30 มิ.ย. 2020 เวลา 16:06
Cirque du Soleil เมื่อคณะกายกรรมพันล้าน ถึงคราวยกเท้าก่ายหน้าผาก
ผลของโควิดคงไม่มีใครนึกว่าคณะกายกรรมชื่อดังอยาก "Cirque du Soleil" (เชิร์ด ดูโซเลย์) ยังต้องพ่ายแพ้ ยอมยกธงขาวยื่นล้มละลายต่อศาลที่อเมริกา ต้องเลิกจ้างนักแสดง 3,500 คน กลับไปตั้งหลักกันใหม่
วันนี้ก็เลยจะขอเล่าถึงเชิร์ด ดูโซเลย์ ว่าพวกเค้าสามารถสร้างความแตกต่าง จนก้าวขึ้นมาผลิกโฉมวงการละครสัตว์และกายกรรมได้อย่างไร ถ้าพร้อมแล้วตามไปฟังกัน
1) อดีตอันแสนหวาน
ผู้คนกว่า 150 ล้านคนในกว่า 300 เมืองทั่วโลก (ซึ่งรวมถึงประเทศไทย 2015) ได้รับชมการแสดงที่ยิ่งใหญ่ของเชิร์ด ดูโซเลย์ พวกเค้าใช้เวลาเพียง 20 กว่าปีนำการนำพาคณะกายกรรมเล็กๆ ทะยานสร้างรายได้เป็นพันล้านเหรียญ ข้ามหน้าข้ามตาคู่แข่คณะละครสัตว์ชื่อดังอย่าง Ringling Bros. และ Barnum & Bailey ต้องใช้เวลากว่า 100 ปีที่จะทำได้สำเร็จเหมือนพวกเค้า
โดยในช่วงปกติเชิร์ด ดูโซเลย์ จะมีทีมงานจะจัดการแสดงถาวรประมาณ 10 ชุด บวกกับอีก 5 ชุดที่ใช้ในการทัวว์รอบโลก ซึ่งแต่ละชุดจะสร้างรายได้ประมาณ 70 ล้านเหรียญ (นี้คือขุมทรัพย์พันล้านของพวกเค้านั้นเอง) นี้ยังไม่รวมรายรับที่ได้จากการขายโฆษณาห้แก่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Xerox และ DHL
2) แล้วอะไรทำให้ Cirque du Soleil ยืนหนึ่งในวงการ?
คณะกายกรรมและละครสัตว์นั้นจัดว่าเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมาก โดยแต่ละผู้จัดการแสดงมักจะมีโชว์ที่คล้ายๆกัน ซึ่งทำให้เกิดการแย่งตัว ใช้เงินซื้อดาราดัง มาใช้ในการดึงดูดผู้ชม
เชิร์ด ดูโซเลย์รู้ดีว่าถ้าจะแข่งในเกมส์แบบเดิมคงยากที่จะชนะ พวกเค้าจึงกำหนดนิยามของคณะกายกรรมขึ้นมาใหม่ (ซะเลย) โดยที่พวกเค้าไม่ใช่สัตว์ ผนวกการแสดงละครเวทีเข้ากับกายกรรม โดยใส่ความสวยงานในการเคลื่อนไหว มากกว่าที่จะใช้แค่ความน่าตื่นเต้น
ซึ่งกระบวนการเตรียมโชว์ของพวกนั้น ใช้ต้องใช้เวลาพัฒนาอย่างน้อยเกือบ 2 ปีกว่าที่จะพร้อม การที่พวกเค้าจะสามารถสร้างโชว์ที่ดีกว่า 20 โชว์ และยังถูกใช้เดินสายแสดงทั่วโลก (ก่อนโควิดจะทำพิษ) แสดงให้เห็นถึงความสามารถในความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมของทีมงาน
พวกเค้าสร้างสิ่งเหล่านี้คิดมาได้อย่างไร (เดี๋ยวจะพาไปแอบดูหลังม่านโลกละคร)
2.1 ไอเดียจากการระดมสมอง (ไม่ใช่ทางของเชิร์ด ดูโซเลย์)
สำหรับเชิร์ด ดูโซเลย์ พวกเค้าไม่ใช่การระดมสมอง หรือที่เรียกว่า brainstorming ในการหาไอเดียใหม่ๆ พวกเค้าได้สร้างวัฒธรรมแห่งการถกเถียง (แบบกระตุ้นให้ถกเถียงกันแบบรุนแรงตรงไปตรงมา เรียกว่าไอเดียไหนไม่ดีให้รีบฆ่าทิ้งไปเลยแบบนั้น) พวกเค้าเชื่อว่าวิธีการนี้จะได้ผลลัพธ์ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างมากกว่าและใช้เวลาน้อยกว่า
เพราะการระดมสมองที่มองว่าทุกไอเดียเป็นไอเดียที่ดี และมักใช้การยินยอมพร้อมกันในหมู่ขณะ จะทำให้เกิดการเลือกไอเดียที่กลางๆ เพื่อให้ยัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุน แบบประนีประนามนั้นเอง
📌 เพราะฉะนั้นถ้าอยากแตกต่างแบบเชิร์ด ดูโซเลย์ จึงต้องกล้าถกเถียง
