1 ก.ค. 2020 เวลา 02:00 • กีฬา
ผี เลิกหืดบุกหลอก ไบรท์ตัน ผงาดขึ้นที่ 5
ศึก พรีเมียร์ลีก ยังคงเดินหน้าแข่งกันอย่างต่อเนื่องโดยค่ำคืนวันอังคารเป็นการพบกันระหว่าง ไบรท์ตัน&โฮล์ฟ อัลเบี้ยน ที่ยังคงต้องการแต้มเพื่อการันตีรอดพ้นจากการตกชั้นเปิดบ้านไร้แฟนบอลพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังไล่ล่าตั๋ว แชมเปี้ยนส์ลีก อยู่
เจ้าถิ่นไบรท์ตันวันนี้หมุนเวียนเปลี่ยนนักเตะไปเยอะด้วยการดร็อปทั้ง ปาสกัล กรอสส์, นีล โมแป และ แอรอน มอย นั่งเป็นสำรองอยู่ข้างสนามเท่านั้น
โดย แกรห์ม พ็อตเตอร์ นายใหญ่ของ ไบรท์ตัน วางหมากมาใช้ระบบ 4-4-2 มีนายด่านจากแดนจิงโจ้อย่าง แม็ทธิว ไรอัน เฝ้าหน้าปากประตู
แผงหลังจากขวาไปซ้ายมี มาร์ติน มอนโตย่า, เชน ดัฟฟี่, ลูอิส ดังค์ และ แดน เบิร์น
คู่มิดฟิลด์ตรงกลางเป็นหน้าที่ของ เดล สตีเฟ่นส์ และ เดวี่ พร็อพเพอร์ คอยบัญชาปั้นเกมและมีปีกสองข้างอย่าง ทาริก แลมพ์ตี้ย์ กับ อีฟส์ บิสซูม่า คอยกระชากริมเส้น
ส่วนคู่หูในแดนหน้าเลือกใช้ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ ประสานงาน อารอน คอนนอลลี่ ไล่ล่าตาข่ายผู้มาเยือน
ฝ่าย "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เปลี่ยนเกือบยกทีมมาจากเกมที่บดเอาชนะ นอริช ซิตี้ ไปได้ในศึก เอฟเอ คัพ จะมีก็แต่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เท่านั้นที่ได้ลงอย่างต่อเนื่อง
ปราการด่านสุดท้าย ดาบิด เด เคอา กลับมาเฝ้าเสาอีกครั้งพร้อมด้วย 4 ประสานแผงหลัง อารอน วาน-บิสซาก้า กับ ลุค ชอว์ ประจำการฝั่งขวาและซ้ายส่วนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟใช้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ
โซลชาร์ เลือกใช้งานมิดฟิลด์ 3 คนแบบถูกใจแฟนๆอย่าง เนมานย่า มาติช, ปอล ป๊อกบา และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส คอยขับเคลื่อนเกมทั้งรุกและรับ
และ 3 หัวหอกในแดนหน้านั้น อ็องโตนี่ มาร์กซิยัล, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เมสัน กรีนวู้ด ประจำการพร้อมสำแดงเดช
ตัดริบบิ้นเปิดฉากครึ่งแรก ไบรท์ตัน เป็นฝ่ายได้ลุ้นก่อนทันที แลมพ์ตี้ย์ ตะลุยมาทางริมเส้นฝั่งขวาเปิดเข้ากลางมา คอลนอลลี่ จับบอลกระฉอก แม็คไกวร์ เคลีย์ออกมาได้แต่เข้าทางเท้าของ สตีเฟ่นส์ ที่ยิงสวนทันทีบอลพุ่งทะยานสู่อัฒจันทร์
กลายเป็นทีมเยือนที่ได้ลุ้นเสียวก่อนในนาที 12 กรีนวู้ด ได้บอลทางขวาแปะสั้นๆให้ ป๊อกบา ที่ชำเลืองเห็น บรูโน่ ยืนโล่งๆหน้ากรอบเขตโทษจึงไหลมาให้แข้งชาวโปรตุกีซซัลโวแบบไม่จับแต่บอลเจ้ากรรมทะลึ่งชนเสาเด้งออกมาและ ป๊อกบา จังหวะซ้ำไม่ดีเหินเวหาออกหลังประตูไป
เมื่อมีลุ้นจังหวะแรกแล้วกลายเป็นว่าจังหวะถัดมา "ปีศาจแดง" ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ทันที นาที 16 กรีนวู้ด ได้บอลจาก วาน-บิสซาก้า ลากตะลุยเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาสับหลอกยึกยักไปมาก่อนจะซัดด้วยซ้ายยัดเข้าเสาแรกไปแบบเหนือชั้น
