30 มิ.ย. 2020 เวลา 05:19 • ความคิดเห็น
"ถ้าข้าพเจ้ามีเวลา 6 ชั่วโมง ในการตัดต้นไม้ ข้าพเจ้าจะเอาเวลา 4 ชั่วโมงแรก ไปลับขวาน" นี่คือคำพูดประโยคหนึ่งของอับราฮัมลินคอล์น ที่ถือว่าเป็นประโยคทอง เอามากๆ ผมสารภาพตามตรงเลยนะครับว่าครั้งแรกที่ได้ยินประโยคนี้ผมไม่เข้าใจ
8
ไม่เข้าใจว่าทำไมมีเวลา 6 ชั่วโมงทำไมต้องเวลาตั้ง 4 ชั่วโมงเพื่อที่จะไปลับขวาน ซึ่งดูเสียเวลามาก กับการที่ไม่ลงมือตัดในทันที แต่สุดท้าย เมื่อผมผ่านประสบการณ์ และเรียนรู้ มาในระดับหนึ่ง ผมก็ได้เข้าใจในความหมายที่ซ่อนอยู่ในประโยคนี้
จริง ๆ แล้ว มันเป็นคำอุปมา อุปไมยครับ
บ่งบอกถึงการ ที่เราเตรียมพร้อมสำหรับจะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ให้มากพอ และดีพอ เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงมือทำ มันจะดีกว่าการที่ไม่มีการเตรียมตัวใด ๆ เลย
ความแตกต่างของคนที่เริ่มลงมือตั้งแต่แรก และใช้เวลา 6 ชั่วโมงในการตัด กับคนที่ใช้เวลา 4 ชั่วโมงในการลับ แล้วถึงตัด นั้นแตกต่างกันยังไงรู้ไหมครับ??
คนที่ตัดไม้ตลอดเวลา 6 ชั่วโมงนั้น จะไม่มีเวลาแม้กระทั่งมานั่งคิดวางแผน เพราะเขาจะตั้งหน้าตั้งตา ตัดไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าจะทำให้ได้ไม้เยอะที่สุด แต่เขาก็ลืมสิ่งหนึ่ง ที่สำคัญไปอย่างมากนั่นก็คือ คมขวาน เมื่อตัดไม้ไปมากขึ้นเรื่อยๆ มันย่อมทื่อลง!!
คนที่ตัดไม้ตลอด 6 ชั่วโมง แน่นอนว่า ตอนแรกคงจะตัดได้อย่างรวดเร็ว แต่ในตอนท้าย คงต้องใช้เวลามากกว่าตอนแรกเอามาก ๆ แน่นอน เพราะขวานของเขามันทื่อลง
3
ส่วนคนที่ลับขวานให้คมถึงขีดสุดถึง 4 ชั่วโมงก่อนการตัด แน่นอนว่า การตัดย่อมจะเป็นไปอย่างง่ายดายกว่าขวานที่ไม่ได้ลับ และที่สำคัญก็คือ ถึงแม้จะมีเวลาน้อยกว่า แต่เมื่อมีขวานที่คมกว่า ก็สามารถที่จะแซงหน้าคนที่ไม่ได้ลับขวานเลย ได้อย่างไม่ยากนัก
1
ผมเคยมีเหตุการณ์หนึ่งในชีวิต ที่สอดคล้องกับเรื่องนี้
นั่นคือ ครั้งหนึ่ง ตัวผมเองได้มีโอกาส ไปสัมภาษณ์ คุณหมอภาคย์ โลหารชุน (หนึ่งในฮีโร่ที่ช่วย 13 ชีวิตหมูป่าออกมาจากถ้ำหลวง) ที่สำคัญไปกว่านั้น นั่นก็คือ เรื่องราวในครั้งนี้ มันเป็นความบังเอิญครับ
ทุกอย่างเริ่มต้นที่........
วันหนึ่ง บริษัทผมได้เรียนเชิญ คุณหมอภาคย์ มาพูดคุย ในงานประชุมสัมนา และผมเองก็ได้มีหน้าที่ไปต้อนรับคุณหมอภาคย์ เนื่องด้วยว่าทีมผมรับหน้าที่เชิญหมอภาคย์มา และด้วยความเป็นผู้ชายคนเดียวในทีม จึงได้ไปนั่งทานอาหารกลางวันเป็นเพื่อนคุณหมอภาคย์ ระหว่างที่รอเวลาขึ้นเวที
และความพลิกผันนั่นก็คือ ผมได้มารู้ตอนระหว่างทานอาหารว่า มีความผิดพลาดในการดีลงานเบื้องหลังกัน โดยคุณหมอคิดว่า จะมาบรรยายแบบ เสวนา มีคนมาสัมภาษณ์ แต่ทางผมคิดว่า คุณหมอจะมาบรรยายแบบเปิดสไลด์
คราวนี้ส้มเลยมาหล่นที่ผม ที่ต้องกลายเป็นคน ลิสต์คำถาม และ ตระเตรียมความพร้อมก่อนจะขึ้นเวทีให้มากที่สุด ในระหว่างทานข้าว ผมลองสอบถามและพูดคุยไปถึงที่มาที่ไป ว่าทำไม คุณหมอภาคย์ ถึงได้มาเป็นหมอภาคย์ ในทุกวันนี้ ซึ่งมันก็ให้ข้อคิดต่าง ๆ กับผมพอสมควร
1
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก แต่เป็นหนึ่งชั่วโมง ที่ผมได้คำถามที่พร้อมจะถาม คุณหมอเป็นที่เรียบร้อย ขาดก็เพียงแต่ คนที่จะไปเป็นพิธีกร นั่งสัมภาษณ์
ในวินาทีนั้น ผมจำได้เลยว่า คนในทีมผม พยายามหา คนอื่นมาเป็นพิธีกร แต่ด้วยความที่ค่อนข้างฉุกละหุก และกะทันหัน เอามาก ๆ ก็หามาได้ หนึ่งคน
ในอีกไม่กี่นาทีก่อนจะขึ้น เราได้ลองทำการบรีฟ คำถามของผมกับพิธีกรอีกคนหนึ่ง ซึ่งถูกวางว่าจะให้มาสัมภาษณ์คุณหมอบนเวที แต่อาจจะด้วยคำถามที่ผมเองเป็นคนคิด เวลาผมบรีฟ และถามคุณหมอมันจึงดูเข้าปากมากกว่า การตัดสินใจในวินาทีสุดท้าย จึงเริ่มต้นขึ้นว่า ระหว่างให้ผมเองเป็นคนสัมภาษณ์ไปเลย หรือว่าจะเปลี่ยนให้อีกคน จะเอาแบบไหน
มีคำถามมาทันทีจากหัวหน้าโดยตรงของผม ว่าผมทำได้ไหม??
