29 มิ.ย. 2020 เวลา 10:30 • ธุรกิจ
การหักหลัง ธุรกิจเกมแค้น สู่ธุรกิจฟาสฟู้ดเบอร์หนึ่งของโลก Mcdonald’s
เป็นที่รู้กันดี ว่าแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดอันดับหนึ่งของโลกในปัจจุบัน นั่นก็คือร้านขายแฮมเบอร์เกอร์ “แม็คโดนัลด์” ที่มียอดขายอาหารจานด่วนมากกว่า 600,000 ล้านบาท จากสาขามากกว่า 35,000 แห่งในทุกปี แถมยังมีมูลค่ากิจการสูงถึง 5 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน
แต่รู้ไหม ว่าก่อนที่จะมาเป็นเบอร์หนึ่งได้อย่างทุกวันนี้ แบรนด์นี้ต้องผ่านสมรภูมิของพันธมิตร ที่มีการหักเหลี่ยม หักหลัง เป็นธุรกิจปิดเกมแค้นที่ยืดเยื้อยาวนาน..
ซึ่งความเป็นมาดังกล่าวจะน่าสนใจอย่างไร ผู้เขียนจะพาทุกคนไปความรู้จักกัน..
คริสต์ทศวรรษที่ 1920 หลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง ริชาร์ดและมอริช สองพี่น้องตระกูลแม็คโดนัลด์ ได้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในมหานครแคลิฟอร์เนียร์ และได้เริ่มต้นประกอบอาชีพรับจ้าง
กระทั่ง 10 ปีผ่านไป ทั้งคู่มีเงินเก็บก้อนหนึ่ง จึงได้ตัดสินใจเปิดกิจการโรงหนัง และขายของกินเล่น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะช่วงที่เปิดกิจการนั้น เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มเข้าสู่สภาวะตกต่ำครั้งใหญ่พอดี
และแน่นอนว่าเมื่อภัยพิบัติซัดคลื่นมา ธุรกิจความบันเทิงจะเป็นหมวดหมู่แรก ที่ได้รับบทเรียนในทันที
เวลาผ่านมาถึงปี 1937 พวกเขาตัดสินใจขายกิจการโรงหนัง และหันมาทำธุรกิจที่ผู้คนขาดไปไม่ได้ เพราะประกอบอยู่ในปัจจัย 4 นั่นก็คือ.. “อาหาร”
ช่วงแรกทั้งคู่ก็เปิดเป็นร้านขายอาหารธรรมดา แต่พี่น้องตระกูลแม็คมองการณ์ไกลยิ่งกว่าจะเป็นร้านอาหารแบบนั้น เพราะร้านธรรมดาในยุคนั้น กว่าจะเสิร์ฟออเดอร์ถึงลูกค้าได้ ก็ต้องใช้เวลาอยู่นานร่วมชั่วโมง
ประกอบกับการมองเห็นโอกาส ว่าอาหารที่ได้รับความนิยมสูงสุดในร้านนั้นก็คือ เบอร์เกอร์ เฟรนซ์ฟรายด์ และเครื่องดื่มซ่า ๆ
 
พี่น้องแมคจึงได้ปรับเปลี่ยนร้านมาขายเบอร์เกอร์เต็มตัว พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนการบริการ มาเป็นเป็นรูปแบบกึ่งบริการตนเอง ทำให้การเสิร์ฟสามารถทำได้รวดเร็วขึ้น จนบางครั้งสามารถเสิร์ฟได้ภายในเวลาแค่ 30 วินาทีเท่านั้นเอง
พร้อมทั้งปรับการสร้างแบรนด์ใหม่ให้เป็นที่น่าจดจำ ด้วยการจ้างนักออกแบบมาปรับปรุงร้านใหม่ และโลโก้ตัว M ใหม่ ที่ไฉไลเป็นปฐมบทสู่การเดินทางมาจนถึงปัจจุบัน
ในไม่ช้า แม็คโดนัลด์ ก็ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีรายได้เพิ่มขึ้น และกำไรเพิ่มขึ้น จนสามารถเปิด 20 สาขา ในเวลาเพียงไม่กี่ปีนับจากนั้น
ขณะที่แม็คกำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ชายคนหนึ่งได้พบนัยยะบางอย่างที่สำคัญ และชายผู้นั้น นั่นก็คือ “เรย์ คอร์ก” นักธุรกิจที่ประกอบกิจการขายเครื่องทำมิลค์เชค ได้พบว่าเครื่องของเขาที่ขายที่อื่นมียอดขายไม่ดี แต่ในร้านของแม็คกลับขายดี จนต้องมีเครื่องทำมิลค์เชคในร้านหนึ่ง ๆ ถึง 8 เครื่อง
ด้วยความสงสัยเรย์จึงพยายามหาข้อมูล จนนำไปสู่ข้อเสนอทางธุรกิจร่วมกับพี่น้องแม็ค
เรย์ได้ยื่นซองพร้อมกับข้อตกลงว่าจะพาร้านแม็คไปเติบโตในรัฐอื่น ๆ ของประเทศ นอกเหนือจากแคลิฟอร์เนียร์
แม้ตอนแรกพี่น้องแม็คจะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นัก เพราะกลัวจะไม่ได้รับความนิยมจากภูมิภาคอื่น ๆ แต่นัยยะสำคัญของข้อความที่ว่า เรย์จะยอมรับความเสี่ยงในการลงทุนเอง แล้วจะแบ่งผลกำไรให้กับพี่น้องทั้งสองแทน
