4 ก.ค. 2020 เวลา 05:55 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ทำไมมนุษย์จึงเป็นลิงไม่มีขน ?
(แต่มีผม คิ้ว ขนรักแร้ ขนบริเวณอวัยวะเพศ ฯลฯ)
1.
เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมมนุษย์จึงไม่ค่อยมีขนตามตัวเหมือนลิงอื่นๆ ?
แล้วขนที่หลงเหลืออยู่ตามร่างกาย เช่น บนหัว คิ้ว ขนรักแร้ ขนบริเวณอวัยวะเพศและก้น มันทำหน้าที่อะไร?
ทำไมขนเหล่านี้จึงไม่หายไปเหมือนขนบริเวณอื่นๆของร่างกาย ?
ในการจะเข้าใจ ความแปลกของร่างกายมนุษย์
เราคงต้องไปเริ่มจากคำถามพื้นฐานกันก่อนว่า
จริงๆแล้ว ขน ทำหน้าที่อะไร ?
1
ถ้าเรามองในแง่ของวิวัฒนาการ เราจะเห็นว่า
สัตว์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นหนอน ปลา แมลง สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน ฯลฯ ต่างก็ไม่มีขนที่เป็นเส้นยาวๆ (ซึ่งต่างไปจากขนนก)
ขนแบบนี้จะพบเฉพาะในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเท่านั้น
คำถามคือ แล้วทำไมสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต้องมีขน ?
คำตอบก็ตรงไปตรงมาครับ ขนช่วยให้อุ่น หรือ ขนทำให้ร่างกายเก็บความร้อนได้ดีขึ้น
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นสัตว์เลือดอุ่น หรือแปลว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำเป็นจะต้องควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ในระดับหนึ่ง ไม่ให้เย็นเกินไปหรือร้อนเกิน ไม่เช่นนั้นกลไกต่างๆในร่างกายจะทำงานได้ไม่ดีหรืออาจถึงขั้นตายได้
ร่างกายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะสามารถสร้างความร้อนขึ้นเองจากภายในร่างกาย (ผ่านการเผาอาหารหรือที่เรียกว่าเมตาโบลิซึม) การมีขนปกคลุมร่างกาย จะช่วยให้เก็บความร้อนที่ผลิตนั้นไว้ในร่างกายได้นานขึ้น
2
ตรงข้ามกับสัตว์เลือดเย็นที่อุณหภูมิของร่างกายจะเปลี่ยนขึ้นลงได้มากตามอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม
2.
แต่บางครั้งร่างกายก็ร้อนมากเกินไปได้ เช่น
ถ้าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมวิ่งกลางแดดนานๆ อุณหภูมิในร่างกายก็จะสูงเกินไปได้
เสือชีตาร์วิ่งเร็วเต็มที่ได้ไม่กี่วินาทีก็ต้องหยุดวิ่ง เพราะความร้อนในร่างกายที่มากเกินไปทำให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตายได้
ขนาดของร่างกายสัตว์ก็มีผลต่อความร้อนด้วยเช่น สัตว์ที่ตัวหนาและใหญ่มากๆอย่างช้าง ร่างกายจะระบายความร้อนได้ไม่ดี เหมือนข้าวต้มร้อนๆที่อยู่ในหม้อใหญ่จะเย็นช้า แต่ถ้าอยากให้เย็นเร็วเราต้องตักมาใส่ในถ้วยเล็ก (ถ้าอธิบายทางเทคนิคก็ต้องพูดว่า เพราะว่าพื้นที่ผิวร่างกายต่อปริมาตรร่างกาย ของช้างน้อย)
