มีแนวทางไหนที่ถูกที่ผิด ต้องบอกว่าวิถีนั้นใช้ได้หรือใช้ไม่ได้กับ mindset และจริตของเทรดเดอร์มากกว่าครับ
แล้วคุณผู้อ่านหล่ะครับ ปกติชอบการเทรดการลงทุนสไตล์ไหน ชอบการโฟกัสแบบ return base หรือต้องการความมั่นคงไม่หวือหวาแบบ risk base ร่วมพูดคุยแสดงความคิดเห็นกันได้ระครับ
#เทรดมั่วทัวร์ดอย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา