30 มิ.ย. 2020 เวลา 09:50 • ธุรกิจ
Phatra Edge x ลงทุนแมน
ถ้าเราอยากลงทุน อุตสาหกรรมไหนควรหลีกเลี่ยง อุตสาหกรรมไหนน่าสนใจในปีนี้
ภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่จุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม
ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 30%
ดัชนี Dow Jones ปรับตัวขึ้น 37%
ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 36%
(ข้อมูล ณ วันที่ 24 มิ.ย. 2563)
การเริ่มฟื้นตัวของตลาดหุ้น ทำให้หลายคนที่มีเงินเย็น สนใจอยากเข้ามาตักตวงผลตอบแทนในตลาด
แต่ทั้งนี้ คนที่สนใจลงทุนต้องตระหนักก่อนว่า ไม่ใช่ทุกอุตสาหกรรมที่จะน่าลงทุนในปีนี้..
เพราะการฟื้นตัวของราคาหุ้นในบางอุตสาหกรรม อาจไม่ได้สอดคล้องกับภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) หรือความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม
ซึ่งพอระยะเวลาผ่านไป ราคาหุ้นอาจปรับตัวลงเพื่อสะท้อนพื้นฐาน ดังนั้น นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในอุตสาหกรรมเหล่านี้ เพื่อจำกัดความเสี่ยงที่จะขาดทุน
โดยอุตสาหกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงลงทุน คือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโดยตรง และคาดว่าสถานการณ์จะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมในเร็วๆ นี้ จนกว่าวัคซีนโควิด-19 จะถูกแจกจ่ายอย่างทั่วถึง เช่น สายการบิน, โรงแรม, โรงภาพยนตร์, เชนร้านอาหาร และร้านเสื้อผ้าที่เน้นขายหน้าร้าน
ถึงแม้ว่าราคาของหุ้นกลุ่มนี้จะปรับตัวลงไปมากแล้ว แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะจบลงเมื่อไหร่
และหุ้นกลุ่มที่อิงกับภาวะเศรษฐกิจสูง อย่างพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ หรือธนาคาร
เนื่องจากภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และต้องใช้เวลาฟื้นตัวระยะหนึ่ง
แล้วเรามีทางเลือกลงทุนอะไรที่น่าสนใจบ้างในช่วงนี้?
การลงทุนในต่างประเทศถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
เพราะในเวลานี้หุ้นต่างประเทศในกลุ่มเทคโนโลยีหลายตัวไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
ในทางกลับกันธุรกิจเหล่านี้ยังได้รับอานิสงส์จากเรื่องนี้ เพราะมีโมเดลธุรกิจที่เหมาะกับยุค New Normal เช่น การทำงานที่บ้านผ่านคลาวด์, การใช้แอปประชุมทางไกล, การดูวิดีโอสตรีมมิง, การชอปปิงออนไลน์
Phatra Edge ได้ให้ข้อมูลว่า กลุ่มเทคโนโลยี มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา (R&D) คิดเป็นประมาณ 7% ของยอดขายทั้งหมด เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมโดยรวมทั้งหมด ที่มีสัดส่วนเพียง 2% เท่านั้น
ดังนั้น อุตสาหกรรมกลุ่มนี้น่าจะได้ประโยชน์จากการใช้งบประมาณในการสร้างนวัตกรรม เพื่อผลักดันการเติบโตที่เหนือตลาดในระยะยาว
ซึ่งอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ที่น่าจะเติบโตต่อไปได้นับจากนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่จดทะเบียนในต่างประเทศ ซึ่งในประเทศไทยจะไม่ได้มีหุ้นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเท่าไรนัก
ดังนั้นถ้าเราอยากให้พอร์ตการลงทุนเราเติบโต เราก็ควรกำหนดสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศให้เหมาะสมในการลงทุนของเรา
วิธีการจัดพอร์ตการลงทุนที่ Phatra Edge แนะนำคือวิธี Core & Satellite Portfolio โดยส่วน Core จะเป็นแกนหลักของ Port ให้เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มั่นคง ส่วน Satellite เป็นส่วนเสริมของ Port ให้เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะอันใกล้เป็นส่วนเสริม
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในต่างประเทศ ไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารมีข้อจำกัด ซึ่งเราอาจไม่เข้าใจตัวกิจการได้ดีพอ
และยังมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงกฎเกณฑ์ทางภาษี
Phatra Edge ที่ปรึกษาทางการเงินการลงทุน และ Wealth management แนวหน้าของเมืองไทย
จัดการเรื่องยุ่งยากและซับซ้อนของการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้เป็นเรื่องง่ายๆ
โดย Phatra Edge มีทีม Investment advisor ที่ปรึกษาด้านการวางแผนการลงทุนส่วนบุคคลที่มากด้วยประสบการณ์
เป็นตัวช่วยในการวางแผนทางการเงินของเรา ด้วยบริการ Tailor-made Portfolio ที่จะจัดพอร์ตการลงทุนเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของเรา พร้อมคำแนะนำในการบริหารพอร์ต และช่วยปรับพอร์ตให้ทันทุกสถานการณ์การลงทุน เพิ่มความมั่นใจว่าการลงทุนจะเป็นไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้
ที่สำคัญเราสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก และบทวิเคราะห์ต่างๆ ครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์ในแต่ละอุตสาหกรรม จาก Phatra CIO office ทีมวิจัยคุณภาพระดับสากลได้ทุกเวลา
เชื่อได้เลยว่าทุกเรื่องการลงทุนของเรา จะได้รับการดูแลอย่างครบครัน
===============================
สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าควรเริ่มลงทุนในสินทรัพย์ใด รับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน หรือนักลงทุนที่ต้องการคำแนะนำในการลงทุน สามารถลองจัดพอร์ตของตัวเองพร้อมรับรายชื่อกองทุนรวมแนะนำที่ผ่านการคัดสรรจากทีม Phatra CIO ได้ที่
===============================
ฟรี! ปรับพอร์ตลงทุนใหม่ พร้อมคำแนะนำการลงทุนเบื้องต้น*
ลงทะเบียนปรับพอร์ตลงทุนกับ Phatra Edge ที่ >> https://bit.ly/2Bf7WcY
*เงื่อนไขในการให้คำแนะนำเป็นตามที่บริษัทฯ กำหนด
บล.ภัทร ยังมีรายการ Phatra UNFOLD Podcast ที่จะเปิดทุกเรื่องการลงทุน สามารถเข้าไปฟังกันได้ที่
โฆษณา