22 มิ.ย. 2020 เวลา 12:14 • การศึกษา
เจ้าของบ้านงง อยู่ดี ๆ มีรถคนอื่นมาจอดในบ้าน !?
สำหรับใครที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารก็อาจจะงงกันอยู่ซักหน่อย ว่าทำไมอยู่ดี ๆ บ้านหลังนี้ ถึงมีรถคนอื่นมาจอดภายในบริเวณบ้านได้
ผมจึงขอเล่าคร่าว ๆ เพื่อทุกคนจะได้เข้าใจถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้กันก่อน
สมมติว่าเจ้าของบ้านชื่อน้อง A โดยน้อง A มีทาว์เฮาส์อยู่หลังหนึ่งแต่ไม่ได้พักอาศัยนานหลายเดือนแล้วและได้ล็อคประตูรั้วบ้านไว้ตลอด
แต่ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาได้เปิดประตูรั้วทิ้งไว้เนื่องจากจะให้ช่างเข้ามาปรับปรุงบ้านเพื่อจะทำบ้านเช่า
พี่ B ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านข้างเคียงเห็นว่าบ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่อาศัยนานแล้ว แถมประตูรั้วก็ไม่ได้ปิดล็อคเอาไว้
และช่วงนี้ฝนตกหนัก หนำซ้ำยังจะเกิดสุริยุปราคา ซึ่งพี่ B มีความเชื่อว่าไม่ควรออกจากบ้านเพราะไม่เป็นมงคล
แกจึงถือโอกาสเอารถยนต์ของตัวเองเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านของน้อง A เพื่อหลบฝน หลบแดด หลบอาถรรพ์ !? (อย่างนี้ก็ได้เหรอ..)
พี่ B บอกว่าแกไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร อีกทั้งยังช่วยปัดกวาดทำความสะอาดบริเวณบ้านให้อีกด้วยนะ !??
แค่นั้นยังไม่พอ พี่ B แกยังหวังดีเอากุญแจมาล็อคประตูรั้วเหมือนกับเป็นบ้านของตัวเองอีกต่างหาก !???
พอน้อง A ทราบเรื่องจึงได้รีบมาที่บ้าน และเป็นข่าวอย่างที่พวกเราได้เห็นกันเมื่อเช้านี้..
ถามว่า ตามกฎหมายแล้วถ้าอยู่ดี ๆ มีใครก็ไม่รู้เอารถเข้ามาจอดในบริเวณบ้านของเรา แถมยังล็อคประตูรั้วบ้านเราอีก จะถือว่ามีความผิดหรือไม่?
และถ้าเขาแก้ตัวว่าต้องการแค่หลบแดดหลบฝน ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ยังจะถือว่ามีความผิดอยู่หรือเปล่า?
ความเห็นของผม หากข้อเท็จจริงเป็นอย่างที่ข่าวได้เสนอไว้ การกระทำของพี่ B ก็น่าจะเป็นความผิดในข้อหาบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
“ผู้ใด.. เข้าไปกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” และ
มาตรา 364 “ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันสมควร เข้าไป..ในเคหสถาน..ในความครอบครองของผู้อื่น..ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
ซึ่งจากข้อกฎหมายดังกล่าว..
การที่พี่ B เข้าไปภายในบริเวณบ้านของคนอื่นเพื่อเอารถไปจอด โดยที่น้อง A เจ้าของบ้านไม่ได้ให้ความยินยอม
ถึงแม้จะเชื่อได้ว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แต่ก็ถือว่าเป็นการเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันสมควร
แถมการที่เอารถเข้าไปจอดในบริเวณบ้าน และใช้แม่กุญแจมาล็อคประตูรั้วบ้านของน้อง A โดยพลการ ทำให้เจ้าของบ้านไม่สามารถเข้าไปในบริเวณบ้านของตนได้โดยสะดวก
ก็น่าจะเป็นการเข้าไปรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของน้อง A โดยปกติสุข ซึ่งถือเป็นความผิดในข้อหาบุกรุกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความผิดในข้อหาบุกรุกตามมาตรา 362 และ 364 ที่ได้ยกมา ถือว่าเป็นความผิดซึ่งยอมความได้
และตามข่าวก็เห็นว่าน้อง A ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรกับพี่ B อีก
ดังนั้น คดีนี้ก็อาจจบลงโดยที่ไม่ต้องมีใครต้องติดคุก หรือถูกลงโทษอะไร แต่ก็ขอให้เป็นอุทธาหรณ์เตือนใจว่า..
ก่อนเข้าไปในบ้านของใคร ก็ควรขออนุญาตเจ้าของบ้านหรือผู้ครอบครองเสียก่อน..
เพราะทุกคนอาจไม่โชคดีเหมือนกับพี่ B ในเรื่องนี้
ยังมีช่องทางอื่น ๆ ให้ติดตามกัน 😉
- สำหรับเอาไว้อ่านบทความดีๆ Facebook.com/Nataratlaw
- สำหรับเอาไว้ดูรูปสวย ๆ กับอินโฟกราฟิก
- สำหรับสายย่อ เอาไว้รับข่าวสารหรือข้อกฎหมายแบบกระชับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา