แล้วไวรัสก่อโรคโควิด19 (โคโรนาลำดับที่ 7) จะมีลักษณะอย่างไร จากการศึกษาวิจัยเบื้องต้นของ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ พบข้อมูลเบื้องต้นดังนี้
จากการตรวจผู้ป่วยโควิด19 ที่หายป่วยแล้วจำนวนประมาณ 300 คน เมื่อคัดกรองประวัติและโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งเกณฑ์อายุ ทำให้เหลือผู้บริจาคพลาสม่า (ส่วนน้ำเหลืองที่มีภูมิต้านทาน) ประมาณ 70-80 คน ซึ่งได้มาบริจาคทุก 2 สัปดาห์ (ถ้าบริจาคเลือดที่มีเม็ดเลือดแดงด้วยจะบริจาคได้ทุก 3 เดือน) ได้จำนวน
พลาสม่าประมาณ 200 ถุง
ในพลาสม่าดังกล่าว พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
1) ส่วนหนึ่งพบระดับภูมิต้านทานสูง ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอในการนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโควิด19 ในอนาคตได้ โดยพบในผู้บริจาคที่มีอาการป่วยรุนแรง มีอาการอักเสบของปอดร่วมด้วย
2) อีกส่วนหนึ่งพบระดับภูมิต้านทานที่น้อยลงมา ในผู้บริจาคที่มีอาการป่วยเล็กน้อยถึงปานกลาง
3) และพบอีกส่วนว่า ไม่พบภูมิต้านทานเลย ในผู้บริจาคที่มีอาการเล็กน้อย ในกลุ่มนี้มีจำนวนประมาณร้อยละ 10 กลุ่มนี้แหละครับที่จะเป็นปัญหาใหญ่ต่อไป
ผลที่ได้จากการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ยังคงต้องมีการศึกษาติดตามระดับภูมิต้านทานในผู้บริจาคเหล่านี้ต่อไปอีกเป็นระยะ อาจเป็น 3,6,9,12 เดือน เพื่อดูระดับภูมิต้านทานว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงต่อไปอย่างไร