แน่นอนคำตอบของผมคือ "ทำได้ครับ"
แต่ที่ผมมั่นใจได้ในตอนนั้นคือ คนอื่น ๆ ไม่ได้มั่นใจว่าผมจะทำได้ขนาดนั้น สุดท้าย ทุกคนก็ ยอมรับและให้ผมเป็นพิธีกร ในการสัมภาษณ์ ในวันนั้น
ซึ่ง มันผ่านไปได้ด้วยดี และก็ได้รับคำชม จาก Boss ใหญ่ ที่ได้ดู ซะด้วย
ถ้าถามว่าอะไรกันหละ ถึงทำให้ผมมั่นใจขนาดนั้นว่าผมทำได้?
นั่นก็เพราะประสบการณ์ที่ผมสั่งสมมา นั่นแหละครับ
ผมไม่ได้พึ่งจะเคยเป็นพิธีกร เป็นครั้งแรก แต่มันเป็นครั้งที่นับไม่ได้แล้ว ที่ได้เป็น ผมมีประสบการพูดต่อหน้าคนหมู่มาก มาเยอะเพราะ เคยเป็น คนนำกิจกรรม สันทนาการ ตั้งแต่ มัธยม-มหาวิทยาลัย พิธีกรงานแต่งก็เป็นมาแล้ว แต่ประสบการณ์ในการสัมภาษณ์คนบนเวทีนั้น เรียกว่า แทบจะไม่เคย
แต่ก็อาจจะเป็นโชคดีของผมก็ได้ ที่ก่อนหน้านั้น ไม่กี่เดือน ผมได้มีโอกาส เป็นพิธีกร นั่งสัมภาษณ์ วิทยากรท่านหนึ่ง ในงานใหญ่ งานหนึ่ง ซึ่ง สำหรับครั้งนั้น ผมคิดว่าผมเองไม่ได้ทำได้ดีมากนัก เพราะนั่นคือครั้งแรก แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละครับ มันเป็นประสบการณ์ชั้นดี ที่ทำให้ผมรู้ว่าเราพลาดอะไรไป ต้องปรับปรุงตรงไหน จนทำให้ครั้งที่ 2 มันออกมาได้ดีและราบลื่น ถึงแม้จะใช้เวลาเตรียมตัวไม่นานนัก
ตัวผมเองก็เหมือนกับนักตัดไม้ ที่หมั่นลับขวานตัวเองอยู่อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่รู้หรอกว่า เราจะได้เริ่มลงมือตัดเมื่อไหร่
แต่เมื่อโอกาสนั้นมาถึง ก็พร้อมที่จะทำอย่างเต็มที่ ตัดได้อย่างง่ายดาย เพราะคมขวานที่อุตส่าห์ลับมาเนิ่นนานนั่นแหละ
แต่ลองคิดดูสิครับ ว่าถ้าผมเป็นนักตัดไม้ ที่ไม่รู้จักลับขวานของตัวเองเลยหละ มันจะเป็นยังไง??
โอกาสที่ผ่านเข้ามา ก็คงได้แค่ผ่านไป
ความไม่พร้อม กลายเป็นข้ออ้าง ง่าย ๆ ที่เราจะปฎิเสธมันทิ้งไป
เหมือนคนที่เอาเงินมาวางตรงหน้า และขอให้คุณทำตัดไม้เป็นการแลกเปลี่ยน
แต่น่าเสียดาย ที่คุณทำไม่ได้ เพราะขวานของคุณ มันทื่อ เสียจน ตัดไม่ได้แม้กระทั่ง กิ่งไม้เล็ก ๆ
"หากไม่รู้จักลับขวาน ไม่ว่าจะมีเวลาตัดไม้ สักกี่ชั่วโมง ก็คงจะไม่พอ"
ขวานของคุณ มันจะคมได้ ก็ต่อเมื่อถูกลับอย่างสม่ำเสมอ โอกาสที่วิ่งเข้ามา ก็ต้องใช้ขวานที่คม เป็นตัวเบิกทาง ถ้ามีเวลามากพอที่จะตัดไม้ ก็อย่าลืมลับขวานของคุณให้คม ซะก่อนหละ เพราะมีแต่คนที่พร้อมเท่านั้นแหละ ถึงจะได้รับโอกาส ที่วิ่งเข้ามา
หวังว่าบทความนี้ จะช่วย "ฉุดคิด" คุณขึ้นมาได้บ้างนะครับ
โฆษณา