30 มิ.ย. 2020 เวลา 02:00 • ปรัชญา
ความอยากคือตัณหา ไม่อยากก็เป็นตัณหา ให้พิจารณาว่าการที่จะทำสิ่งใด ยังไม่มีเหตุมีปัจจัยแต่อยากให้เกิดขึ้นมา ทำไปด้วยความยึดติดยึดมั่นถือมั่นจนเกินไป ทำไปด้วยความไม่รู้ด้วยความลุ่มหลง ทำสิ่งใดเกินความพอดี จนเกิดการเบียดเบียนตนและผู้อื่นให้เป็นทุกข์ นี้แหละเขาเรียกว่าตัณหา
ว่าด้วยกิเลส ตัณหา
การเอาชนะเชื้อความรัก
เชื้อความรักมีมูลเหตุมาจากความลุ่มหลงในรูปกาย ดวงจิตมาเกิดถูกครอบงำด้วยกายในและกายนอก ซึ่งมีกิเลสตัณหา
ถึงแม้จะเป็นกายทิพย์ของเทพเทวดา นาค หรือกายมนุษย์ ก็ยังมีเชื้อรัก
จะดับเชื้อนี้ได้ ต้องตัดความยึดถือแห่งกายภายในและกายภายนอก
เมื่อดับกายในได้แล้ว จึงจะดับการยึดถือกายภายนอก
โดยมีกรอบของศีลเป็นเกราะป้องกันเพื่อไม่ให้เชื้อนี้กำเริบและสร้างความทุกข์ให้แก่เราอีก
ความหลง ความรัก ความตาย : เมื่อรักทำร้าย กลับกลายเป็นยาพิษ
ความรักที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่สวยงาม หอมหวาน เป็นสิ่งที่หลายคนแสวงหา ยอมทุ่มเท ลงทุนลงแรง เสียเวลามากมายเพื่อที่จะได้มันมาครอบครอง แต่สุดท้ายรักนั้นกลับเบาบางกว่าเมฆหมอก ไม่มีตัวตน สลายหายไป ทิ้งไว้แต่ความผิดหวัง
กามคุณทั้งหลาย ที่ผ่านมาทางตา หู จมูก ลิ้น สัมผัสทางกาย เป็นความสุขแค่นิดเดียว สุขแค่ลมพัดผ่าน ต้องเสียเวลา และต้องแสวงหา ให้ได้ความสุขชั่วคราวอยู่ร่ำไป ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ปล่อยความสุขทางกามคุณทั้งหลายได้ ก็เข้าใกล้ความพ้นทุกข์ พบความสุขที่แท้จริง
ถ้ามีรักแล้วมันเป็นสุขตลอดไป ก็คงจะไม่มีคนทุกข์ แต่ใช่ว่าคนจะแก้ปัญหาที่ความทุกข์ พวกเขากลับไปแก้ปัญหาที่ความรัก โทษรัก ใส่ความว่ารักนั้นทำให้ผิดหวัง เป็นทุกข์ ทั้งที่คนที่ไปตั้งความหวังไว้ผิด ๆ ก็คือคนที่แสวงหาความรักเหล่านั้น การแก้ปัญหาของพวกเขาคือแสวงหาคนรักที่ดีขึ้น มั่นคงขึ้น สุขยาวนานขึ้น นั่นคือทิศทางของความคาดหวังที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากความใคร่อยากเสพความรัก กลายเป็นความกลัวความผิดหวัง จึงพยายามหาสิ่งที่จะป้องกัน มาประกันให้รักนั้นคงอยู่ให้นาน เท่าที่ตนจะได้เสพสมใจตลอดไป
ผู้คนพยายามแสวงหาหนทางที่จะเอาชนะไตรลักษณ์ พยายามที่ก้าวข้ามความไม่เที่ยง ความทุกข์ และสร้างตัวตนขึ้นมาจากความว่างเปล่า ก็จริงอยู่ที่ว่าเขาอาจจะมีอำนาจ บารมีที่สามารถดำรงสภาพเหล่านั้นไว้ได้ช่วงหนึ่ง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีสิ่งใดในโลกหนีจากไตรลักษณ์ได้เลย เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนแปลง สุดท้ายก็ต้องเจ็บปวด ผิดหวัง ทรมาน ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ นำมาซึ่งการกล่าวหากัน ทำร้ายกัน จนถึงขั้นฆ่ากันตาย ไม่ฆ่าคนอื่น ก็ฆ่าตัวเอง ด้วยความคับแค้นใจ ทนไม่ได้ ยอมรับไม่ได้กับสภาพรักที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่มั่นคง ไม่แท้ ไม่จริง
จิตของบุคคลใด ที่กำลังหลงรักใครอยู่ ดวงจิตนั้นมีเชื้อความหลงและความรัก ที่ครอบงำจิตใจ จะทำให้เป็นทุกข์ เร่าร้อน จะต้องแสวงหาอาหารของเชื้อเหล่านั้น เติมเต็มเข้าไป ต้องได้เห็นหน้า ต้องได้ยินเสียง ไม่เช่นนั้นจะเร่าร้อน ทุรนทุรายเป็นความทุกข์ ฉะนั้น จงถอดถอนทำลายเชื้อความหลง ความรักนั้นเสีย ด้วยการมีสติ ปัญญา พิจารณาให้เห็นความเป็นจริงในสิ่งที่กำลังลุ่มหลง กำลังรักอยู่เถิด จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์
คนที่ปฏิบัติธรรมตามหลักพระพุทธเจ้าแล้วสามารถล้างความหลงติดหลงยึดในเรื่องคู่ได้จริง จะไม่วนเวียนอยู่กับการแส่หาความรักอีกต่อไป จะเกิดสภาพของบัณฑิตโดยธรรม คือ มีการประพฤติตนเป็นโสดเป็นธรรมดา ส่วนคนที่พลาดพลั้งไปมีคู่แล้ว ก็จะเห็นความจริงตามความเป็นจริง คือเห็นนรกจริง เห็นความลำบากจริง ๆ เห็นภาระจริง ๆ ที่ต้องแบกไว้ ให้หนัก ให้เหนื่อย ให้ลำบาก ก็จะมีความเหนื่อยกายเป็นหลัก ส่วนความเหนื่อยใจถ้าล้างความหลงไปได้มันก็ไม่ทุกข์ เหลือแต่ภาระ คือวิบากกรรมชั่วที่เคยทำมา ที่ต้องใช้เวลาในการชดใช้ หรือที่เรียกกันว่า “รับกรรม”
สรุป เรื่องความรักก็เป็นความหลงแบบหนึ่งที่ทำให้คนเบียดเบียนกันได้มากถึงขนาดทำร้ายกัน ฆ่ากันตาย ฆ่าตัวตาย ซึ่งจริง ๆ เป็นเรื่องที่ป้องกันได้ ยับยั้งได้ ลดภัยจากความรักนั้นทำได้ง่ายกว่าลดอุบัติเหตุเสียอีก แต่การจะเข้ามาศึกษาเพื่อลดทุกข์ โทษ ภัยจากความรักให้ถ่องแท้นั้น ทำได้ยากยิ่งเหลือเกิน
เรียบเรียง เจ หนุ่มสกลคนอิสระ
Pinterest
อ้างอิงจาก
สัมมาสัมพุทธะ ปัจฉิมาสัมพุทธะ
โฆษณา