30 มิ.ย. 2020 เวลา 12:32 • ความคิดเห็น
จีน-อินเดียร่วมกันยาก?
โดย
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
https://technologydevesh.com/chinese-app-ban-in-india/
มนุษย์ไม่เพียงแค่บริโภคสินค้าและบริการ แต่ยังบริโภคภาพลักษณ์และจุดยืนของสินค้าและบริการนั้นด้วย
อย่างแชมพูสระผมในสหภาพยุโรปต้องเขียนข้างกล่องด้วยว่าไม่ใช้สัตว์ในการทดลอง เพื่อจะบอกว่าบริษัทผู้ผลิตใส่ใจในสิทธิสัตว์ สินค้าหลายประเภทเขียนว่าไม่ใช้แรงงานเด็กและสตรีมีครรภ์ ฯลฯ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับคุณภาพสินค้าเลย
ที่กำลังกระทบตอนนี้คือสัญชาติของแบรนด์สินค้าและบริการ ที่โดนหนักกว่าพวกก็เป็นสินค้าและบริการของจีน เป็นที่รู้กันว่าบริษัทจีนที่โดนกีดกันอย่างมากในซีกโลกตะวันตก
ส่วนที่อินเดียซึ่งมีผู้บริโภคขนาด 1,300 ล้านคนก็กำลังต่อต้านสินค้าและบริการของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าด้านเทคโนโลยีและแอพลิเคชั่น
เรื่องนี้เป็นผลมาจากความขัดแย้งและการกระทบกระทั่งกันระหว่างทหารของอินเดียและจีนตามชายแดน ถึงแม้จะมีข้อตกลงว่าห้ามใช้อาวุธปืนและวัตถุระเบิด แต่ทหารของจีนและอินเดียก็ซัดกันโดยต่อสู้ด้วยมือเปล่าและอาวุธอื่นที่ทำจากวัสดุในพื้นที่แบบง่ายๆ
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วกระทบต่อภาพลักษณ์ของสินค้าทุกประเภทอย่างแรง สินค้าอินเดียไม่ค่อยมีขายในจีน แต่สินค้าจีนมีขายในอินเดียมาก ตอนนี้คนอินเดียกำลังปฏิบัติการจิตวิทยาปลุกปัั่นต่อต้านสินค้าแบรนด์จีน
ขณะที่ผมกำลังนั่งเขียนคอลัมน์นี้ กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศของอินเดียเตรียมขึ้นบัญชีดำแอพลิเคชั่นที่พัฒนาโดยผู้ผลิตจากจีน 59 รายการ โดยรัฐบาลอินเดียบอกว่าแอพฯ ของจีนสร้างความเสียหายให้กับอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของอินเดีย กิจการกลาโหมของอินเดีย รวมทั้งความมั่นคงแห่งรัฐและความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ก่อนหน้าที่จะมีการปะทะกันแถบชายแดนหิมาลัยเมื่อ 15 มิถุนายน 2563 คนอินเดียยังเล่นติ๊กต็อกและยังสื่อสารผ่านทางวีแชทได้
แต่หลังจากเหตุการณ์ปะทะกัน รัฐบาลอินเดียก็อ้างว่าได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าแอพฯ จีนละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน รัฐบาลอินเดียจึงขึ้นบัญชีดำแอพฯ จีน งานนี้โดนหมดเลยครับ ทั้งวีแชท ติ๊กต็อก ไป่ตู้ แมป เฮโล เว่ยป๋อ ฯลฯ
https://www.indiatoday.in/news-analysis/story/chinese-apps-indian-ban-privacy-security-1695458-2020-06-30
อย่างเสี่ยวมี่ซึ่งเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและสินค้าอีกบานเบอะเยอะแยะตาแป๊ะไก๋ก็โดนคนอินเดียแบน ถึงขนาดตอนนี้ร้านค้าแต่ละแห่งที่ขายเสี่ยวมี่ในอินเดียต้องติดโลโก้ ‘ผลิตในอินเดีย’ ไว้ที่นอกร้านค้า ถ้าจะเผาก็ให้ไปเผานอกร้าน นอกจากนั้น ยังไม่ให้พนักงานขายสวมเครื่องแบบของแบรนด์เสี่ยวมี่ เพราะกลัวคนอินเดียที่มีความรักชาติสูงจะเข้ามาทำร้ายและทำลายของ
แม้ว่าจะมีผลกระทบอย่างนี้ แต่สินค้าจีนอย่างเสี่ยวมี่ก็ยังขายคุณภาพสินค้าของตัวเองได้และทำให้ยังมียอดขายอยู่ ถึงขนาดที่สมาร์ทโฟนของเสี่ยวมี่ครองตลาดร้อยละ 30 สมาร์ทโฟนที่ขายได้ดีท็อป 5 มีของบริษัทจีนถึง 4 บริษัท และอีก 1 บริษัทเป็นซัมซุงของเกาหลีใต้
รัฐบาลอินเดียบอกว่าตัวเองมีแผนที่จะขึ้นภาษีนำเข้าและสร้างอุปสรรคต่อสินค้าจีน โดยอ้างว่า ต้องการที่จะส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศ ผู้จัดการเสี่ยวมี่ในอินเดียก็ออกมาบอกว่าไม่กลัวภาษีนำเข้า เพราะมากกว่าร้อยละ 99 ของโทรศัพท์เสี่ยวมี่ที่ขายในอินเดียผลิตในอินเดีย และสินค้าอื่นของเสี่ยวมี่ก็ใช้ส่วนประกอบมากกว่าร้อยละ 65 จากอินเดีย
ประเทศที่มีประชากรเบอร์ 1 และเบอร์ 2 ของโลกคือจีนกับอินเดีย รวมพลเมือง 2 ประเทศก็มีมากเกือบ 3 พันล้านคน
สิบกว่าปีที่ผ่านมา มีความพยายามสร้างคำว่า ‘CHINDIA’ หรือ ชินเดีย (China + India) มีการโปรโมทครอบครัวที่แต่งงานระหว่างคนจีนกับอินเดีย ฝรั่งกลัวชินเดียมากนะครับ เพราะสองประเทศนี้เก่งทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีหรือการทำมาค้าขาย ถ้าชินเดียเข้มแข็ง มหาอำนาจตะวันตกก็สู้ชินเดียลำบาก
https://www.quora.com/What-if-China-and-India-combined#!n=18
การทะเลาะเบาะแว้งกันระหว่างจีนกับอินเดีย ทำให้สหรัฐและสหภาพยุโรปหันหน้าเข้าข้างฝาแล้วแอบยิ้มกันใหญ่ครับ.
โฆษณา