ถัดมานาที 21 ยูไนเต็ด ได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายเข้าเหลี่ยมเท้าขวา บรูโน่ วิ่งเข้ามายิงบอลข้ามกำแพงและก็ข้ามคานไปพร้อมๆกัน
มาเป็นระรอกราวสายน้ำเชี่ยวเลยสำหรับ ยูไนเต็ด จนนาที 28 พวกเขาได้ประตูนำ 2-0 จากจังหวะที่ ชอว์ หลุดไปด้านซ้ายเปิดเข้ากลางแล้วโดนสกัดมาเข้าทาง ป๊อกบา ที่ยืนอยู่หน้ากรอบเขตโทษด้านขวาก่อนจะไหลให้ บรูโน่ ตั้งป้อมยิงไปแฉลบ แม็คอัลลิสเตอร์ ปลิ้นเปลี่ยนทางเบียดเสาเข้าไปแบบสุดเฉียบ
ทีมเยือนเป็นฝ่ายครองเกมได้แบบเด็ดขาด นาที 39 แม็คไกวร์ ลากตะลุยขึ้นมาจ่ายให้ แรชฟอร์ด ที่เลี้ยงจี้ไปหน้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วเจ้าตัวจัดการอัดด้วยขวาเต็มข้อซึ่งอาจจะเต็มไปนิดเพราะบอลโด่งพุ่งออกหลังไม่ได้ลุ้น
จบครึ่งแรกทีมเยือนบุกนำสกอร์ใสปิ๊ง 2-0
เปิดฉากครึ่งหลังเจ้าถิ่นจัดการแก้เกมทันท่วงที ลีอันโดร ทรอสซาร์ ลงสนามมาแทน ทาริก แลมพ์ตี้ย์ และ นีล โมแป ลงมาแทน เดวี่ พร็อพเพอร์
นาที 50 พลพรรค "ปีศาจแดง" ยังไม่ผ่อนมาได้ประตูหนีห่าง 3-0 จากจังหวะโต้กลับแบบคลาสสิคจากการวางยาวของ มาติช ในแดนของตัวเองให้ กรีนวู้ด สับ 100 เมตรทะลวงไปกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วเปิดไปหน้าปากประตูด้านขวามี บรูโน่ ควบมาซัลโวล่อเต็มแข้งเข้าประตูไปแบบหมดจด
ไบรท์ตัน พยายามเปิดหน้าแลกแต่ยังเก้ๆกังๆไม่สามารถเจาะแนวรับของ ยูไนเต็ด ที่วันนี้มาแน่นและแข็งแกร่งจริงๆซึ่งโอกาสส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นการยิงทิ้งขว้างหลุดออกนอกกรอบไปแบบไม่ค่อยได้ลุ้น
เมื่อเห็นลูกทีมค่อนข้างคุมเกมเอาไว้ได้ โซลชาร์ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวทีเดียว 3 คนรวดโดย อันเดรียส เปเรยร่า แทนที่ บรูโน่, สกอตต์ แมคโทมิเนย์ แทน ปอล ป๊อกบา และ แบรนดอน วิลเลียมส์ แทน ลุค ชอว์
เกมผ่านมาจนนาที 67 อันเดร มาริเนอร์ ก็เป่าให้หยุดคูลลิ่งเบรคซักแปปซึ่งฝ่าย แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าแบบชัดเจน
นาที 69 เด เคอา ได้บินเป็นครั้งแรกของเกมเมื่อ ทรอสซาร์ ปั้นเกมมาตรงกลางก่อนจ่ายยัดให้ คอนนอลลี่ หน้ากรอบเขตโทษพลิกตัวหนึ่งจังหวะแล้วสับไกด้วยขวาเต็มตีนบอลพุ่งเหมือนจะเข้ากรอบแต่นายด่านสแปนิชพุ่งปัดไปได้สวย
กลายเป็นว่าเมื่อมีโอกาสแล้วคราวนี้ ไบรท์ตัน จัดหนักต่อเนื่องนาที 71 ทรอสซาร์ อีกแล้วคราวนี้เขาลากมาเองจนถึงหน้ากรอบเขตโทษล็อกไปมาบอลเข้าเท้าขวาเลยยิงมันซะแต่บอลบดถากเสาด้านซ้ายออกไปนิดเดียวโดย เด เคอา จังหวะนี้ขาตายไปแล้วด้วย
กลายเป็นว่าเปลี่ยนตัว 3 คนทีงานชุกเลยในนาที 76 โมแป ลากตะลุยเข้ามาแบบไถไปเรื่อยๆจนถึงหน้ากรอบเขตโทษก่อนพยายามจ่ายให้ ทรอสซาร์ แต่ติดสกัดบอลปลิ้นเข้าทาง โมแป ที่คราวนี้ไม่ไถแล้วยิงสวนมันทันทีบอลพุ่งแฉลบ แม็คไกวร์ เปลี่ยนทางแต่ เด เคอา ยังเหินหาวพุ่งเซฟออกหลังไว้ได้สวย