พี่น้องแม็คยอมรับข้อเสนอ ภายใต้ส่วนแบ่ง 0.5% ของกำไร
ปรากฏว่าแม็ค หลังจากที่โบยบินออกจากแคลิฟอเนียร์ เรย์ได้ปรับปรุงร้านให้ดีขึ้นกว่าเดิม แม้ช่วงแรกสาขาย่อยจะไม่ดีเท่าสาขาแรก แต่เรย์ก็ใช้เวลาไม่นานแก้เกมดังกล่าว จนทุกสาขามีอะไรที่เหมือนกันทุกอย่าง
6 ปีนับจากดีลกัน เรย์สามารถขยายแม็คไปได้กว่า 100 แห่ง และผู้คนต่างชื่นชมเรย์เป็นผู้นำแทนพี่น้องแม็คซะเอง
ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องแม็คและเรย์ ก็ดูเหมือนว่าจะไปได้ดีกันมาตลอด
จนในที่สุด ปี 1956 พี่น้องแม็คขายสิทธิ์เปิดร้านในรัฐอัลลินอยส์ ให้กับบริษัทไอศกรีมแห่งหนึ่ง โดยที่ไม่บอกเรย์ก่อน ในทางธุรกิจเรย์จึงมองว่าการกระทำดังกล่าวนั้น เป็นการหักหลังกันซึ่ง ๆ หน้า
จึงเปิดเป็นธุรกิจเกมแค้นครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของวงการฟาสต์ฟู้ด
เรย์ไม่พอใจ จึงได้ทุ่มเงินกว่า 770,000 บาท หากเทียบเป็นปัจจุบันจะเท่า ๆ กับ 7.2 ล้านบาท ซื้อต่อสิทธิ์นั้นมาเป็นของตัวเองทั้งหมด
ไม่เพียงแค่นั้น เพราะเขายังได้วางแผนควบกิจการแม็คมาเป็นของตนเอง
รู้ไหม เรย์ดำเนินการอย่างไร ?
ปกติการขยายสาขาจะต้องเข้าซื้อที่ดินเสียก่อน ทว่าเรย์ใช้วิธีจัดตั้งบริษัท ไปซื้อหรือเช่าที่ดินตรงที่จะเปิดร้าน ก่อนจะให้แม็คมาเช่าในราคาที่แพงกว่าปกติ
ซึ่งไม่ว่าแม็คจะทำอย่างไร เงินทุกช่องทางก็ยังคงเข้ากระเป๋าเรย์เหมือนเดิม นอกจากนั้น ส่วนแบ่งกำไร 0.5% ก็เริ่มมีท่าทีลดลงเรื่อย ๆ จนในที่สุด ปี 1961 พี่น้องแม็คยอมขายแฟรนไชส์ทั้งหมดกับเรย์ในราคา 80 ล้านบาท
เมื่อเรย์เข้าครอบครองแม็คเบ็ดเสร็จ เขาก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยการระดมทุนเดินเข้าสู่ตลาดหุ้นในปี 1965 เพื่อนำเงินไปขยายสาขาเพิ่ม
และรู้ไหมว่าโลโก้แม็คในปัจจุบัน เป็นโลโก้ที่เรย์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม พร้อมทั้งคิดค้นแพ็คเกจใหม่ ๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลาย อย่าง Happy Meal และ Big Mac ที่มีการแถมของเล่นด้วย
เรย์เดินหน้าโปรโมทแม็คมาเรื่อย ๆ กระทั่งกลายเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วทั้งโลกในอีก 50 ปีถัดมา
ถ้าหากเราลงทุนหุ้นของแม็ค 100,000 บาท ตอนเข้าสู่ตลาดหุ้นครั้งแรก ปัจจุบันเงินนั้นจะงอกเงยขึ้นมากถึง 620 ล้านบาท..
หลายคนอาจจะมองว่าเรย์เป็นนักธุรกิจที่คิดไม่ซื่อ ขณะที่บางคนให้ความสนใจในฝีไม้ลายมือการดำเนินกิจการของเขาเป็นอย่างมาก
แต่ต่อให้เรย์จะถูกมองแบบไหน ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี ว่าเขาเป็นคนที่พาให้กิจการแม็คเดินทางมาจนถึงปัจจุบัน แถมยังมีมูลค่าสูงถึง 5 ล้านล้านบาท กลายเป็นเจ้าพ่อแห่งวงการฟาสต์ฟู้ดไปโดยปริยาย
ปิดท้ายด้วยความน่าสนใจ
ในมุมมองของผู้เขียน เรย์และสองพี่น้องอาจจะมีความไม่ลงรอยในการทำธุรกิจก็จริง แต่เมื่อสมบัติของตระกูลแม็คมาอยู่ในมือของเรย์ แน่นอนว่าเป็นใครก็อยากจะเปลี่ยนชื่อแบรนด์ ทว่าชื่อแม็คก็ยังอยู่มาจนถึงวันนี้
ซึ่งชื่อแม็คโดนัลด์เป็นนามสกุลของผู้ก่อตั้ง และเมื่อชื่อนี้มาอยู่กับเรย์แล้วไม่มีการเปลี่ยนเป็นชื่ออื่น นี่ก็อาจจะเป็นเกียรติ ที่ทั้งคู่แลกให้ซึ่งกันและกัน..นั่นเอง
ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire
Follow Us On “Facebook” https://www.facebook.com/swivelth
Follow Us On “Instragram” https://www.instagram.com/swivel.th/
โฆษณา