1 ก.ค. 2020 เวลา 00:10 • ครอบครัว & เด็ก
ขอบคุณน้องอุ่น อุ่นไอดิน ครับที่ส่งซาเล้งมาให้พี่เจได้กลับมารื้อฟื้นความทรงจำทุกอย่างในวัยเด็ก
อีกครั้ง
ย้อนเวลากลับไปเมื่อยังเยาว์วัยถ้าจะให้เล่าแค่เรื่องตัวเองเพียงคนเดียวก็ไม่ได้ ในบทความนี้จะต้องมีคุณแม่และน้องชายตามมาด้วยครับ
เพราะมีความหมายที่ลึกซึ้งฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างมาด้วยกัน 15 ปี ก่อนที่จะได้เดินคนล่ะเส้นทางแต่ความรักความผูกพันยังอยู่ในใจเสมอ
ผมขอแนะนำตัวเองก่อนน่ะครับ
เด็กชาย วิษณุ คำทะเนตร
และตามมาด้วยคุณแม่และน้องชายครับหน้าเหมือนกันไหมครับ
กลับมาเริ่มต้นบทความกันต่อครับถ้าเรื่องมันเศร้ายังไง หรือคนอ่านแล้วรู้สึกน้ำตาไหลก็ต้องขออภัยด้วยน่ะครับ เพราะความรักและความผูกพันนี้
มันมีความหมายและความทรงจำที่ดีต่อวัยเด็กของผมมากแค่ไหน ถึงจะเป็นปรมด้อยในจิตใจมา
ตั้งแต่เด็กจนโตก็ตามยิ่งเขียนก็ยิ่งอยากร้องไห้
ผมและน้องชายเกิดและเติบโตที่บ้านแม่อยู่ อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร หลังจากที่ตัวผมเองได้ 2 ขวบส่วนน้องชายยังอยู่ในท้องแม่
อยู่เลย ตากับยายได้ส่งพ่อของผมไปทำงานที่
ประเทศญี่ปุ่น ในวันนั้น
ไปแปปเดียวเองครับแค่ 20 ปีเองแล้วค่อยกลับมา
เมืองไทยบ้านเราครั้งเดียวเท่านั้น กลับมาก็ไม่ได้
อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวเพราะพ่อตั้งใจมาแยกทางเดินกับแม่ ทำให้ผมเลยไม่รู้จักคำว่าครอบครัว
ที่อบอุ่นและใช้ชีวิตร่วมกันเป็นยังไงตั้งแต่ 2 ขวบ
ตอนเด็กๆผมกับน้องชายรักกันมากครับมีอะไรก็ช่วยเหลือกันมาตั้งแต่เด็ก แบ่งเบาภาระงานบ้าน
ช่วยคุณแม่บ้างลำบากมาด้วยกันเราอยู่กัน 3 คน
เป็นบ้านของคุณแม่ต่างหาก ไม่ได้อยู่หลังเดียวกัน
กับคุณตาคุณยายและน้าสาว
เพราะบ้านคุณตาคุณยายเปิดกิจการเป็นเจ้าของ
โรงสีข้าว และธุรกิจราบรื่นเป็นที่รู้จักกันดีในสมัยนั้นของคนในหมู่บ้านที่มาเป็นลูกจ้างตั้งหลายคน
ผมเป็นหลานชายคนแรกของตระกูลทางคุณแม่
เป็นที่รักใคร่ของคุณตาและคุณยายมากๆครับแบบที่ว่า หลานข้าใครอย่าแตะ ไปไหนมาไหนคุณ
ตาจะเอาขึ้นรถบรรทุกกระสอบข้าวไปด้วยทุกที่ ทุกเวลาครับตามใจทุกสิ่งทุกอย่าง อยากได้อะไร
ก็ต้องหามาให้ด้วยความรักของคุณตาคุณยาย
ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะดีก็ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้
ช่วงที่ผมอยู่ ป.1 คุณยายก็มาจากไปเสียแล้วทุก
อย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกครั้งโรงสีข้าว ก็ต้องปิด
ตัวลงในเมื่อไม่มีคุณยายแล้วคุณตาจากที่เป็นคน