2.2 คณะละครก็ต้องมีหน่วยวิจัยนะ
แน่นอนว่าพวกเค้าไม่ได้จ้างนักวิทยาศาสตร์หัวฟู มาทำวิจัยอยู่ในเต็นท์โรงละคร แต่พวกเค้าทำวิจัยและเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้ชม โดยเชิร์ด ดูโซเลย์ สร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อจัดเก็บหนังสือ สิ่งพิมพ์ รูปภาพ หนัง เพลง เพื่อที่จะนำมาให้เป็นองค์ประกอบในการสร้างโชว์
พวกเค้ามีการใช้ระบบให้คะแนน (scoring) เพื่อที่จะใช้คัดสรร หลายละเอียดที่น่าสนใจเรียกได้ว่า "เจ๋ง" และแตกต่าง มาใช้ในการพัฒนาการแสดงใหม่ๆ
📌 เพราะฉะนั้นถ้าอยากนำหน้าแบบเชิร์ด ดูโซเลย์ จึงอินเทรนเสมอ และประมวลผลข้อมูลที่หลากหลาย
2.3 หนุ่มสาวและความหลากหลายของเชื้อชาติ
แน่นอนว่าการแสดงที่เต็มไปด้วยพลังและความโลดโผน เชิร์ด ดูโซเลย์ต้องใช้ทีมงานในช่วงอายุ 20 แต่นั้นไม่ใช่เหตุผลเดี๋ยว เชิร์ด ดูโซเลย์ยังเปิดรับความคิดใหม่ มุมมองที่มีต่อโลกที่แตกต่างกันจากคนหนุ่มสาวเหล่านั้นและนำมาใช้ในการพัฒนาการแสดงของพวกเค้าอีกด้วย
การผสานวัฒนธรรมต่างๆ ด้วยคนที่เข้าใจในเรื่องราวนั้นๆอย่างลึกซึ้งยิ่งช่วยให้การแสดงของเชิร์ด ดูโซเลย์ สามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่หลากหลาย (เรียกได้ว่าไม่ต้องไปจ้างที่ปรึกษาข้างนอกมาเลยทีเดียว)
📌 ถ้าอยากใหม่สดแบบเชิร์ด ดูโซเลย์ จึงต้องผสมผสานพลังของคนรุ่นเยาว์และเชื้อชาติที่หลากหลาย
2.4 ไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้ และเปิดกว้างทำงานกับคนใหม่ๆ
แม้พวกเค้าจะได้รับการยอมรับว่าอยู่แถวหน้าของโลกแห่งการแสดง แต่พวกเค้าไม่เคยหยุด เชิร์ด ดูโซเลย์ทำงานร่วมกับศิลปินหลากหลายแขนงเพื่อพัฒนาการแสดงของพวกเค้าให้ก้าวคิดไปอีกระดับเสมอ
พวกเค้าทำงานร่วมกับ James Cameron ในการสร้างหนังสามมิติที่เกี่ยวกับละครสัตว์ พวกเค้าทำงานกับนักร้องชื่อดังอย่าง Madonna โดยมีส่วนร่วมในการแสดงระหว่างพักครึ่งของการแข่งขัน Super Bowl (ซึ่งเป็นการแสดงที่มีคนชมพร้อมกันทั่วโลกมากที่สุดการแสดงหนึ่ง แน่นอนว่าโชว์ที่จะไปที่จุดนั้น ต้องผ่านการเฟ้นหาเป็นอย่างดี) หรือการทำงานร่วมกับหนังดังอย่าง Avatar ที่ได้นำมาเรียงร้อยเป็นโชว์ที่แสนอลังการอีกด้วย
📌 เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากโดนแซง ต้องไม่หยุดเรียนรู้ หาคนที่เก่งในด้านต่างและนำความรู้มาปรับใช้
3. วันนี้เชิร์ด ดูโซเลย์ ต้องหยุดพักเลียบาดแผลจากโควิด แน่นอนวัฒนธรรม(DNA) ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม จะช่วยให้พวกเค้ากลับมายืนอยู่แถวหน้าของเวทีโลกได้อีกครั้ง
ซึ่งไม่แน่ว่าเจ้าไวรัสตัวร้าย อาจจะกลายเป็นตัวละครที่เชิร์ดนำมาเล่าขานและสร้างเป็นการแสดงให้พวกเราได้ดูเมื่อเวลาที่เหมาะสมนั้นมาถึงก็เป็นได้
The Secret That Inspires Cirque du Soleil's Culture Of Innovation: Creative Friction, Forbes.com, 29 May 2012
This is how Cirque du Soleil reinvented the circus, qz.com, 20 Mar 2015
This is how Cirque du Soleil reinvented the circus, CNN.com, 29 Jun 2020
โฆษณา