26 มิ.ย. 2020 เวลา 10:30 • ธุรกิจ
“Tencent” เสือตัวร้ายที่กำลังสร้างความน่ากลัวใหม่ให้ตลาดเอเชีย
Tencent บริษัทเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ และอินเทอร์เน็ต ยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน ที่สร้างเม็ดเงินให้กับ “โพนี่ หม่า” ให้ก้าวขึ้นมาสู่บัลลังก์มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ทั้งสิ้น 54.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมากกว่า 1.69 ล้านล้านบาท
บริษัท Tencent หากเทียบกับคน คือวัยรุ่นที่มีอายุเพียง 21 ปี แต่รู้ไหมว่านอกจากจะเมคมันนี่ถึงหลักล้านล้าน บริษัทนี้ยังมีความน่ากลัวใหม่มาให้เห็นกันอยู่ตลอด..
Pic// wsj.com
ในอดีต กลุ่มธุรกิจที่มีความมั่งคั่งและมีอิทธิพลที่สุดในโลกคือ พลังงานและน้ำมัน แต่ช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา หากใครที่ประกอบกิจการด้านเทคโนโลยีหรืออินเทอร์เน็ต มักจะเป็นต่อในวงการและมีอิทธิพลมากมายในแวดวงธุรกิจ
ทว่าธุรกิจอินเทอร์เน็ตอย่าง Tencent จะเติบโตก้าวกระโดดในเวลาเพียง 20 ปีไม่ได้ ถ้าหากไม่ได้รับการวางหมากด้วยกลยุทธ์ที่คมที่สุด
ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้น Tencent เริ่มธุรกิจมาจากการผลิตโปรแกรมแชทสำหรับชาวจีน ที่ปัจจุบันคือ “QQ” แพลตฟอร์มแชทที่มีอิทธิพลต่อชาวจีนทุกเพศ และแทบทุกวัย
รู้ไหมว่าช่วงแรก Tencent ไม่ได้ประสบความสำเร็จ และมั่งคั่งเป็นที่สุดเฉกเช่นปัจจุบัน เพราะ Tencent ประสบกับปัญหาขาดทุน ต้องขายหุ้นมากกว่า 46% ให้กับบริษัท Naspers จากแอฟริกาใต้ ซึ่งปัจจุบัน บริษัทนี้ก็ยังคงถือหุ้นในสัดส่วนที่มากมายพอสมควรใน Tencent
ต่อมา Tencent วางหมากใหม่ให้ QQ บริการฟรีแบบมีโฆษณา แถมวางบริการแบบพรีเมียมสำหรับสมาชิกรายเดือน
เป็นเวลา 6 ปีนับจากก่อตั้ง บริษัทแก้เกมและสามารถเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฮั่งเส็งได้ในปี 2004
เมื่อมีรายได้และผลกำไรมากขึ้น แน่นอนว่าความต้องการของใคร ๆ ก็คงไม่สิ้นสุดในวงการธุรกิจ และเป้าหมายของ Tencent ก็คงจะหนีไม่พ้นการผูกขาดในตลาดอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี
1
Pic// moveonblog.com
Tencent เริ่มขยายเข้าสู่ธุรกิจผลิตเกมออนไลน์ ซึ่งใช้วิธีกวาดซื้อลิขสิทธ์จากบริษัทต่าง ๆ ทั้งในเกาหลี ญี่ปุ่น และจีน มาให้บริการสำหรับลูกค้าในประเทศจีน
เมื่อเติบโตขึ้น Tencent ก็เริ่มมาผลิตเกมเป็นของตนเอง ซึ่งเกมที่ได้รับความนิยมไปทั่วทั้งภาคพื้นเอเชียและทั่วทั้งโลกในปัจจุบันคือ “PUBG”
ไม่เพียงแค่นั้น Tencent ยังได้แบ่งสัดส่วนเข้าไปลงทุนในบริษัทเกมต่าง ๆ ทั้ง Riot และ Epic จากสหรัฐฯ Supercell จากฟินแลนด์ และ CJ จากประเทศเกาหลีใต้
เมื่อพอร์ตการลงทุนของ Tencent เริ่มเติบโตขึ้น บริษัทก็ไม่หยุดที่จะไล่กวาดซื้อกิจกาต่าง ๆ มาเป็นของตนเอง ที่น่าสนใจคือแพลตฟอร์มแชทใหม่ที่เปิดตัวมารองรับยุคแห่งสมาร์ทโฟน นั่นก็คือ WeChat ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 800 ล้านคน และสร้างรายได้ให้กับ Tencent อย่างมหาศาลในปัจจุบัน
ซึ่งนอกจากจะเป็นแค่แอพแชทอย่างเดียว ยังเป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมไปทั่วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น จ่ายค่าสินค้าได้ โอนเงินได้ เรียกแท็กซี่ได้ สั่งอาหารได้ ซื้อสินค้าอีคอมเมิร์ซได้ ฯลฯ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นต่อผู้เล่นรายใหญ่จากตะวันตกเป็นอย่างมาก
1
รู้ไหม ว่าปัจจุบัน Tencent มีรายได้มหาศาลแค่ไหนต่อปี..
ปี 2017 มีรายได้ 237,760 ล้านหยวน กำไรสุทธิ 71,510 ล้านหยวน
ปี 2018 มีรายได้ 312,694 ล้านหยวน กำไรสุทธิ 78,719 ล้านหยวน
ปี 2019 มีรายได้ 377,289 ล้านหยวน กำไรสุทธิ 93,310 ล้านหยวน
Rate: 1 CNY = 4.37 THB
1
นอกจากนี้ Tencent ยังได้ไล่กวาดซื้อ และเข้าลงทุนในบริษัทต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นลงทุนร่วม Tesla เข้าซื้อเว็บไซต์ของไทยอย่าง Sanook.com รวมถึงเข้าเทคโอเวอร์แพลตฟอร์ม JOOX
และที่น่าสนใจล่าสุด Tencent เพิ่งจะประกาศแผนเข้าครอบครอง Iflix ที่มีปัญหาทางการเงินมาตั้งแต่ปี 2018 แม้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเป็นมูลค่าเท่าไหร่ แต่ข้อมูลจากหลายสำนัก ต่างมองว่าเป็นมูลค่าไม่สูงมากนัก อาจจะอยู่ในหลักสิบล้านเหรียญ
อย่างไรก็ตาม นอกจากความน่ากลัวของ Tencent ที่มีโมเดลธุรกิจ ไล่กวาดซื้อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตแทบทั่วทั้งโลกแล้ว นี้จะเป็นการเปิดฉากสงครามสตรีมมิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระหว่างยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน และผู้เล่นรายใหญ่หลายรายจากโลกฝั่งตะวันตก
ล่าสุด Iflix มีผู้ใช้งานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่า 25 ล้านราย แต่เป็นที่น่าสนใจหลังจากที่ดีลนี้จบ ในอีกไม่ถึง 1 ปีข้างหน้า จำนวนผู้ใช้งาน Iflix อาจจะเพิ่มขึ้นมหาศาลยิ่งกว่านี้ และจะมีอิทธิพลมากมายในบ้านเรา..ก็อาจเป็นได้
1
Pic// shutterstock
ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire
Follow Us On “Facebook” https://www.facebook.com/swivelth
Follow Us On “Instragram” https://www.instagram.com/swivel.th/
โฆษณา