มุ่งมาน่ะก็ไม่เอาอะไรแล้ว เลิกจ้างคนงานปิดโรงสี
ข้าวทั้งๆที่สร้างมาเองกับมือและขายแม้กระทั่งรถสิบล้อ ที่ผมเคยนั่งข้างคุณตาและคุณยายประจำ
ที่ขับรถไปส่งข้าวและมีคนงานอยู่หลังรถ
้้เลยเป็นแค่ความทรงจำในวัยเด็กที่ไม่เคยลืม เล่าเรื่องซ่ะยาวเลยทีนี้ต้องขออภัยด้วยครับ เพราะทุก
ข้อความมันออกมาจากความรู้สึกข้างใน..ครับ
คิดถึงตากับยายน่ะครับ
มาตามกันต่อชีวิตในวัยเด็กเมื่อทุกสิ่งทุกอย่าง มันคือบทพิสูจน์และบททดสอบ ชีวิตของเราสามคนมี
ทุกข์บ้างสุขบ้างลำบากบ้างช่วงอยู่ในวัยเรียนชั้นประถมศึกษาเหมือนจะเรียนเก่งแต่ก็ไม่เก่ง
แต่ที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้นน้องชายของผมเรียนดีมาโดยตลอด ได้ทุกเกียรตินิยมและทุนการศึกษา
และเป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้องที่ชื่นชอบ
ทีแรกว่าจะเล่าต่อไปในช่วงที่เรียน มัธยมต้น ว่าชีวิตของเราสามคนแม่ลูกเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด แล้วแยกทางเดินกันตอนไหน อันนี้ผม
เคยเขียนไปใน บทความครั้งหนึ่งเคยเป็นเด็กวัด ไปแล้วเดี๋ยวผมจะแชร์ลิงค์ มาไว้ตอนท้ายในบท
ความนี้.. ขอบคุณครับ 🤗🤗🤗🤗
เจ ถ่ายเมื่อปีที่2560
เจเองครับคนนี้เป็นไงบ้างครับพอจะหน้าตาเหมือนกัน กับน้องชายหรือเปล่า ภาพตอนเป็นผู้ใหญ่กับตอนเป็นเด็กน้อย คนล่ะอย่างกันเลยครับ
น้องชาย
พอมาถึงภาพตอนโตขนาดแม้ตอนเป็นเด็กเรายัง
เทียบชั้นอะไรกับเขาไม่ได้สักอย่างเลย ยิ่งมาตอน
โตเป็นผู้ใหญ่ก็ยิ่งห่างเหินกันออกไปแม้กระทั่งการศึกษา แต่เราภูมิใจในทางเดินของเราที่มีความสุข
นายวิษณุ คำทะเนตร เจ
นิสัยส่วนตัว เป็นคนที่มีความอดทนและความพยายามสูงมุ่งมั่นและตั้งใจ ถึงแม้สิ่งที่ทำจะสำเร็จบ้างหรือล้มเหลวบ้างแต่ก็กัดฟันสู้มาโดยตลอด
จบการศึกษา มัธยมตอนปลายการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดสกลนคร เขาให้เล่าแต่เรื่องเด็กๆ
แต่เขียนเพลินไปหน่อยมาตกที่การศึกษาซ่ะงั้นเรา งงกับตัวเองเลยครับ
น้องชายนายปรัณพัทธ์ คำทะเนตร เจค
นิสัยส่วนตัว สุขุมมีหลักการเป็นผู้นำได้ดีและเป็นที่เพิ่งพาของแม่และน้องสาวคนเล็กต่างบิดา และ
ประสบความสำเร็จทุกอย่าง
จบการศึกษา ระดับปริญญาตรีสาขาวิชา (ปิโตรเคมี) มหาวิทยาลัยศิลปากรจังหวัดนครปฐม
ขอบคุณครับผมแชร์ลิงค์เรื่องตอนเป็นเด็กวัดมาด้วยครับ
นี้ครับชีวิตตอนมัธยมต้น
ขอบคุณซาเล้งจากน้องอุ่น อุ่นไอดิน ครับ
พี่เจต้องส่งให้คนอื่นต่อใช่ไหมครับงั้นส่งต่อให้
พี่วินดาครับเจขอส่งต่อให้น่ะครับอยากเห็นความ
น่ารักน่าชัง ของพี่วินดาจังเลยครับคงจะมีความสุขและความอบอุ่นน่าดูเลย 📸📸🤗🤗 วัยเด็ก
พี่วินดา เพจwindasharing
โฆษณา