30 มิ.ย. 2020 เวลา 11:30 • ธุรกิจ
Invisibobble แบรนด์ยางมัดผม ยอดขาย 600 ล้าน
รู้หรือไม่ ยางมัดผม รุ่นปกติของแบรนด์ Invisibobble
ราคาต่อกล่องสูงถึง 215 บาท มีกล่องละ 3 เส้น
แปลว่าเฉลี่ยแล้วตกเส้นละประมาณ 71 บาทเลยทีเดียว
ในขณะที่ยางมัดผมทั่วไปมีราคาแค่เส้นละ 5 บาท
1
แต่เชื่อหรือไม่ว่า ยางมัดผมของ Invisibobble
กลับกลายเป็นไอเทมยอดฮิตของสาวๆ ทั่วโลก
แล้วแบรนด์ Invisibobble มีที่มาอย่างไร?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
เรื่องราวของแบรนด์ Invisibobble เริ่มต้นมาจากคุณ Sophie Trelles-Tvede
สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เธอมักจะมัดผมหางม้าตลอดทั้งวัน
ไม่ว่าจะเป็นตอนเรียนหนังสือ หรือตอนออกไปข้างนอกในยามกลางคืน
แม้ว่าเธอจะชื่นชอบการมัดผมแค่ไหน
แต่การมัดผมนานๆ แบบนี้ได้ทำให้เธอมี “อาการปวดหัว”
นอกจากนั้น ถ้ามัดผมไปเป็นระยะเวลาหนึ่ง
ผมก็จะเป็นรอย และหยิกงอ จนเสียทรง
ซึ่งเรื่องนี้ ก็กลายเป็นปัญหาเล็กๆ ที่กวนใจเธออยู่ทุกวัน
แต่แล้วความบังเอิญก็เกิดขึ้น ขณะที่เธอกำลังจะออกไปปาร์ตี้
เธอหันไปเห็นสายโทรศัพท์เก่า ที่ไม่ได้ถูกใช้งาน แขวนอยู่บนผนัง
จึงได้ตัดสินใจ นำสายโทรศัพท์เก่า มาใช้มัดผม
อย่างไรก็ตาม ในเช้าวันถัดไป เธอกลับตื่นมาพร้อมความรู้สึกสบายที่ศีรษะ
ไม่มีอาการปวดหัวเหมือนอย่างเคย และเส้นผมของเธอก็แทบจะไม่หยิกงอ
แม้ว่าสายโทรศัพท์เส้นนั้น จะยังมัดแน่นบนผมของเธออยู่ก็ตาม
เรื่องนี้ทำให้เธอแปลกใจอย่างมาก
เพราะการรัดผมด้วยสายโทรศัพท์ กลับใช้ได้ดีกว่ายางมัดผมเสียอีก
และกลายเป็นการจุดประกายให้เธอก่อตั้งแบรนด์ Invisibobble ขึ้น
คุณ Sophie Trelles-Tvede ซึ่งในขณะนั้นอายุประมาณ 18 ปี
ได้ชวนคุณ Felix Haffa ในวัย 19 ปี ให้มาเป็นหุ้นส่วนของ Invisibobble
ซึ่งตอนนั้นพวกเขายังเป็นเพียงนักศึกษา
ทั้งสองใช้เวลากว่า 6 เดือน ร่วมกับช่างเทคนิคชาวเยอรมันหลายคน
ในการคิดค้นยางมัดผมรูปแบบใหม่
และในปี 2012 พวกเขาได้เริ่มทำการทดลองสินค้า
ซึ่งใช้เวลานาน 12 เดือน เพื่อปรับปรุงจุดบกพร่อง
ในที่สุด ปี 2013 ยางมัดผมของ Invisibobble ก็ได้เกิดขึ้น
ความพิเศษของยางมัดผมจาก Invisibobble
อยู่ที่ลักษณะยางที่เป็นเส้นเกลียวๆ คล้ายกับสายโทรศัพท์
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ต้องมีลักษณะแบบนี้ ก็เป็นเพราะว่า
เส้นเกลียวๆ จะช่วยให้ยาง ไม่รัดเส้นผมมากเกินไป จนทำให้เกิดอาการปวดหัว
และยังทำให้เวลาปล่อยผมออกมา เส้นผมจะไม่เป็นรอยจากการมัด
นอกจากนี้ แบรนด์ Invisibobble ยังใช้วัสดุชนิดพิเศษ
ที่เมื่อโดนความร้อนแล้ว ยางมัดผมจะหดตัว
ซึ่งในสมัยที่แบรนด์เพิ่งเปิดตัวใหม่ๆ เรื่องนี้ก็น่าตื่นเต้นสำหรับสาวๆ เลยทีเดียว