นาที 78 โอเล่ แก้เกมอีกครั้งด้วยการส่งสำรอง 2 คนสุดท้าย โอเดี้ยน อิกาโล่ กับ แดเนี่ยล เจมส์ ลงสนามแทนที่ของ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยัล
นาที 81 ไบรท์ตันพยายามขยับตัวผู้เล่นอีกครั้งหลังมีโอกาสมากขึ้นด้วยการส่ง แอรอน มอย ลงมาแทน แม็คอัลลิสเตอร์ และ แบร์นาร์โด แทนที่ ดังค์
ไปๆมาๆกลายเป็นว่า ยูไนเต็ด เกือบมาได้ประตูฝังนาที 84 วิลเลี่ยมส์ แทงทะลุไปให้ เจมส์ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วปาดเข้ากลางมาติด แบร์นาร์โด บอลปลิ้นไปหน้ากรอบเขตโทษเข้าทางปืน แมคโทมิเนย์ ที่ซัดสวนแบบไม่จับบอลแฉลบแนวรับ ไบรท์ตัน แต่ยังดีที่ ไรอัน ทะยานเซฟเอาไว้ได้
นาทีที่ 85 และ 86 เจมส์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำไมหลุดสำรองโดยเขาหลุดทะลุไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายและตัดสินใจหักเข้าขวาแล้วยิงทันทีซึ่งบอลก็พุ่งเข้ามือของ ไรอัน ที่คว้าเอาไว้ได้แบบไม่กระฉอกเหมือนกันทั้งสองครั้งราวกับเปิดภาพรีเพลย์
เจ้าถิ่นใช้โควต้าเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายนาที 87 ซอลลี่ มาช ลงสนามแทน อารอน คอนนอลลี่
ในช่วงท้ายเกม ยูไนเต็ด ครองบอลปิดเกมได้แบบอยู่หมัดและจบเกม "ปีศาจแดง" บุกมาหลอกหลอน ไบรท์ตัน ได้ถึงถิ่น 3-0
คงต้องยอมรับเหมือนกันว่าฟอร์มของ "ปีศาจแดง" ในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ดูดีมีคุณภาพขึ้นเยอะเลยนับตั้งแต่มี บรูโน่ แฟร์นันด์ส เข้ามาคอยขับเคลื่อนเกมให้เข้ากับทีม
อีกทั้งการที่ ปอล ป๊อกบา หายเจ็บกลับมาแถมบวกด้วยความกระหายที่จะลงสนามของเขายังส่งผลดีให้กับทีมได้ชนิดที่ราศีจับอีกครั้ง
แม้ว่าแชมป์จะรู้เรื่องไปแล้วว่า ลิเวอร์พูล ปลดแอกตัวเองได้ในรอบ 30 ปีแต่โควต้าตั๋วตะลุย แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลนี้ยังคงต้องลุ้นกันแบบนัดต่อนัดอยู่
ชัยชนะครั้งนี้ของ ยูไนเต็ด ทำให้พวกเขาทำแต้มแซง วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส ขึ้นไปรั้งอันดับที่ 5 อีกครั้งด้วยผลประตูได้เสียที่ดีกว่า พร้อมกับมีแต้มตามหลังทีมอันดับ 4 อย่าง เชลซี อยู่ 2 คะแนนแต่แข่งมากกว่า 1 นัด
น่าสนใจเหมือนกันว่า ยูไนเต็ด จะรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้เอาไว้ได้อีกนานแค่ไหนเพราะถ้าหากสุดท้ายแล้ว เชลซี ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ไม่พลาดเลยความกดดันก็จะตกมาที่ฝั่ง "ปีศาจแดง"
ไหนจะมี วูล์ฟ ที่หายใจรดต้นคอชนิดแต้มติดกันหยั่งกับเงาตามตัวแบบนี้ทีมที่ไม่ค่อยคงเส้นคงวาของ โซลชาร์ จะสามารถรับมือกับมันได้มากน้อยขนาดไหน
ถ้าหากขุนพลอสูรแดงรับมือกับความกดดันแบบนี้ไปได้เรื่อยๆล่ะก็แน่นอนว่าทีมเด็กของ แลมพาร์ด เองก็มีสิทธิ์ที่จะสะดุดได้เหมือนกัน
ไฮไลท์จัดเต็ม : https://www.cheerball.com/clips/main/view/15847
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
โฆษณา