21 มิ.ย. 2020 เวลา 11:33 • ความคิดเห็น
รามคำแหง
เบ้าหลอมชีวิต (1)
ออกจากบ้านครั้งแรก ก็ คือ การไปเรียนหนังสือนั่นล่ะครับ ระดับอุดมศึกษาที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ตอนนั้น ปี 1 ให้ไปเรียนที่วิทยาเขตบางนา ปีต่อ ๆ มา ก็เรียนที่ หัวหมาก ผมใช้เวลาเรียนที่รามคำแหง 3 ปี เพราะมีภาวะบีบคั้นทางด้านเศรษฐกิจ มีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องรีบเรียนรีบจบ
นักศึกษารามในยุคนั้น
ที่ รามคำแหง ให้อะไรผมมากมาย ดังคำขวัญที่ว่า “เปลวเทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง “ ผมได้เพื่อนที่ดี แนวคิดที่ดี ๆ ที่นี่ ผมได้รับการขัดเกลาให้เป็นคนมีวิธีคิดที่รักความถูกต้อง รักความเป็นธรรม รักประชาธิปไตย จิตอาสาเพื่อชุมชน
มันเหมือน เป็นพลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจ ส่วนลึก เป็นภูมิคุ้มกัน ในตัวตนของเรา ว่าครั้งหนึ่งเราเคยมีปฎิบัติการหลายสิ่งหลายอย่างร่วมกันมา จนกระทั่งก่อตัวมาเป็น รูปแบบ รูปการจิตสำนึก ที่ ต้องยึดถือ พยายามทำหน้าที่เรา ให้ดีแม้ว่า จะไปตกอยู่ที่ไหน เรา ก็มีเข็มมุ่ง ในการทำงานทำหน้าที่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสิ่งที่ลงมือทำ
งานค่ายอาสา คือ งานหนึ่งที่ผมเข้าไปสัมผัส ผมไปที่ชมรมค่ายอาสาพัฒนารามอีสาน ในช่วงปี 2541 หลังจากที่ ผมเรียนรามได้ครบ 1 เทอม ทุกวิชาที่ผมลงทะเบียนเรียน ผมสอบผ่านทุกวิชา และได้ เกรด G ทุกวิชา เทอมถัดไป ผม ได้รับทุนเรียนฟรี 1 เทอม
ผมมั่นใจ 100 % แล้วว่า ผมเรียนรามจบแน่นอน จึงได้ตัดสินใจ ไปทำกิจกรรมนักศึกษา ผมเลือกไปสังเกตการณ์หลาย ๆ แห่ง ก่อนที่จะลงเอยที่ ชมรมค่ายอาสาพัฒนา ราม อีสาน เพราะผมคนอีสานอยากมีเพื่อน คนอีสาน
ภาคสนาม : นักศึกษา
แต่ลึก ๆ ในใจ คือ ผมคิดว่า ถ้ามาเรียนแล้วกลับบ้าน กลับบ้านแล้วมาเรียน ในขณะนั้นคิดว่า มันไม่ใช่นะ นักศึกษา น่าจะทำอะไรต่อมิอะไรได้มากมาย นักศึกษาที่สมบูรณ์แบบ น่าจะไม่ใช่นักล่าความรู้อย่างเดียว ต้องทำอย่างอื่น ไปด้วย
ชีวิตนักศึกษา ในแบบที่ผมใฝ่ฝัน จึงเริ่มต้นขึ้นที่ นั่น ชมรมค่ายอาสาพัฒนารามอีสาน ตึกกิจกรรมชั้น 3 ห้อง 333
โปรดติดตามตอนต่อไป ครับ
โฆษณา