เพราะปกติเวลาใช้ยางมัดผมทั่วไปๆ ยางจะยืดไปตามระยะเวลาการใช้งาน
แต่สำหรับยางมัดผมของแบรนด์ Invisibobble
ถ้าเรานำไปแช่ใน “น้ำร้อนจัดๆ” หรือใช้ไดร์ที่ระดับความร้อนมากๆ เป่า
ตัวยางจะหดกลับไปมีขนาดเกือบเท่าเดิม
ดังนั้นแม้ว่า Invisibobble จะมีราคาแพงกว่ายางมัดผมทั่วๆ ไป
แต่ที่คนส่วนใหญ่ยังซื้อใช้ ก็เป็นเพราะ “ความคุ้มค่า” ในการใช้งาน จากอายุการใช้งานที่นานกว่า
ที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ วิธีการดำเนินธุรกิจของ Invisibobble
เพราะในปีที่แบรนด์เพิ่งจะเปิดตัวสินค้า ผู้ก่อตั้งทั้งสองได้ทำสิ่งที่ “เสี่ยง” มาก
ซึ่งก็คือ การส่งออกสินค้าไปขายใน 12 ประเทศ
ทั้งที่ในตอนนั้น ทุกคนยังมองว่า “Invisibobble ก็แค่ยางมัดผม”
โดยในช่วงแรก Invisibobble จะเน้นไปที่การขายออนไลน์ และขายให้กับกลุ่มช่างทำผม
เรื่องนี้ถือเป็นความคิดที่ชาญฉลาดมาก
เพราะช่างทำผมส่วนใหญ่จะใช้ยางมัดผมจำนวนมากในการทำผมให้ลูกค้า
และที่สำคัญคือ พวกเขาจะยกยางมัดผมเหล่านั้นให้ลูกค้าไปเลย
ดังนั้น วิธีนี้จึงเปรียบได้กับการโฆษณาสินค้าอย่างดี
เพราะถ้าลูกค้าของช่างทำผมใช้แล้วประทับใจ ต่อไปคนกลุ่มนี้ก็จะซื้อมาใช้ต่อเอง
ไม่นานเรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น..
ภายในปีแรกแบรนด์ Invisibobble ทำยอดขายไปได้ถึง 193 ล้านบาท
แน่นอนว่าความสำเร็จขนาดนี้ ทำให้เริ่มมีคนที่หันมาเลียนแบบ Invisibobble
แต่ผู้ก่อตั้งทั้งสอง ก็ได้แก้ปัญหาด้วยการพัฒนานวัตกรรม
และการออกแบบยางมัดผมให้ทันสมัยอยู่ตลอด
ปัจจุบัน แบรนด์ Invisibobble ได้ขยายไปใน 70 ประเทศทั่วโลก
และกลายเป็นบริษัท ที่มีพนักงานในบริษัทกว่า 100 คน
ตอนนี้หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่า ยางมัดผม Invisibobble จะเป็นแค่เทรนด์ชั่วคราวหรือไม่?
คำตอบนี้คงดูได้จาก ปี 2019 ที่ผ่านมา
แบรนด์ Invisibobble ทำยอดขายไปถึง 641 ล้านบาท
เพิ่มเป็น 3 เท่าภายใน 6 ปี
จึงถือเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า แม้ว่าเวลาจะผ่านไป
แต่ยอดขายของแบรนด์ กลับยังคงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งความสำเร็จของ Invisibobble จริงๆ แล้วก็เกิดจากความพยายามในการ “แก้ปัญหาเล็กๆ” ที่ทุกคนมองข้าม ประกอบกับความกล้าที่จะลงมือทำ ของผู้ก่อตั้งทั้งสอง
ดังนั้นถ้าเรามีความฝัน อย่าปล่อยให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน
ลองมองหาปัญหารอบๆ ตัว และหาทางแก้ไขมัน
ไม่แน่ว่าปัญหาที่เราเจอ อาจจะเป็นปัญหาที่คนอื่นก็เจอเช่นกัน
วิธีแก้ปัญหาของเรา จึงสามารถไปแก้ปัญหาของคนอื่นได้ด้วย
เหมือนกับ ยาง Invisibobble ที่กลายเป็นสิ่งที่มาตอบโจทย์และแก้ปัญหา
ให้กับ สาวๆ ทั่วโลก..
โฆษณา