26 มิ.ย. 2020 เวลา 00:00 • กีฬา
[ ใครว่า"คีน"ไม่เข้าใจ ? ]
เกมรีสตาร์ตประเดิมของแมนฯยูไนเต็ดจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 หลังจากนั้นไม่นาน รอย คีน ออกมาดับเครื่องชน ดาบิด เด เคอา กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ทำผิดพลาดอย่างไม่สมควรให้อภัย
เขามารับหน้าที่กูรูวิเคราะห์เกมทางสกาย สปอร์ตส์ แล้วให้ความเห็นออกไปในทางรุนแรง ถึงขนาดอยากเอาชีวิตหรือทำร้ายร่างกาย
รวมถึงจะไล่ตะเพิดไม่ให้นั่งรถบัสของสโมสรกลับอีกต่างหาก เป็นการลงโทษเผื่อจะได้หลาบจำบ้าง
แม้จะลากเอา ลุค ชอว์ และ แม็กไกวร์ ว่ามีส่วนรับผิดชอบกับประตูที่เสียไป แต่ชัดเจนเลยว่า คีน โฟกัสมาที่ผู้รักษาประตูทีมชาติสเปนมากเป็นพิเศษ
ถึงขั้นหมิ่นแคลนเลยว่าถูกยกย่องความสามารถเกินจริงมากไป คลาสยังไม่ถึงระดับโลกเลยด้วยซ้ำ
จริงๆถ้าย้อนกลับไป 1 มีนาคมที่ผ่านมาในเกมลีกที่แมนฯยูไนเต็ดเสมอกับเอฟเวอร์ตัน 1-1 คีน ก็จวก เด เคอา ยับเยินไว้ก่อนแล้ว สาเหตุมาจากออกบอลไม่ดีไปติด โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน นำไปสู่การเสียประตู
"นี่คือผู้รักษาประตูที่มีประสบการณ์จริงหรือ? ถ้าผมเป็นผู้จัดการทีมหรือเพื่อนร่วมทีมคงต้องอยากฆ่าเขาแน่"
เหมือนว่า คีน เจตนาจองล้างจองผลาญ เด เคอา แต่หากมองอย่างปราศจากอคติแล้ว เราต้องยอมรับว่าเป็นการทำพลาดสมควรถูกตำหนิมากๆ
และถ้ามองให้แฟร์ๆอีก เด เคอา คือนักเตะที่ได้รับค่าจ้างมากสุดในทีม ทะลุ 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์หลังขยายสัญญาฉบับใหม่ ยังไงก็ต้องโดนหนักอย่างไม่มีทางเลี่ยง
ในฐานะผู้จัดการ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ให้การปกป้องลูกทีม โดยบอกว่าบอลที่ออกจากเท้า สตีเว่น เบิร์กไวน์ รุนแรงและส่ายไปมาใช่ว่าจะเซฟกันง่ายๆ
รวมทั้งยังเหน็บ คีน ว่าคงวิจารณ์อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะเลิกราเมื่อไร
ความจริงที่หลายคนยังไม่รู้ก็คือ คีน มีความสัมพันธ์ที่ดีมากๆกับ โซลชา เมื่อครั้งเป็นนักเตะร่วมหัวจมท้ายกับแมนฯยูไนเต็ด
ในปี 2005 คีน เปิดปากวิจารณ์เพื่อนนักเตะหลายคนผ่านรายการทางช่อง MUTV ไม่ใช่เป็นการพูดจาสุภาพไปตามหลักเหตุผล แต่ด่าอย่างแสบสันต์ไม่ไว้หน้ากันอีกต่างหาก
ริโอ เฟอร์ดินานด์ , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , จอห์น โอเช หรือ คีแรน ริชาร์ดสัน ล้วนแต่อ่วมไปตามๆกัน
จากนั้นเทปดังกล่าวถูก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เบรกไม่ให้ออกอากาศ ก่อนจะเรียกประชุมฉุกเฉิน ด้วยการเปิดวีดิโอดูกันอีกรอบเพื่อเคลียร์ใจกันให้เรียบร้อย
