5 ก.ค. 2020 เวลา 10:30 • ธุรกิจ
Dietrich Mateschitz เศรษฐีออสเตรียที่ร่ำรวย มาจากกระทิงตัวสีแดง
เป็นที่รู้กันดีว่าเครื่องดื่มชูกำลังตรากระทิงแดง ถือกำเนิดขึ้นจากตระกูลอยู่วิทยา เมื่อปี 1976 โดยได้วางจำหน่ายแบบขวด ตีตลาดไปยังกลุ่มผู้ใช้แรงงาน
3
เนื่องจากให้รสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะแบบ แถมดื่มแล้วยังทำให้ตื่นตัว มีเรี่ยวแรงในการทำงาน เหมือนดั่งกระทิงที่เป็นสัญลักษณ์ ส่งผลให้กระทิงแดงขายดิบขายดี และเป็นสินค้าที่อยู่คู่กับคนไทยนับแต่นั้น..
6 ปีต่อมา คุณ “Dietrich Mateschitz” ชาวออสเตรียที่ทำงานให้กับ บริษัทสัญชาติเยอรมัน ได้เดินทางเข้ามาเจรจาธุรกิจในประเทศไทย
1
ทว่าคุณ Dietrich ได้ลิ้มลองรสชาติของกระทิงแดงทันที หลังจากที่ลงจากไฟลท์บิน เนื่องจากอาการเจ็ทแล็ก เมื่อกระทิงแดงช่วยเขาได้ ก็เกิดเป็นความประทับใจจนนำมาสู่ การเจรจาทางธุรกิจในเวลาต่อมา..
Pic// kurier
ระหว่างที่คุณ Dietrich ยังทำงานอยู่ในไทยอยู่ เขาได้ดิ่งตรงไปหาคุณเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของผู้ให้กำเนิดกระทิงแดง เจรจาเอาเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์นี้ไปตีตลาดในต่างประเทศ
ใช้เวลานานนับปี กว่าที่ดีลทุกอย่างจะลงตัว ในที่สุดปี 1984 บริษัท Red Bull GmbH ก็ได้ถือกำเนิด ภายใต้ข้อตกลง วางเงินฝ่ายละ 500,000 ดอลลาร์ ถือครองส่วนแบ่งคนละ 49% ที่เลือกอีก 2% เป็นของคุณเฉลิม อยู่วิทยา
 
และมีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งว่า การบริหารงานทั้งหมดจะอยู่ภายใต้อำนาจของคุณ Dietrich ภายใต้ชื่อแบรนด์ “Red Bull”
หลังจากนั้น Dietrich ก็ใช้เวลาถึง 3 ปี ในการปรับสูตรให้เหมาะกับคนยุโรป จนได้สูตรที่หวานน้อยลง และได้มีการอัดก๊าซเพิ่มเข้าไป เพื่อที่จะตีตลาดให้คนทานได้ทุกเพศทุกวัยเหมือนอย่างน้ำอัดลม กระทั่งได้วางขายในออสเตรียในปี 1987
ตรงข้ามกับกระทิงแดงที่ทำการตลาดในไทย และตีตลาดเฉพาะกลุ่มที่ใช้แรงงาน
การสร้างจุดแตกต่างนี้เอง ที่นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงต่อ Red Bull มาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ในปี 1992 Red Bull ได้ขยายตลาดเพิ่มในยุโรป เริ่มตั้งแต่ฮังการี และสโลเวเนีย ที่เป็นประเทศข้างเคียง
หลังจากที่วางขายได้ไม่ถึง 10 ปี ยุค 90 คือยุคที่เฟื่องฟูสุด ๆ สำหรับ Red Bull ที่บินออกจากเมืองไทยไป
1997 Red Bull กล้าที่จะตีตลาดสหรัฐฯ โดยเริ่มสร้างแบรนด์ให้ผูกพันธ์กับคนรุ่นใหม่ในแคลิฟอร์เนีย รู้ไหมว่าเพียงแค่ปีเดียว Red Bull ทำผลงานได้ดีจนเกินคาด ครองส่วนแบ่งในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังถึง 75%
กลับมาทางฝั่งกระทิงแดง ที่ได้เริ่มกระจายออกสู่เอเชีย และได้เริ่มเข้าสู่ตลาดจีนในปี 1995 ขณะที่ Red Bull เริ่มรุกเข้าสู่ตลาดตะวันออกกลางและเอเชียต้นยุค 2000 ก่อนจะได้รับสิทธิ์ เข้าไปขายในจีนอีกราย
ส่งผลให้กระทิงตัวเดียวกันที่ถือครองคนละบริษัท มีอิทธิพลทั้งตลาดล่าง และตลาดที่สูงขึ้นมาอีกระดับ
ปัจจุบัน Red Bull เป็นบริษัทยุโรป ที่บริหารโดยมหาเศรษฐี Dietrich แต่ทางเทคนิค ตระกูลอยู่วิทยาถือหุ้นรวมอยู่ทั้งสิ้น 51% ส่งผลให้ความมั่งคงของ Dietrich ส่งตรงมาถึงตระกูลอยู่วิทยาด้วย
รู้ไหม Red Bull มั่งคั่งขนาดไหน ?
ข้อมูลปี 2018 Red Bull มีรายได้มากถึง 233,000 ล้านบาท จากยอดขายมากกว่า 6.5 พันล้านกระป๋อง ใน 171 ประเทศ
และคุณ Dietrich Mateschitz ก็ได้รับการจัดอันดับจาก Forbes ให้เป็นเศรษฐีอันดับ 57 ของโลก มีสินทรัพย์ล่าสุดกว่า 24.6 พันล้านเหรียญ หรือ 765,000 ล้านบาท
ขณะที่ตระกูลอยู่วิทยา เป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยอันดับ 2 ของไทย มีสินทรัพย์ล่าสุด 20.2 พันล้านเหรียญ หรือ 628,000 ล้านบาท
ปิดท้ายกันด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
Pic// brand buffet
อันที่จริงแล้ว Red Bull กับ กระทิงแดง คือคนละแบรนด์ ที่คล้ายกับแฝดที่อยู่คนละฝา ซึ่งเป็นพี่น้องในสายเลือด
หากเครื่องดื่มชูกำลังแบรนด์นี้ไม่ถือกำเนิดเมื่อ 40 ปีก่อน ก็คงไม่มีเศรษฐีทั้งสองในปัจจุบัน ทุกสิ่งอย่างล้วนแล้วแต่เกิดจากเหตุและผล หากคุณเฉลียวไม่คิดค้นต้นตำรับ และคุณ Dietrich ไม่มีทักษะในการเจรจาต่อรอง ก็คงไม่เกิดดีลที่เปรียบดั่งดอกไม้ที่งอกเงยมาเป็นความมั่งคั่ง
หากนี้คือกรณีศึกษา บางทีผู้เขียนอาจมองหาเหตุให้ได้ก่อน ถึงจะค้นพบว่าผล ที่เป็นผลสำเร็จจะหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะทุกเหตุ ล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงกับผลเสมอ หากนำเหตุไปโยงเข้ากับผลสำเร็จแต่ละขั้นได้ ไม่ว่าจะขั้นใด หรือสูงแค่ไหน มันก็คงไม่ไกลจากมือเราแน่ แล้วคุณล่ะ คิดเหมือนกับผู้เขียนไหม ?
1
ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire
Follow Us On “Facebook” https://www.facebook.com/swivelth
Follow Us On “Instragram” https://www.instagram.com/swivel.th/
โฆษณา