1 ก.ค. 2020 เวลา 02:14 • การเมือง
การโยนหินถามทางว่าด้วยหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ โดยมี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โดยพรรคพลังประชารัฐ เป็นมาตรวัดอุณหภูมิทางการเมืองได้เป็นอย่างดี
​ว่ากรณีการปรับ”ครม.เศรษฐกิจ” คือ ความละเอียดอ่อนสูงสุดของรัฐบาล
​ที่ไม่ควรมองข้ามยังเป็นความละเอียดอ่อนของ”สังคม”ไทย
ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงออกอย่างเด่นชัดโดยตลอดว่า ไม่ต้องการแตะไปยัง”ครม.เศรษฐกิจ” และเด่นชัดมาก ยิ่งขึ้นเมื่อถึงกับนำเอา”ฤาษีเกวาลัน”เข้ามาหนุนช่วย
หนุนช่วยถึงระนาบที่ว่าหากแตะ”ครม.เศรษฐกิจ”เมื่อใดสถานะ ของรัฐบาลมีโอกาสสั่นคลอน
​อย่าได้แปลกใจที่จะได้ยินคำขู่ว่าด้วย”ยุบสภา”
โดยยึดถือเอาปฏิมาจากกรณีของสิงคโปร์มาเป็นแบบอย่างสดๆ ร้อนๆ
นี่คือเรื่องเด่นประเด็น”ร้อน”ของสถานการณ์หลัง”โควิด”
จากนี้จึงเห็นได้อย่างเด่นชัดว่าที่พรรคพลังประชารัฐโยนหินถามทางด้วยการชู้ตนามของ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกมามิได้เป็นอุบัติเหตุในทางการเมือง
ตรงกันข้าม มีเป้าหมายไม่เพียงเพื่อ”หยั่งเชิง” หากแต่เท่ากับทะลุทะลวงเข้าไปยัง”กล่องดวงใจ”
ภายหลังจากเปิดยุทธการ”ล้างบาง”เส้นสายและเครือข่ายของ “กลุ่ม 4 กุมาร”ออกไปอย่างชนิดเหี้ยนเตียน ไม่เว้นแม้กระทั่ง นายชวน ชูจันทร์ หรือ นายพรชัย ตระกูลวรานนท์
พลันที่สัมผัส”ปฏิกิริยา”สวนกลับจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คล้อยหลังเพียง 1 วันก็ส่งกรรมการบริหารคนหนึ่งออกมาตะ เพิด นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ออกจากหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
ปัญหาของ “ครม.เศรษฐกิจ”จึงไม่เพียงแต่เป็นการปะทะระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับอารมณ์ในทาง”สังคม”ที่คุกรุ่นมาอย่างต่อเนื่อง
​หากที่สำคัญก็คือ ปะทะกับเจตจำนงเฉพาะหน้าของกลุ่มกุมอำนาจใหม่ภายในพรรคพลังประชารัฐ
​ล่อแหลมยิ่งที่จะกระทบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
​ที่เคยบอกถึงสัมพันธ์แน่นเหนียวระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็เริ่มมีคำถาม
โฆษณา