1 ก.ค. 2020 เวลา 14:00 • ความคิดเห็น
ข้อพิพาทจีนอินเดียยังคงดำเนินต่อไป 'อินเดียประกาศแบนแอปจีน 59 แอป รวม TikTok, WeChat, Weibo, UC Browser
(เครือ Alibaba)'
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศของอินเดีย ประกาศ ‘แบน’ แอปพลิเคชันบนมือถือที่พัฒนาโดยบริษัทสัญชาติจีน รวมทั้งสิ้น 59 แอป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแอปชื่อดังของจีน และที่สำคัญเป็นที่นิยมในอินเดียมากด้วย
อย่าง TikTok ดาวน์โหลดในอินเดีย 600ล้านครั้ง มากที่สุดในโลก มากกว่าในจีนด้วยซ้ำ หรือ UC Browser แอป Web Browser ในเครือ Alibaba ที่คนอินเดียใช้งานเป็นอันดับ 2 ครองสัดส่วนตลาด 20% รองจาก Google Chrome
และก็ยังมี WeChat, Weibo อีกสองแอปดังที่คนจีนใช้กันอย่างแพร่หลาย และคนอินเดียที่ต้องการติดต่อสื่อสารหรือทำตลาดค้าขายในจีน ก็ล้วนใช้แอปเหล่านี้
.
เหตุผลที่ทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศชี้แจง คือ ความกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลที่อาจรั่วไหลไปสู่จีนผ่านแอปจีนเหล่านี้ ซึ่งเป็นข้อกังวลที่มีมาหลายปีแล้ว
เมื่อปี 2017 ทางอินเดียก็เคยสั่งตรวจสอบ UC Browser เพราะทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา พบช่องโหว่ ข้อมูลมีการรั่วไหล และแนวโน้มว่าส่งกลับไปในจีนแบบที่กลัว นอกจากนั้น TikTok เอง ก็เคยโดนถอดออกจาก Google Play และ Apple Store เป็นระยะเวลาสั้นๆ ราว 2 สัปดาห์ เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา ด้วยเหตุผล ‘ศาลรัฐทมิฬนาฑู ชี้ แอป TikTok มีเนื้อหาละเมิดและไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก’
.
การแบนในครั้งนี้ ยิ่งเพิ่มความบาดหมางระหว่างอินเดียและจีนมากขึ้นไปอีก หลังจากเพิ่งมีการปะทะรุนแรงบริเวณชายแดนเทือกเขาหิมาลัย โดยเจ้าหน้าที่และทหารฝั่งอินเดียเสียชีวิต 20นาย ซึ่งครั้งนั้นมีการรายงานว่า สูญเสียทั้งสองฝ่าย
.
การแบนแอปจีน หรือ สินค้าไอทีจากจีน รวมถึงแบรนด์สินค้าและบริการอื่นๆจากประเทศจีน ไม่ได้เกิดขึ้นที่อินเดียเป็นครั้งแรกนะ อย่างที่เราทราบดี เมื่อปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาเองก็ปะทะกับจีนผ่านสงครามการค้า และแบน Huawei ซึ่งล่าสุดเพิ่งจะยอมให้บริษัทอเมริกันและพันธมิตรได้ร่วมการค้า ทำความร่วมมือกับ Huawei ได้อีกครั้ง เพราะเกรงว่าถ้ามัวแต่แบน ทางHuaweiและจีนจะพัฒนา 5G นำหน้าและครองตลาดแต่เพียงฝ่ายเดียว
.
จะว่าไปแล้ว ตอนนี้เรากำลังเห็นการต่อสู้และตอบโต้ข้อพิพาทระหว่างประเทศ ผ่านบริษัทของประเทศนั้นๆมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าและบริการบนโลก Digital เริ่มตั้งแต่จีนแบน Google, Facebook, Instagram, Line, Twitter และบริการออนไลน์อื่นๆที่ส่วนใหญ่เป็นของอเมริกา และใช้กันสากล โดยทำของจีนขึ้นมาเอง ด้วยเหตุเหล่านี้ มันเลยทำให้บริษัทไอทีจีนเติบโตขึ้นมาได้
และตอนนี้ ประเทศอื่นๆก็เริ่มแบนของฝั่งจีนบ้างแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าของอเมริกา จะโดนจีนแบนแค่ประเทศเดียว LinkedIn ก็โดนแบนโดยรัฐบาลรัสเซีย และ WhatsApp ก็โดนที่บราซิลเช่นกัน
.
ดูรายชื่อแอปจีนโดนแบนโดยรัฐบาลอินเดีย ได้ที่ https://pib.gov.in/PressReleasePage.aspx?PRID=1635206
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน #อินเดีย #แบนแอปจีน #จีน
โฆษณา