25 มิ.ย. 2020 เวลา 00:04 • ไลฟ์สไตล์
วันนี้เป็นวันที่ 25 มิถุนายน
เป็นวันครบรอบ 104 ปี ของสถานีรถไฟกรุงเทพ
หรือที่นิยมเรียกกันว่า สถานีรถไฟหัวลำโพง
เดิมทีสถานีรถไฟกรุงเทพ กับ สถานีรถไฟหัวลำโพง
นั้นตั้งอยู่กันคนละที่ สถานีรถไฟหัวลำโพงจะเป็น
อาคารไม้เรือนแถวตั้งอยู่ริมคลองหัวลำโพง
โดยรถไฟสายแรกที่วิ่งในประเทศไทยคือ
ทางรถไฟสายปากน้ำ
เป็นทางรถไฟเอกชนที่เดินรถ
จากสถานีรถไฟหัวลำโพง
ไปยังสถานีรถไฟปากน้ำ
เป็นระยะทาง 21.3 กิโลเมตร
แต่เส้นทางนี้ได้หมดสัมปทานลงเมื่อปี
พ.ศ.2503 สถานีรถไฟหัวลำโพง
จึงได้หยุดใช้งานลงตามไปด้วย
เมื่อสถานีหัวลำโพงโดนยุบ
คนจึงเรียกสถานีกรุงเทพเป็น
สถานีหัวลำโพงแทนด้วยความที่สถานี
อยู่ใกล้กันกับคลองหัวลำโพงเหมือนกัน
สถานีรถไฟกรุงเทพ เป็นสถานีรถไฟหลักของประเทศไทย
และเป็นสถานีเก่าแก่ที่สุดที่ยังใช้งานอยู่
เริ่มก่อสร้างในสมัยปลายรัชกาลที่ 5
และสร้างเสร็จสามารถเปิดใช้ได้ในสมัยรัชกาลที่ 6
ปัจจุบันสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT
บริเวณถนนพระรามที่ 4
สถานีรถไฟกรุงเทพก่อสร้างในลักษณะ
โดมสไตล์อิตาเลียนผสมกับศิลปะแบบเรอเนสซองซ์
คล้ายกับสถานีรถไฟแฟรงก์เฟิร์ตในประเทศเยอรมนี
ประดับด้วยหินอ่อนและเพดานมีการสลักลายนูนต่างๆ
เป็นหลัก โดยมีนาฬิกาขนาดใหญ่รัศมี 80 เซนติเมตร
ตั้งอยู่กลางสถานีรถไฟเป็นสัญลักษณ์ที่คนจะมองเห็น
จนติดตา
ตัวสถานีแบ่งเป็นสองส่วนหลัก คือ อาคารมุขหน้า
มีลักษณะเหมือนระเบียงยาว
และอาคารโถงสถานีเป็นอาคารหลังคาโค้งขนาดใหญ่
เป็นสถาปัตยกรรมแบบคลาสลิก จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์
ที่สำคัญของที่นี้ คือกระจกสีตรงช่องระบายอากาศ
ทั้งด้านหน้าและด้านหลังซึ่งประดับไว้อย่าง
ผสมผสานกลมกลืนกับตัวอาคาร เช่นเดียวกับ
นาฬิกาบอกเวลาซึ่งติดตั้งไว้ตรงกลางส่วนโค้ง
ของอาคารด้านในและด้านนอก โดยเป็นนาฬิกา
ที่สั่งทำขึ้นพิเศษเฉพาะ
ตามปกติสถานีรถไฟกรุงเทพจะรองรับรถไฟ
200 ขบวนต่อวัน โดยมีผู้โดยสารที่มาใช้บริการ
หลายหมื่นคน แต่ในช่วงวันสำคัญ วันหยุดยาว
วันหยุดสงกรานต์ วันขึ้นปีใหม่ ผู้โดยสารมีมาเป็น
แสนกว่าคน รถไฟจึงต้องพ่วงตู้โดยสารเพิ่มในขบวนรถปกติ
ให้เต็มหน่วยลากจูง และเพิ่มรถไฟเป็น 240 ขบวนต่อวัน
อายุ 104 ปี หากเปรียบเทียบเป็นคน
ก็เป็นปู่ที่อายุมากแล้ว อาจจะขยับเขยื้อน
เดินเหินอะไรก็ลำบาก
แต่ผมยังเห็นคุณปู่สถานีรถไฟกรุงเทพ
ยังทำงานขนส่งผู้โดยสารอยู่ทุกวัน
โดยไม่มีบ่น ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ผมเห็นภาพวิถีชีวิตที่คนยังใช้ชีวิต
ร่วมกับคุณปู่ใจดี เป็นกันเอง
มีความอบอุ่นอยู่ในตัว
แม้ในปี 104 ปีนี้ คุณปู่ต้องเจอสถานการณ์โควิด19
ทำให้ได้รับผลกระทบไปด้วย
ถึงจะมีการเปิดให้เราใช้บริการคุณปู่กันอยู่
แต่พวกเราคงยังต้องเว้นระยะรักษาระยะห่างกัน
เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ทุกคนที่จะมาใช้บริการรถไฟต้องใส่หน้ากาก วัดอุณหภูมิก่อนขึ้นขบวนรถไฟทุกครั้ง มีพนักงานคอยหมั่นทำความสะอาดที่พักนั่งรออยู่ตลอดทั้งในสถานีและตัวรถไฟ
ภาพหัวลำโพงจึงเป็นภาพที่ไม่คุ้นตาเหมือนปีก่อนๆ ที่ผ่านมา
แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน
ภาพคนมาส่งญาติ
ภาพแฟนมารอรับ
ภาพทหารเปลี่ยนผลัดเดินทางกลับบ้าน
ภาพชาวบ้านไปเที่ยวกับครอบครัว
ภาพวิถีชีวิตความอบอุ่นต่างๆ เหล่านี้
จะหวนคืนกลับมาในที่สถานีรถไฟกรุงเทพอย่างแน่นอน
โฆษณา