27 มิ.ย. 2020 เวลา 00:34 • กีฬา
ราชันย์คืนบัลลังก์...
บอกก่อนเลยว่าเมื่อคืนก่อนในแมตช์ที่เชลซีเจอกับแมนฯ ซิตี้ ผมก็แอบเอาใจช่วยเชลซีเล็กๆ คือเล็กแบบเล็กมากๆ เพราะด้วยฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีมมันดูแตกต่างกันพอสมควร
เชลซีเหมือนที่จะครองอันดับ 4 ไว้อย่างเหนียวแน่น พักหลังหลุดแพ้ หลุดเสมอ จนอันดับ 4 สั่นคลอนและมีสิทธิ์โดนขโมยเอาไปทั้งๆที่จับจองอยู่ทีมเดียวในช่วงแรกๆ
ส่วนแมนฯ ซิตี้ เพิ่งถล่มเบิร์นลีย์ 5-0 มาหมาดๆ แถมฟอร์มใน UCL ก็มีโอกาสสูงที่จะทลุถึงรอบ 8 ทีม ตรงข้ามกับเชลซีที่โอกาสตกรอบมีมากกว่า 90% เนื่องจากแพ้บาเยิร์นคาบ้าน 0-3 ผมเลยคิดว่าแมนฯ ซตี้ดูเหนือกว่าอยู่พอสมควร
แต่ปัญหาก็คือนัดนี้เล่นที่แสตมฟอร์ด บริดจ์ และความกดดันของเชลซีมีสูงมากกว่าเนื่องจากห่างจากแมนฯ ยูไนเต็ดแค่ 2 คะแนน ส่วนแมนฯ ซิตี้ ไม่ได้กดดันอะไร เพราะน่าจะทำใจยอมรับแล้วว่ายังไงก็ไล่ตามลิเวอร์พูลไม่ทัน
ในกรณีนี้ถ้าแมนฯ ซิตี้บุกไปแล้วไม่สามารถชนะกลับออกมาได้ แชมป์พรีเมียร์ลีกก็จะตกเป็นของลิเวอร์พูลทันที เนื่องจากแต้มขาด เนื่องจากเกมที่เหลืออีก 7 เกมมีแต้มให้เก็บ 21 แต้มเท่านั้น
แต่อันตัวผมก็เลยถือวิสาสะนอนตามปกติ ไม่ได้ตื่นมาลุ้นอะไร รอเช็คผลตอนเช้าเอา
.
.
.
ตอนตี 5 กว่าๆ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็ได้พบข้อความแจ้งเตือนจากแอพลิเคชั่นของพรีเมียร์ลีกว่า
Chelsea's Christian Pulisic has been voted King of the Match at Stamford Bridge
จบเลยครับ จบเลย
เพราะในกรณีที่นักเตะสักคนจะได้แมน อ๊อฟ เดอะ แมตช์นั้น ทีมนั้นจะต้องชนะหรือเสมอ จะไม่มีทางแพ้เด็ดขาด
นั่นหมายความว่าแมนฯ ซิตี้ไม่ชนะเชลซี!!!