ปรากฏว่าบรรยากาศระอุกว่าเดิมหลังดูเสร็จ คีน ไม่ยอมฟังใครทั้งสิ้น ตะโกนเสียงดังข่มใส่ด่ายับทั้ง คาร์ลอส เคยรอช ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมและ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ที่พยายามจะอธิบาย
เฟอร์กี้ ถึงกับเหลืออดจึงขึ้นเสียงบ้างและตะเพิด คีน ให้กลับออกไปซะ หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกปล่อยตัวทันที เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม
ตัดกลับไปตอนที่ คีน เดินออกจากห้องประชุม เพื่อนหลายคนยังรวมตัวกันอยู่ บางคนเริ่มพูดถึงหรือนินทากัปตันทีมตัวเอง
มีเพียง 2 คนที่เดินออกมาก่อนใครคือ พอล สโคลส์ กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
เฟอร์กี้ กลัวว่าทั้งคู่จะตาม คีน ไปเลยกระแทกเสียงไล่หลังมาว่า อย่าให้รู้นะว่าทำจริงๆ ไม่อย่างนั้นมีเรื่องกันแน่ โทษฐานให้การสนับสนุนคนผิด
อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ โซลชา ชิ่งมาก่อน เพราะไม่อยากพูดถึงบุคคลที่สามโดยที่เจ้าตัวไม่อยู่ด้วย อย่างนี้มันไม่แฟร์สำหรับ คีน ที่ควรจะได้แก้ต่างตอบโต้ตามเหตุผลบ้าง
ภายหลัง คีน รู้เรื่องนี้เข้าย่อมซึ้งใจทั้ง สโคลส์ และ โซลชา ที่มีไมตรีกันเสมอมา
ตรงนี้มีการตั้งข้อสังเกตุว่า ยามที่ คีน รับวิคราะห์เกมทางทีวีจะมีสไตล์ที่ดุดันพร้อมด้วยคำพูดที่รุนแรงไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจ
แต่พอต้องพาดพิงถึง โซลชา กลับมีทีท่าซอฟท์ลงหรือในช่วงที่กำลังกดดันหนัก เจอเสียงขับไล่ดังขึ้นเรื่อยๆ คีน กลับลงความเห็นว่าควรให้เวลาเพื่อนมากกว่านี้
ทั้งที่ปกติ คีน มักจะจิกกัดอัดหนักแมนฯยูไนเต็ดเสมอ ราวกับว่าความแค้นยังคงฝังแน่นอยู่
อาจเพราะความสัมพันธ์แต่หนหลังด้วยที่ช่วยให้ คีน ผ่อนคลายมากๆเมื่อต้องวิจารณ์เพื่อนเก่า
ส่วนเคสของ โซลชา ออกมาปกป้องนักเตะนั้นถือว่าปกติที่ผู้จัดการทีมทำกัน ไม่ได้ผิดเพี้ยน รวมไปถึงคำพูดที่ใช้ตอบโต้ไม่ได้รุนแรงอะไรนัก เพียงแต่สื่อบ้านเราเอาไปปั่นไปเสี้ยมให้เหมือนว่าทั้งคู่โกรธกันจริง
กระนั้นยังคงมีการตั้งคำถามหาก คีน กลับมาเป็นผู้จัดการทีมอีกจะทำได้อย่างที่วิจารณ์หรือเปล่า
อีกทั้งชีวิตกุนซือของเขานั้นล้มเหลวไม่ใช่หรือ? จนเข็ดหลาบไม่อยากหวนคืน
หลังรีไทร์กับกับกลาสโกว์ เซลติกไม่นานนัก คีน ถูกทาบทามชนิดขึ้นลิฟท์เป็นผู้จัดการทีมซันเดอร์แลนด์ที่ดิ้นรนอยู่ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพในปี 2006
แม้จะยังไม่ได้เคลียร์ใจกันให้เรียบร้อย กระนั้น คีน ตัดสินใจโทรปรึกษา เฟอร์กี้ ก่อนได้รับคำตอบสั้นๆว่าโอกาสมาแล้วจะมัวรออะไรอีก
ทัพแมวดำกำลังอยู่ในสถานการณ์คับขัน ผ่าน 4 นัดแรกในลีกแพ้เรียบวุธ มันไม่ง่ายเลยที่จะเข็นให้ทีมก้าวขึ้นมาอยู่หัวตาราง แต่ คีน ก็เดิมพันเอาอนาคตเข้าแลก