หรืออาจจะสรุปคร่าวๆได้ว่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวใหญ่ๆที่อาศัยในที่ร้อนๆ มีแนวโน้มที่ร่างกายจะร้อนเกินไปได้ง่าย ส่วนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็กๆที่อาศัยในที่หนาวๆมีแนวโน้มจะหนาวเย็นเกินไปได้ง่าย
ดังนั้น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ โดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ในถิ่นที่อากาศร้อน ความจำเป็นจะต้องมีขนก็น้อยลง เช่น ช้างที่ไม่ค่อยมีขนปกคลุมร่างกายมากนัก (ยกเว้นช้างแมมมอธในยุคน้ำแข็ง)
1
ด้วยเหตุนี้ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลาย โดยเฉพาะสัตว์ที่มีแนวโน้มจะร้อนเกินไป จึงต้องมีกลไกสำหรับระบายความร้อนออกจากร่างกาย
ซึ่งการระบายความร้อนออกจากร่างกายสามารถทำผ่าน อวัยวะที่ออกแบบมาให้ระบายความร้อน เช่น
หูที่บางและใหญ่ของช้างจะระบายความร้อนออกได้ดี
ขนที่แข็งๆ อยู่ห่างๆกัน แบบขนช้าง (ซึ่งช่วยให้อุ่นไม่ได้) ยังสามารถช่วยระบายความร้อนได้อีกด้วย
1
หรือการระบายความร้อนยังสามารถทำผ่าน พฤติกรรมได้ เช่น เสือชีตาร์ที่วิ่งจนร่างกายร้อนถึงจุดหนึ่งจะหยุดทันทีวิ่งแม้ว่าอีกนิดเดียวจะไล่ตะปบเหยื่อได้แล้วก็ตาม
ส่วนกวางแม้ว่าจะวิ่งหนีได้นานหลายสิบนาที แต่ถึงจุดหนึ่งเมื่อร่างกายร้อนเกินไปก็ต้องหยุดวิ่งแม้ว่าจะมีผู้ล่าวิ่งเข้ามาถึงตัวมันก็ตาม
หมาที่วิ่งจนตัวร้อนจะแลบลิ้นเพื่อให้ความร้อนระบายออกทางลิ้น ช้างที่ร้อนมากๆจะสะบัดหูใหญ่ๆบางๆของมันเพื่อให้ความร้อนของร่างกายระบายออกทางหูได้เร็วขึ้น
1
3.
กลับมาที่ร่างกายของมนุษย์เรากันบ้าง
มนุษย์เราไม่ได้มีร่างกายที่ใหญ่โตหรือหนา เหมือนช้าง หรือ แรด
ร่างกายเราจึงไม่น่าจะมีปัญหาในการระบายความร้อน หรือเปล่า ??
ขนาดกอริลล่าซึ่งมีขนาดร่างกายใหญ่กว่ามนุษย์ยังมีขนที่ให้ความอบอุ่นปกคลุมร่างกายได้
แต่มันมีข้อเท็จจริงสองอย่าง ที่ทำให้เชื่อว่า ร่างกายมนุษย์มีแนวโน้มจะร้อนมากเกินไปแม้ว่ามนุษย์จะไม่ได้มีร่างกายที่ใหญ่โตมากนัก
1
ข้อเท็จจริงแรกคือ มนุษย์เป็นสัตว์ที่มีเหงื่อมากที่สุดในโลก
เรามีต่อมเหงื่อมากกว่าสัตว์อื่นๆทุกชนิดในโลก ซึ่งเป็นลักษณะที่แปลก
เพราะในธรรมชาติที่เราวิวัฒนาการมา น้ำดื่มไม่ได้หาได้ง่ายๆตลอดเวลา
แหล่งน้ำจืด ที่ปลอดภัยต่อการกิน ไม่ได้มีอยู่ทุกที่
เช่นเดียวกัน เกลือแร่ ก็หายากมาก
ด้วยความที่น้ำและเกลือเป็นของหายาก สัตว์ทั่วไป จึงพยายามเก็บน้ำและเกลือไว้ในร่างกายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
การมีเหงื่อซึ่งเสียน้ำและเกลือแร่มาก จึงเป็นลักษณะที่แปลก ซึ่งน่าจะมีคำอธิบายว่า ทำไมลักษณะแบบนี้จึงถูกคัดเลือกมา
1
ขณะเดียวกันมันก็บอกใบ้เรารู้ว่า การเสียเหงื่อมากๆเช่นนี้ มันจะต้องมีประโยชน์อะไรที่ทำให้คุ้มกับการต้องเสียน้ำและเกลือแร่ไปจากร่างกาย
1
ประโยชน์ที่เห็นชัดที่สุดของการมีเหงื่อเยอะก็คือ การช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกาย โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนใกล้กับอุณหภูมิร่างกาย
คืออย่างนี้ครับ
ปกติความร้อนจะแผ่จากที่ร้อนไปที่เย็น
ดังนั้นในวันที่อุณหภูมิของอากาศใกล้เคียงกับอุณหภูมิร่างกาย
ความร้อนในร่างกายจะระบาย (แผ่) ออกจากร่างกายได้ยาก
แต่วิธีหนึ่งที่ช่วยให้ความร้อนออกจากร่างกายได้ดีขึ้นคือ การใช้น้ำพาความร้อนออกไปจากร่างกาย
สั้นๆคือ เลือดจะช่วยพาความร้อนจากแกนกลางของร่างกายออกไปที่ผิวหนัง
เมื่อผิวหนังร้อนขึ้น ถ้าไม่ทำอะไรก็จะรับความร้อนจากแกนกลางของร่างกายเพิ่มอีกไม่ได้
น้ำเหงื่อที่ออกมาจะช่วยนำความร้อนจากผิวหนังระเหยออกไปในอากาศ ทำให้ผิวหนังเย็นลงอีกครั้ง
เมื่อผิวหนังเย็นลง ก็พร้อมจะรับความร้อนจากเลือดอีกรอบหนึ่ง
ในวันที่ร้อนมากๆ ถ้าเราไปวิ่ง แล้วอยากให้รู้สึกเย็นเร็วๆ เราจะเอาน้ำราดบนหัวหรือบนใบหน้า
เพราะน้ำจะได้รับความร้อนจากหัวหรือผิวหนัง เมื่อน้ำระเหยกลายเป็นไอ ก็จะพาความร้อนออกไปด้วย
1
การที่มนุษย์เรามีต่อมเหงื่อมากมายมหาศาล มันบอกใบ้ให้เรารู้ว่า
ร่างกายมนุษย์มีความต้องการจะระบายความร้อนเป็นอย่างมาก
มากถึงขนาดยอมเสียน้ำและเกลือแร่ไปจากร่างกาย
1
4.
คำถามคือ มนุษย์ก็ไม่ได้มีร่างกายใหญ่โตอะไรมาก ทำไมต้องการจะระบายความร้อนมากขนาดนั้น ?
คำตอบมันมาจากข้อเท็จจริงที่สองครับ
จากหลักฐานทางบรรพชีวินวิทยา พันธุกรรม ธรณีวิทยา และอื่นๆ พบว่า
เมื่อหลายล้านปีก่อนเกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ทำให้ป่าหลายแห่งในแอฟริกาหดเล็กลง
ผลคือ ลิงสายพันธุ์ต่างๆที่เคยหากินบนต้นไม้ในป่า มีที่อยู่อาศัยน้อยลง
ลิงสายพันธุ์หนึ่ง (บรรพบุรุษของเรา) ที่เคยอาศัยอยู่แถวขอบๆชายป่า จึงถูกบีบให้ต้องลงมาอาศัยอยู่บนพื้นดิน หากินตามพื้นดิน มากขึ้น
2
จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ลิงสายพันธุ์นั้น ก็เริ่มหากินในทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ โดยแรกๆหากินแบบสัตว์กินซาก คือ คอยวิ่งตามผู้ล่า หรือ วิ่งตาม นกกินซาก อย่างนกแร้ง เพื่อไปกินเศษอาหารที่เหลืออยู่ซึ่งผู้ล่าอย่างสิงโตกินไม่หมด
ต่อมาลิงสายพันธุ์นี้ก็เริ่มที่จะเรียนรู้ที่จะล่าสัตว์เอง โดยวิธีล่าสัตว์ที่ใช้คือ การวิ่งทน วิ่งไล่ล่าเหยื่อไปเรื่อยๆ วิ่งไล่ล่าจนเหยื่อไม่สามารถวิ่งหนีต่อไปได้ (เพราะร่างกายร้อนเกินไป)
วิถีการล่าแบบนี้มีชื่อว่า persistence hunting ยังพบมีการใช้ใน ชาวอะบอรินจินส์ในออสเตรเลีย หรือชนเผ่า San ในทะเลทรายคาลาฮารี บ้าง)
4
ด้วยความที่มนุษย์มีต่อมเหงื่อมากที่สุดในโลก มนุษย์จึงมีร่างกายที่สามารถวิ่งทนต่อเนื่องได้นานที่สุดในโลก นานยิ่งกว่าม้า หรืออูฐเสียอีก
3
และเพราะวิถีชีวิตการล่าสัตว์ในทุ่งหญ้าที่ร้อนของแอฟริกาเช่นนี้ ทำให้มนุษย์ต้องมีร่างกายที่ระบายความร้อนได้ดี
ขนที่เป็นเส้นยาวๆ หนาๆ หยาบๆที่ให้ความอบอุ่นได้ จึงกลายเป็นข้อเสียที่ถูกกระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติกำจัดออกไป
2
จริงๆจะพูดว่ามนุษย์เราไม่มีขนตามตัวก็ไม่ถูกซะทีเดียวนัก
เพราะจริงๆแล้วเรายังมีขนตามตัวมากอยู่ เพียงแต่ขนของเราเปลี่ยนไปเป็นขนที่เล็กและละเอียดมากๆที่เรียกว่า vellus hair (ขนบางๆทีเห็นตามแขนตามตัวนั่นแหละครับ) และถ้ามีการเปลี่ยนแปลงของพันธุกรรมเพียงเล็กน้อย เราทุกคนก็สามารถจะกลับไปมีขนหนาทั่วตัวได้อีกครั้ง ดังที่พบในผู้ป่วยที่เป็นโรค hypertrichosis
และนั่นก็เป็นคำอธิบายที่เชื่อกันมากที่สุดในปัจจุบัน
มนุษย์เราไม่มีขนที่ให้ความอบอุ่นเหมือนลิงอื่นๆ เพราะเราต้องการจะระบายความร้อน
และขนตามตัว ทำให้การระบายความร้อนด้วยเหงื่อเป็นไปได้ยาก
ขนที่ให้ความอบอุ่น จึงถูกกระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติกำจัดไปจากร่างกายมนุษยื
แน่นอนครับ การตอบคำถามด้วยเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์ก็มักจะนำไปสู่คำถามใหม่ๆขึ้นมาอีกเรื่อยๆ
เชื่อว่าหลายท่านก็คงมีคำถามต่อว่า
แล้วทำไมเรายังมีผม ? ทำไมเรายังมีคิ้ว ?
ทำไมเรามีขนรักแรก ? ทำไมเราจึงมีขนรอบๆอวัยวะเพศและรูก้น ?
ทำไมคนบางเชื้อชาติ มักจะมีขนดกกว่าคนอีกเชื้อชาติ?
ทำไมผู้ชายมีหนวดเครา แต่ผู้หญิงไม่มี ?
ขนเส้นเดียวที่ยาวมากๆ มาจากไหน ?
ฯลฯ
คำถามเหล่านี้ เราจะไปหาคำตอบกันต่อในตอนต่อๆไปนะครับ
ถ้าอยากให้ไลน์แจ้งเตื่อนเมื่อผมโพตส์บทความใหม่ ก็สามารถแอดไลน์ได้โดยการคลิกที่นี่เลยครับ https://lin.ee/3ZtoH06
(ปิดท้ายด้วยโฆษณา)
ถ้าชอบวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับร่างกายแบบนี้
แนะนำอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือ Bestseller ของผมเองหลายเล่มเช่น
เรื่องเล่าจากร่างกาย เหตุผลของธรรมชาติ และ 500 ล้านปีของความรักเล่ม1-2
สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้จากลิงก์ด้านล่างครับ
อ่านบทความแนวประวัติศาสตร์ได้ที่
คลิปวีดีโอเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
โฆษณา