แต่จะว่าไปแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน เพราะครั้งหนึ่งเชลซีมีส่วนทำให้ลิเวอร์พูลพลาดแชมป์เมื่อปี 2014 แและตอนนี้ปี 2020 กลับกลายเป็นเชลซีช่วยดับแมนฯ ซิตี้ ส่งลิเวอร์พูลเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกในขณะที่นักเตะลิเวอร์พูลนั่งๆนอนๆดูทีวีอยู่บ้านแบบสบายเท้า
จริงๆแล้วเรื่องนี้ต้องให้เครดิตนักเตะและโค้ชทุกๆคนของลิเวอร์พูลเหมือนอย่างที่แลมพาร์ด ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า
"ทีมเราไม่ได้ช่วยเหลืออะไรพวกเขาเลย แต่เป็นเพราะลิเวอร์พูลทำได้ดีอยู่ก่อนแล้วต่างหาก"
อันนี้ถือว่าเป็นคำพูดที่ให้เกียรติมากๆ
ลิเวอร์พูลของเจอร์เกน คล็อปป์ ไม่ใช่แค่ดีเท่านั้นนะครับ แต่เป็นทีมที่ดีมากๆ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตลอดปี โดยเฉพาะเรื่องความอดทนต่ออุปสรรคที่พบเจอไม่ว่าจะเป็น สงครามโลกเอย โควิด-19เอย คำทำนายโลกแตกเอย
จนกลายเป็นสร้างเรื่องราวให้แฟนบอลบางกลุ่มเรียกร้องให้โมฆะ
ปีอื่นไม่มีเรื่องแบบนี้ แต่ดันมาเกิดในยามที่พวกเราจะคว้าแชมป์ซะอย่างนั้น เกิดเป็นความอึดอัดและอดทนอดกลั้นที่ต้องยืดเยื้อเวลาออกไปอีก
ยิ่งในเรื่องของไวรัสโควิด-19 ที่สร้างความหวั่นใจให้แฟนหงส์ทั่งทุกมุมโลกเนื่องจากเรื่องนี้มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะโมฆะในช่วงแรก
แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดีถึงแม้จะใช้เวลานานหน่อย
ใครจะไปคิดว่าทีมที่เป็นแชมป์ที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ต้องกลับกลายเป็นที่คว้าแชมป์ลีกในเวลาที่ช้ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ซะงั้น
เรื่องนี้พูดอีกกี่ทีก็เป็นเรื่องที่เรียกเสียงฮาได้ตลอดในวงเหล้า
อีก 100 ปีข้างหน้าจะมีเรื่องราวแบบนี้ให้ได้พบเจอไหมผมก็ยังไม่รู้เลย เพราะฉะนั้นนักเตะลิเวอร์พูลชุดนี้ เจ้าของสโมสรชุดนี้ ทีมงานและโค้ชชุดนี้ ควรค่าต่อการจดจำเอาไว้มากๆ
ผ่านไป 100 ปีข้างหน้าก็คงไม่มีใครลืมพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2019/2020 ลงแน่นอน
เรื่องที่สมควรถูกพูดถึงเป็นอย่างยิ่งก็คือสภาพจิตใจของเจอร์เกน คล็อปป์ และนักเตะในทีมลิเวอร์พูลที่แข็งแกร่งกว่าหงส์แดงชุดไหนๆที่ผ่านมา
พลาด UCL ปีก่อน ปีต่อมาคว้าแชมป์
พลาด EPL ปีก่อน ปีต่อมาคว้าแชมป์
คือถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไปสภาพจิตใจคงแหลกสลายกับการใกล้เคียงคำว่าประสบความสำเร็จ แต่ดันพลาดแบบเจ็บปวด
ยิ่งในรายของเจอร์เกน คล็อปป์ ที่เริ่มจะกลายเป็นผู้แพ้ขาประจำในนัดชิงตลอดหลายปี ถ้ามองจากภายนอกเขาคือชายผู้แข็งแกร่งน่าเกรงขาม
แต่ในหัวใจของเขา บอกเลยไม่มีมนุษย์คนไหนชินชากับความพ่ายแพ้หรอกครับ เราทุกคนเจ็บปวดทุกครั้งที่แพ้
คลิปวิดีโอของคล็อปป์ที่กอดคอแฟนบอลร้องเพลงหลังแพ้เรอัล มาดริด ในนัดชิง UCL เมื่อปี 2018 นั้นมันหลอกพวกเราไม่ได้
เพียงแต่ว่าน้อยผู้นำที่จะแสดงความเศร้าโศกออกมาให้ลูกน้องได้เห็น ใครจะรู้ว่าตอนที่กลับไปบ้านเขาอาจจะเป็นชายผู้น่าสงสารมากที่สุดในโลกก็ได้
ขอบคุณที่ทำให้พรีเมียร์ลีกในปีนี้เป็นปีที่แสนพิเศษของแฟนหงส์ทั่วโลก
ขอบคุณเจอร์เกน คล็อปป์ ที่ทำให้พวกเรากลับมาสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง เพียงแต่ว่านี่มันไม่ใช่จุดสูงสุดที่สุดท้าย แต่มันยังมีจุดที่สูงขึ้นมากกว่านี้ได้อีก
ขอบคุณที่ทำให้ราชันย์กลับมาคืนบัลลังก์อีกครั้ง
.
.
.
.
.
และขอบคุณที่เลือกลิเวอร์พูลในวันที่ตกต่ำทั้งๆที่จะเลือกไปอยู่ทีมที่ดีกว่านี้ก็ได้
#ปลายสตั๊ดสีแดง
โฆษณา