เพราะหากล้มเหลวขึ้นมา โอกาสที่จะได้ยืนบนบทบาทผู้จัดการทีมอีกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ประสบการณ์จากการทำงานร่วมกับ เฟอร์กี้ ช่วยได้มาก เขาใช้วิธีครูพักลักจำนำมาใช้ ไล่ตั้งแนวทางการฝึกซ้อมไปถึงเรื่องโภชนาการ นักเตะต้องมีน้ำหนักที่ได้สัดส่วน
ไม่ผิดนักหากบอกว่า คีน คือผู้เข้ามาผ่าตัดใหญ่ ปรับเปลี่ยนขุมกำลังให้มีศักยภาพมากขึ้น ดึงอดีตผู้เล่นแมนฯยูไนเต็ดที่คุ้นเคยกันทั้ง ดไวท์ ยอร์ค และ เลียม มิลเลอร์ มาร่วมทัพ
1
รวมทั้งเซ็นกลุ่มผู้เล่นมากประสบการณ์มาเสริมอีก เพราะรู้ดีว่าช่วยยกระดับทีมขึ้นมา
ขณะที่ตัวเขาเองทำงานอย่างหนัก มาถึงสนามก่อนพวกผู้เล่นบ่อยๆ สิ่งเหล่านี้ได้เรียนรู้มาจาก เฟอร์กี้ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ คีน ยังไม่ยอมพักในบ้านหลังใหญ่ที่สโมสรช่วยจัดหาหรืออยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาวใกล้ๆ เลือกมาเช่าอพาร์ทเมนต์เล็กๆ ในเมืองเดอแร่มที่ไม่ห่างจากสโมสรนัก
เหตุผลคือที่นี่เป็นโซนนักศึกษาอาศัย พอช่วงค่ำๆถึงดึกจะค่อนข้างเงียบเชียบ เขาจะได้มีเวลาทำงานอย่างเต็มที่ ศึกษาเรื่องแท็คติกหรือหาข้อมูลมาประดับความรู้ เพราะยังไม่ได้ลงเรียนโค้ชไลเซนส์เลย
7
อาการที่กินส่วนใหญ่ยังเป็นถั่วกระป๋องกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ใช้เวลาสั้นๆในการปรุง จะได้ใช้เวลาทั้งหมดทุ่มกับงาน
พอมีคนถามว่าทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย คำตอบของ คีน คือนี่คือการมาทำงาน ไม่ได้เที่ยวเล่น จึงไม่ต้องการเน้นเรื่องบ้านช่องต้องหรูหราใหญ่โตอะไร มันไม่ใช่เรื่องจำเป็น
ส่วนเรื่องอาหารนั้น ในเมื่อไม่ได้เป็นนักเตะอาชีพแล้ว ก็ไม่ต้องดูแลมากนัก แต่หากลูกทีมคนไหนกินอย่างนี้ล่ะก็จะเจอโวยทันที
คีน พยายามทำความเข้าใจกับบทบาทหน้าที่ของตัวเอง บางครั้งเขาเบื่อต้องเข้าประชุมกับบอร์ดและกลุ่มผู้ถือหุ้นแต่ก็ต้องจำใจ ในเมื่อนั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีมแล้ว
ตรงนี้เองที่เขาเริ่มคิดได้ว่าแล้ว เฟอร์กี้ ที่ต้องคุมสโมสรมีโครงสร้างขนาดใหญ่ มีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย จะต้องเหนื่อยขาดไหนเพื่อจัดการรับมือให้บรรลุตามเป้าหมาย
ฉะนั้นใครที่บอกว่า คีน ไม่เข้าใจงานกุนซือหรือมีแต่ล้มเหลวคงไม่ใช่แน่
เพราะซีซั่นนั้นจากซันเดอร์แลนด์ที่เป๋าเมาหมัด กลับผงาดคว้าแชมป์เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกสำเร็จอย่างน่ามหัศจรรย์
หลังจากนั้นผลงานการคุมทีมอาจไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ว่าจะเป็นช่วงซันเดอร์แลนด์เล่นในพรีเมียร์ลีกหรืออิปสวิช แต่เขาเข้าใจว่าเงื่อนไขเรื่องงบประมาณคือตัวแปรสำคัญ
เพราะรู้ว่างานผู้จัดการทีมหนักอึ้งและเต็มไปด้วยความกดดัน ช่วงหลัง คีน จึงไม่รับข้อเสนออีก เต็มที่คือเลือกเป็นผู้ช่วยมากกว่าไล่ตั้งแต่ในทีมชาติไอร์แลนด์ , แอสตัน วิลล่าละน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
คีน น่าจะเข้าใจทั้งการเป็นกุนซือและนักเตะดีพอ ถ้าจะวิจารณ์ในสิ่งที่ตัวเองเคยมีประสบการณ์คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เพียงแต่คำพูดคำจาไม่น่าฟังเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละคน
และบุคลิกของ คีน ก็สะท้อนแบบนี้มาตลอดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
บทความย้อนหลังที่น่าสนใจ
[ #เวลาไม่อาจฆ่า "เลวี่" ] : ในขณะที่เรามัวแต่นึกถึงความยอดเยี่ยมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ที่กาลเวลาไม่อาจกลืนกินได้ เราอาจตกสำรวจ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ไปอีกคน เพราะ 5 ฤดูกาลติดต่อกันแล้วที่ตะบันเกิน 40 ประตู อะไรคือเบื้องหลังความยอดเยี่ยมเช่นนี้หรือ?
[ #ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ] : เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ ที่จะมีนักเตะจากฝั่งยุโรปตะวันออกสักคนที่มาแบบโนเนม แล้วจะสร้างชื่อเสียงจนยิ่งใหญ่ เนมานย่า วิดิช เจอคำถามและข้อสงสัยมากมาย เมื่อย้ายมาแมนฯยูไนเต็ดในปี 2006 ก่อนเขาจะตอบทุกอย่างชัดเจน ด้วยผลงานในสนามล้วนๆ มีหลายปัจจัยทำให้ วิดิช ก้าวขึ้นมายังจุดนี้ได้และมันน่าสนใจจริงๆ
[ #สัญญาครั้งสุดท้าย ? ] : สัญญาฉบับปัจจุบันของ ลิโอเนล เมสซี่ จะหมดลงในฤดูร้อนปี 2021 หรืออีกหนึ่งปีข้างหน้า ดังนั้นบาร์เซโลน่าเลยเตรียมเปิดฉากเจรจาขยายต่ออย่างไรก็ตามรอบนี้ต้องจับตาดูให้ดี เพราะ เมสซี่ กำลังจะครบ 33 ปีอีก 2 วัน เราไม่อาจรู้ว่าเขาวางแผนบั้นปลายการค้าแข้งแบบไหนลำพังความผูกพัน เงินค่าจ้าง หนี้บุญคุณล้วนแต่ไม่ใช่เป็นตัวแปรในการตัดสินใจอย่างเดียวดีลยืดสัญญานี้อาจไม่เกิดขึ้นหรือถ้าเกิดจริงก็อาจเป็นครั้งสุดท้ายของ เมสซี่
[ #ชัยชนะเหนือชะตากรรม ] : หากคุณคือเด็กหนุ่มที่่เต็มไปด้วยพลังแห่งความฝัน ว่าต้องก้าวไปถึงนักเตะอาชีพที่ประสบความสำเร็จให้จงได้ แต่ชีวิตกลับโหดร้ายโดนปฏิเสธมานับสิบสโมสร รับรองว่าจะ
ต้องยอมก้มหัวให้กับชะตากรรมอย่างแน่นอน ทว่า ริชาร์ลิซอน ไม่ยอมง่ายๆ เขาลุกขึ้นมาจนกระทั่งสัญญาว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ปัจจุบันเขาได้รับรางวัลตอบแทนจากทุกอย่างเหงื่อและเลือดนักสู้แล้ว
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
โฆษณา