22 มิ.ย. 2020 เวลา 14:22 • ธุรกิจ
ข้อดี และข้อเสีย ของ "หุ้นกู้" ต่อ "นักลงทุน"
บทความที่แล้วผมได้เขียนเรื่อง ทำไมบริษัทถึงออก “หุ้นกู้” แทนที่จะไปกู้เงินจากธนาคาร ครับ ซึ่งรายละเอียดจะเขียนถึงประโยชน์ของบริษัทที่ออกหรือเสนอขาย "หุ้นกู้"(ติดตามอ่านรายละเอียดได้ที่ https://www.blockdit.com/articles/5eed80c1db20a50caf1dd43a/# )
1
แต่สำหรับนักลงทุนหล่ะ ถ้าเราซื้อ "หุ้นกู้" ของบริษัทใดบริษัทหนึ่งแล้ว เราจะได้ประโยชน์ (ข้อดี) อะไรบ้าง และ มีความเสี่ยง (ข้อเสีย) อย่างไร
1
freepik
ข้อดีหรือประโยชน์ จากการลงทุนหุ้นกู้
1
1. เป็นแหล่งรายอย่างหนึ่ง เพราะหุ้นกู้ จะจ่ายดอกเบี้ยเป็นงวด ๆ ให้แก่ผู้ลงทุน และคืนเงินต้นทั้งหมดเมื่อครบกำหนดอายุ
2. ได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน หุ้นกู้ของบริษัทเอกชน มักจะเสนออัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เพราะมีความเสี่ยงมากกว่า เนื่องจากหุ้นกู้ของบริษัทเอกชน มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ มากกว่าพันธบัตรรัฐบาล
สำหรับส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนนั้นจะมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอันดับเครดิตของหุ้นกู้ เครดิต บริษัทที่อยู่ในอันดับสูงหรือเครดิตดี จะมีความเสี่ยงต่ำ แต่อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ ก็มีแนวโน้มต่ำ ในขณะที่บริษัทที่มีอันดับเครดิตต่ำกว่า จะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า เพราะเป็นการตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงสูงได้
1
3. สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ ในตลาดตราสารหนี้ หรือ Bond Electronic Exchange (BEX) จัดตั้งโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ต้องรอให้ถึงวันครบกำหนดอายุ
Cr.: freepik
ข้อเสียหรือความเสี่ยง จากการลงทุนในหุ้นกู้
1
1. ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ เมื่อบริษัทผู้ออกตราสารหนี้เกิดวิกฤติ จะทำให้ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นคืนได้ ทำให้นักลงทุนอาจจะไม่ได้รับเงินคืน หรือได้รับไม่เต็มจำนวน ซึ่งอันดับเครดิตตั้งแต่ BB ลงมาถือว่ามีความเสี่ยงสูงครับ
Cr.: set.or.th
2. ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง หากเลือกลงทุนในหุ้นกู้ระยะยาว โดยเงินที่ลงทุนนั้นไม่ใช่เงินเย็น หรือไม่ได้คิดไว้ว่าจะถือยาว เมื่อคุณความต้องการใช้เงินก่อนครบกำหนดอายุการลงทุน จนต้องนำไปขายที่ตลาดรอง ซึ่งอาจให้คุณต้องขายขาดทุน หรือไม่ได้รับเงินตามที่ควรจะได้ เมื่อเทียบกับการถือหุ้นจนครบอายุ
3. ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย คือ โอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลง และส่งผลต่อการลงทุนที่คุณลงทุนอยู่
เช่น ถ้าอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดมีค่าสูงขึ้น จะทำให้ตราสารหนี้มีราคาหรือมูลค่าลดลง เช่น หากคุณลงทุนในหุ้นกู้ที่ได้ดอกเบี้ย 4% ต่อปี เป็นเวลา 5 ปี เงินของคุณจะถูกล็อคอยู่ที่อัตราผลตอบแทน 4% ตลอดระยะเวลา 5 ปี ถ้าเวลาผ่านไป แล้วอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดมีค่าสูงขึ้น คุณก็จะเสียโอกาสที่จะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เช่น หุ้นกู้ชุดใหม่ที่อาจจะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า 4% อันนี้เราเรียกว่าต้นทุนค่าเสียโอกาส หรือ Opportunity Cost (เสียโอกาสที่คุณจะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าที่คุณได้รับอยู่ในปัจจุบัน)
ดังนั้นถ้าคุณต้องการนำเงินมาลงทุนในหุ้นกู้ชุดใหม่ แล้วอยากขายการลงทุนในหุ้นกู้ชุดเก่าออกมา คุณจะต้องขายในราคาที่มีส่วนลด เพราะถ้าคุณจะเอาหุ้นกู้ชุดเก่ามาขายกับนักลงทุนในตลาดรองด้วยราคาหน้าตั๋วที่คุณซื้อมา จะไม่มีนักลงทุนคนไหนซื้อกับคุณ เพราะทุกคนย่อมอยากจะไปลงทุนในหุ้นกู้ชุดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
1
ถ้าสมมติหุ้นกู้ที่ออกใหม่ ให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 5% มีส่วนต่างดอกเบี้ยอยู่ 1% ดังนั้นนักลงทุนจะซื้อหุ้นกู้ต่อจากคุณก็ต่อเมื่อ คุณมีส่วนลดให้จนเท่ากับส่วนต่างดอกเบี้ยที่ต่างกันอยู่ 1% นั้น
1
Cr.: pixabay
จบซีรี่ย์เรื่องหุ้นกู้ แล้วครับ ช่วยกดไลท์ แชร์ ติดตามเพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนบทความต่อไปด้วยนะครับ😊✌️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา