2 ก.ค. 2020 เวลา 08:52 • ไลฟ์สไตล์
ในความทรงจำ (4)
ธงผู้นำแถวกับเจ้าถิ่นสี่ขา
เรื่องราวในความทรงจำวันนี้ยังคงอยู่ในวัยเด็กสมัยที่เทคโนโลยียังไม่ล้ำสมัย ยานพาหะนะยังไม่มากมายนักจะเดินทางเข้าเมืองก็ต้องใช้รถโดยสารสาธารณะ เท่าที่จำเป็นเท่านั้น และจะใช้จักรยานเป็นพาหะนะซะส่วนใหญ่ดังนั้นสำหรับเด็กๆที่บ้านห่างโรงเรียนหน่อย จักรยานจึงจำเป็นมาก
เมื่อพูดถึงโรงเรียนประฐมที่เราเรียนเมื่อวัยเด็ก เป็นโรงเรียนในท้องถิ่นตั้งอยู่เกือบจะใจกลางของอีกหมู่บ้านหนึ่งและแน่นอนว่าวัดกับโรงเรียนมักอยู่ใกล้กัน
แล้วธงผู้นำกับเจ้าสี่ขาและโรงเรียนมันเกี่ยวอะไรกัน ไปหาคำตอบกันในเรื่องเล่าเลยค่ะ
เนื่องจากโรงเรียนไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านเรา ดังนั้นเวลาต้องไปเรียนหนังสือ จึงต้องมีจักรยานหนึ่งคันเพื่อปั่นไปเรียน ความห่างไกลอยู่ที่ประมาณ 2-3 กิโลเมตรเห็นจะได้ เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ โรงเรียนก็จะมีกฎเกณฑ์ในการเดินทางโดยให้เราเดินทางกันเป็นแถวเรียงหนึ่งตามกันไปไม่ให้ขาดสายจนกว่าจะไปถึงบ้านซึ่งพี่ๆที่โตที่สุดในหมู่บ้านจะได้รับมอบธงหัวหน้าแถวเป็นธงด้ามสีฟ้าจากท่อ pvc ผืนผ้าสามเหลี่ยมรูปธงสีแดง ไปครอบครองและทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมการเดินทางและรายงานครูในทุกๆวัน เด็กกลุ่มที่บ้านอยู่ไม่ไกลโรงเรียนเขาก็เดินเท้ากันมาเรียน ก็จะมีธงแบบเดียวกันนี้ด้วย
ในตอนเช้าเด็กๆจะปั่นจักรยานตามกันมาจากท้ายซอย บ้านเราอยู่กลางๆซอยเมื่อขบวนผ่านหน้าบ้านก็มีมาแล้วหลายคันเราก็ปั่นตามไป หากใครออกมารอไม่ทัน ขบวนจักรยานก็จะจอดคอยแต่ถ้าช้าเกินไปก็จะไม่รอคนนั้นก็ตกขบวนไป ผู้ปกครองอาจต้องไปส่งหรือใครที่แก่นๆหน่อยก็ปั่นตามหลังไปเอง เส้นทางที่เราใช้ก็จะเป็นถนนหมู่บ้านเชื่อมต่อกับถนนทางหลวงราดยางก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยหมู่บ้านอีกเล็กน้อยเข้าสู่โรงเรียน เราเรียกทางนี้ว่า “ทางถนนใหญ่” นอกจากเส้นทางนี้แล้วยังมีอีกเส้นทางหนึ่งที่สามารถไปถึงโรงเรียนเราได้เช่นกันคือทางที่เรียกว่า “เส้นคันคลอง” เส้นนี้จะเป็นทางเลี้ยวก่อนถึงถนนใหญ่เป็นถนนดินเลียบคลองชลประทาน บริเวนโดยรอบเป็นทุ่งนากว้างถนนไม่ดีเท่าไหร่แต่ปรอดภัยกว่าทางนี้จะไปเชื่อมต่อกับถนนลาดยางอีกเส้นแต่เป็นทางร่วมแยกจากถนนทางหลวงที่เราเรียกถนนใหญ่มาแต่เราจะไม่ไปถึงถนนใหญ่เราจะเลี้ยวเข้าถนนซอยในหมู่บ้านที่โรงเรียนตั้งอยู่ ไปไม่ไกลก็ถึงแล้ว ซึ่งเส้นทางนี้จะใกล้กว่าทางแรกแต่ต้องซอกแซกเล็กน้อย เราจะใช้เส้นทาง ถนนใหญ่ในการเดินทางประจำเป็นปกติในทุกๆวัน
อยู่มาวันหนึ่งเมื่อผู้นำขบวนของเราเกิดเบื่อเส้นทางเดิมๆขึ้นมา เราจึงได้ผจญภัย “ฮ่าฮ่าฮ่า”
หลังจากเลิกเรียนแล้วในวันนั้นทุกอย่างดำเนินไปเป็นปกติ จนกระทั่งออกจากโรงเรียนไปได้ไม่ไกลหัวขบวนก็เลี้ยวเข้าซอยหมู่บ้าน ไม่ออกถนนใหญ่อย่างที่เคยผู้ตามก็เดาออกแล้วว่าเราจะใช้ถนนเส้นคันคลองเดินทางกัน ผู้ถือธงแดงนำพวกเราเข้าซอยเล็กๆในหมู่บ้านที่ไม่ใช่ทางเดิมแม้มันจะสามารถไปออกถนนเส้นคันคลองได้เช่นเดียวกันก็ตามแต่ซอยเล็กๆนี้มีเจ้าถิ่นเฝ้าอยู่ หัวขบวนนำลิ่วผ่านพ้นไปได้ด้วยการใช้เสียงเอ็ดตะโลและปั่นไปพร้อมกันหลายคัน เจ้าสี่ขาก็วิ่งหลบๆไปอย่างไม่เต็มใจเลย โชคร้ายอยู่ที่ท้ายขบวนสองสามคันนี่เอง ซึ่งปั่นช้ากว่าใครเพื่อนทำให้ขบวนขาดตอน เจ้าถิ่นกำลังกลับมายึดพื้นที่คืนอีกครั้ง เอาไงดีล่ะเราจะกลับก็ไม่ได้แล้วอีกหน่อยเดียวก็จะพ้นหมู่บ้านออกสู่ถนนแล้ว เป็นไงเป็นกัน พวกเราตัดสินใจปั่นฝ่าด่านพวกเจ้าตูบไปทันที “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อย่าหวังว่าจะได้ผ่านเส้นทางไปได้โดยง่าย เจ้าถิ่นหนึ่งตัวกำลังตั้งท่าคอยเตรียมพร้อมตะกุยเท้าไล่ตาม เมื่อเราผ่านเข้าไปมันก็ทะยานออกมาทันที พวกเราสองสามคันไม่รอช้าสองขารีบทำงานอย่างเร็วจี๋ ปากก็ทำงานออกเสียงไปด้วยตะโกนโหวกเหวกเอ็ดตะโลกันให้อื้ออึงไป จนชาวบ้านระแวกนั้นต้องออกมาช่วยไล่กวดเจ้าสี่ขาให้เลิกไล่ตามพวกเรากันเสียที
ในที่สุดพวกเราก็พ้นคมเขี้ยวของเจ้าถิ่นสี่ขากันมาได้ ด้วยอกสั่นขวัญหายกันเลยทีเดียว แต่แทนที่เราจะรีบปั่นกลับบ้านไปให้ทันขบวน กลับปั่นกันไปเรื่อยๆ ไหนๆ ก็ไม่ทันอยู่แล้วนี่นะเมื่อเลี้ยวเข้าถนนเลียบคันคลองได้ก็ตีคู่ คุยกันถึงเหตุระทึกที่เพิ่งผ่านมากันอย่างสนุกสนานเสียอีกด้วย แหมช่างสบายอารมณ์กันดีเหลือเกิน
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าการทำอะไรในวิถีเดิมๆ อาจได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและปลอดภัยแต่ไม่เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แม้การเลือกวิถีใหม่ที่ต่างไปจากเดิมอาจทำให้ได้มาซึ่งสิ่งใหม่ เกิดการเปลี่ยนแปลงได้การเรียนรู้แต่ควรต้องคำนึงถึงความถูกต้องและปลอดภัยด้วยเช่นเดียวกัน
---ดินสอสี--- 2/7/63

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา