5 ก.ค. 2020 เวลา 00:15 • ประวัติศาสตร์
อิเหนา...นิทานปันหยี Ep3.
ตอน_ศึกกะหมังกุหนิง
อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง
ความเข้มของเรื่องอิเหนาก็ตอนนี้ล่ะค่ะและถูกบรรจุในบทเรียนที่เคยได้เรียนมาและยังเคยได้ทำละครเวทีในตอนนั้นจำได้ว่าเพื่อนๆถูกคัดตัวเพื่อแสดงกันสนุกทีเดียวมาอ่านกันต่อเลยนะคะใครที่เคยเรียนตอนนี้มาแล้วถือว่าระลึกความหลังนะคะ
ภาพจากgoogel
ท้าวกะหมังกุหนิงปราศรัยกับระตูปาหยังและระตูประหมัน
ครั้นแล้วท้าวกะหมังกุหนิงเสด็จนั่งที่ประทับที่ประดับด้วยมณีทั้งหลาย พระองค์มองเห็นถึงพระอนุชาทั้ง ๒ คน จึงเรียกให้มานั่งที่ประทับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ครั้นแล้วจึงความเป็นไปของบ้านเมือง และบอกถึงความประสงค์ของตนว่าที่เรียกอนุชาทั้ง 2 มาเพื่อจะให้ช่วยไปตีเมืองดาหาขอให้ทั้งสอง ช่วยตีเมืองให้ได้ชัยชนะเร็วไว เจ้าเมืองผู้น้องทั้งสองจึงได้รับสนองผู้เป็นพี่ ครั้งใดที่ท้าวกะหมังกุหนิงมีศึกเจ้าเมืองน้อยทั้งสองก็จะออกอาสาไม่ย่อท้อ ถึงตายก็ไม่เสียดายชีวิตจะสู้จนกว่ากำลังวังชาจะสูญสิ้นไป
เมื่อท้าวกะหมังกุหนิงได้ยินเจ้าเมืองผู้เป็นน้องทั้งสองตรัสมาดังนั้น ดีใจเป็นอย่างยิ่ง พระองค์รับสั่งกับอนุชาทั้งสองให้พาทัพทหารไปพักให้สำราญ แล้วให้อนุชาทั้งสองเข้ามาอยู่ในพระราชวัง และท้าวกะหมังกุหนิงก็ได้ลงองค์ลงมานั่งข้างๆกับเจ้าเมืองทั้งสอง พร้อมกับเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังแล้วได้มอบสารให้เสนานำไปถวาย
เมื่ออนุชาทั้งสองได้ฟังถึงเรื่องราวทั้งหมดจึงได้คัดค้านไปว่าเมืองที่จะไปตีนั้น มีความเก่งกาจและชำนาญเรื่องการรบ อีกทั้งทางทหารในเมืองนั้นก็เก่งในเรื่องการรบ เลื่องลือในแคว้นชวาและต่างเกรงกลัวในฤทธิ์เดชเมืองเขาเป็นเมืองใหญ่เมือง เราเป็นเมืองน้อยเปรียบเหมือนหิ่งห้อยจะเปล่งแสงแข่งกับดวงอาทิตย์ ทั้งสองคิดว่าจะผิดจากเดิมมา ผู้หญิงงามไม่ได้มีคนเดียวในแผ่นดิน
เจ้าเมืองน้อยทั้งสองได้ขอให้ท้าวกะหมังกุหนิงได้คิดเสียใหม่ ไม่อย่างนั้นประชาชนจะเดือดร้อนได้ แต่ท้าวกะหมังกุหนิงก็ยังทำศึก เพราะความหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนจึงเลี่ยงที่จะตอบเจ้าเมืองน้อยทั้งสอง เพราะตอนนี้ลูกสาวของท้าวดาหา จะถูกยกให้จรการูปชั่วตัวดำ พวกเราจะต้องยกทัพไปรบเพื่อชิงนาง
เจ้าเมืองน้อยทั้งสองก็ได้ตอบกลับไปว่า นางยังอยู่กับผู้เป็นพ่อที่เมืองดาหา หากเกิดสงครามชิงลูกสาว ท้าวดาหาคงไม่นิ่งดูดาย และอาจจะส่งทัพเข้ามาร่วมรบก็เป็นได้ และเราอาจจะถูกล้อม หากทางเราเสียท่าและแพ้ขึ้นมา จะอับอายจรกาได้
ท้าวกะหมังกุหนิงจึงได้แย้งขึ้นว่า เจ้าทั้งสองนี้ไม่เข้าใจอะไรเลย ทั้งเสนาต่างๆ ก็ขัดแย้งข้ากันไปหมด ไปอยู่เมืองหมันหยามาหลายปี หากที่ไหนจะยกทัพมาจะกลัวอะไรหนักหนา เราก็มีตั้ง ๓ เมืองก็ใหญ่เหมือนกัน เราไม่ต้องกลัว ถ้าเราตีพวกนั้นให้แตกเดี๋ยวพวกนั้นก็มันก็วิ่งเข้าป่า พวกเจ้าอย่ากลัวเลย สงสารวิหยาสะกำเถอะ ถ้าไม่ได้นางมาคงจะขาดใจตาย แม้นวิหยาสะกำสิ้นชีวิตตนคงได้ตายตามเป็นแน่ ไหนๆแล้วก็จะตายถึงช้าเร็วก็ไม่ต่างกัน แม้นว่าผิดก็จะลองทำสงครามดู หากเคราะห์ดีก็คงจะได้สมดังใจนึก เมื่อสองเจ้าเมืองได้ฟัง ก็ก้มหน้าไม่พูดจา เมื่อท้าวกะหมังกุหนิงเห็นทั้งสององค์ไม่มีคำโต้แย้งใดๆแล้วก็ชวน ทั้งสองเจ้าเมือง เข้าพักผ่อนในที่บรรทมให้สบายใจ
2
ท้าวดาหาเสด็จออกรับทูตกะหมังกุหนิง
ครั้นเมื่อเวลาบ่ายสามนาฬิกาองค์ท้าวดาหาก็เสร็จเข้าสรงน้ำในคงคา จากนั้นก็แต่งองค์ทรงเครื่องประดับทั้งหลาย แล้วจึงเสด็จเยื้องย่างอย่างสวยงามดุจดั่งหงส์ ออกมายังท้องพระโรงแล้วนั่งลง ณ บัลลังก์อันงดงาม เสนาบดีตำแหน่งยาสานั้นได้บังคมทูลเบิกทูตนำราชสารให้พระองค์ ดังนั้นจึงรับสั่งให้เหล่าเสนานำแขกเข้ามาพบในทันที ครั้นอำมาตย์ได้รับรับสั่งแล้ว จึงออกไปพาสองทูตเข้ามาเข้าเฝ้าพระองค์ แล้วเสนาชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายทหารจึงให้พนักงานผู้รับผิดชอบรับราชสารมาอ่านถวายพระองค์
ในสารนั้นบอกถึงองค์ผู้ครองเมืองกะหมังกุหนิงขอถวายบังคมถึงพระองค์ ขอพระองค์ทรงประนีประนอมไม่เขื้องโกรธกัน ด้วยว่าตนมีโอรสอยู่องหนึ่งได้ไปท่องป่าล่าสัตว์และได้พบเจอกับรูปของพระธิดาในกลางป่า เชื่อว่าคงเป็นบุพเพสันนิวาส อาจเกิดจากเทวานำพาให้ พระโอรสตกอยู่ในเสน่หาและมีความอาลัย เฝ้าแต่หลงใหล ใฝ่ฝันหาพระธิดาน่ารันทดยิ่ง หวังเพียงรับใช้รองบาทพระองค์ผู้เป็นกษัตริย์วงศ์เทวัญ ขอพระธิดาผู้สูงศักดิ์ให้กับโอรสของตนได้สมดังใจหวัง อันกรุงของเราทั้งสองจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันในวันข้างหน้า และขออาศัยพึ่งพิงบารมีไปจนกว่าจะสิ้นชีวัน
เมื่อองค์ท้าวดาหาผู้เป็นใหญ่ได้รับฟังสารทราบถึงข้อความแล้ว จึงรับสั่งแต่เสนาทั้งสองของท้าวกะหมังกุหนิงที่มาเข้าเฝ้าว่าอันนางบุษบาพระธิดาของเรานั้น ในครั้งก่อนเราไปยกให้แก่จรกาที่มาหมายหมั้นไว้ไปก่อนแล้ว และได้ปลงใจจะให้แต่งงานกันแล้ว อันจะรับของสู่ของท้าวกะหมังกุหนิงนี้ ก็ดูจะผิดประเพณียิ่งนัก เหล่าประชาราชอาจนินทาได้ จึงขอให้นำสิ่งของเหล่านี้กลับคืนไป
เหล่าทูตเมื่อรับแจ้งแล้วก็ทูลบอกพระองค์ว่า ท้าวกะหมังกุหนิงรับสั่งให้ตนทูลพระองค์ว่าถ้าแม้นพระองค์ไม่ยินยอมยกพระราชธิดาให้ ก็ให้ระวังพระองค์ให้ดี ให้สร้างบ้านเมืองของพระองค์ให้มั่นคง ครั้นแล้วองค์ท้าวดาหาก็ประกาศิตอย่างองอาจว่า หากจะยังคงทำสงครามก็ตามใจ พลางเสด็จลงจากที่นั่งแท่นทองเข้าด้านในอย่างฉับพลัน ธารกำนัลก็ปิดม่านในทันที ฝ่ายทูตก็ได้ออกจากเมืองดาหาพากันกลับทันใด ฝ่ายองค์ผู้เป็นสุริย์วงศ์องค์ดาหาเปิดหน้าต่างแล้วมีบัญชาสั่งเสนาให้เร่งไปทูลเหตุการณ์แก่ผู้เป็นพี่ของพระองค์ และทูลกับผู้เป็นน้องอีกสองคนของพระองค์ ไปบอกระตูจรกาอย่าจรกาอย่ามัวช้าเพราะจะมีข้าศึกยกทัพมาชิงชัย
ท้าวกุเรปันมีราชสารถึงอิเหนาและระตูหมันหยา
ฝ่ายองค์ท้าวกุเรปันได้รับแจ้งว่าจะมีข้าศึกมารุกราน จึงให้แต่งสารหนังสือลับแล้วสั่งให้สองเสนาถือไปยังเมืองหมันหยา ฉบับหนึ่งเร่งนำกองทัพกำชับให้อิเหนาเร่งยกมาช่วย อีกใบหนึ่งไปให้กับเจ้าเมืองผู้ครองเมืองหมันหยา แล้วสั่งให้รีบไปให้ถึงเมืองหมันหยาภายใน 15 คืน ครั้นแล้วขุนนางได้รับคำสั่งแล้วจึงรีบนำสารไปจากท้องพระโรงในทันที พร้อมกับเรียกทั้งบ่าวไพร่ให้มาพร้อมหน้า แล้วรีบขึ้นขี่ม้าออกจากนครกุเรปันอย่างเร่งรีบในทันใด
ฝ่ายองค์ท้าวกุเรปันผู้เป็นใหญ่หลังจากที่ขุนนางได้ทูลลาไปแล้วพระองค์ก็ตรึกตรองในคดีความด้วยพระปรีชา แล้วตรัสกับกะหรัดตะปาตี ว่าสงครามนี้เห็นว่าจะสาหัส หากกลัวอนุชาจะเปล่าเปลี่ยวเศร้าใจ ไม่มีที่ปรึกษา จึงรับสั่งให้ยกพลยกกองทัพ ไปสมทบกับทัพของอิเหนาให้ทันอย่างเร็วไว อย่าให้ข้าศึกทันยกทัพมาประชิดเมืองได้
ฝ่ายกะหรัดตะปาตีผู้เป็นโอรสทูลสนองรับสั่งพระองค์ แล้วบอกว่าจะถวายบังคมลาในวันพรุ่งนี้ ครั้นถึงรุ่งสางก็เข้าอาบน้ำชำระมลทินจากร่างกาย สรงน้ำศักดิ์สิทธิ์แสนบริสุทธิ์ ลูบไล้ด้วยเครื่องหอม แล้วบรรจงสวมใส่สนับเพลาสวมใส่ภูษาสีดำอำไพ ในวันเสาร์ คาดผ้ารัดเอวใส่เข็มขัดเพชรแสนจะงดงาม ห้อยด้วยตาบทิศสวมสร้อยสังวาลทั้งทองกรทั้งแก้วช่างงดงาม ธำมรงค์ประดับด้วยพลอยเพชรมากมาย ทรงสวมชฎามาลัยมีดอกไม้ทัดที่แสนจะเจิดจ้าเปล่งประกาย พร้อมด้วยเหน็บพระแสงแล้วเข้าเฝ้าพระบิดา
แล้วเคารพกราบบังคมพระบิดาคอยฟังวาจารับสั่งจะให้บัญชาให้ยกทัพ ฝ่ายองค์ท้าวกุเรปันก็อวยพรให้โชคดีให้มีฤทธิ์เดชเก่งกล้าสามารถ ให้ศัตรูผู้มุ่งร้ายทั้งหลายจงพ่ายแพ้ ให้มีอานุภาพสามารถสยบศัตรูได้รอบทิศ ให้ศัตรูจงเกรงในฤทธิ์ในตัว ครั้นแล้วกะหรัดตะปาตีก็กราบบังคมไหว้รับพรจากพระบิดาแล้วทูลลาไป ครั้นทัพถึงถึงหน้าพระลานพร้อมด้วยบริวารทหารมากมาย ก็เสด็จขึ้นทรงม้าแล้วรับสั่งให้เคลื่อนพลออกไป รอนแรมอยู่ในป่าจนถึงทางร่วมเข้าสู้เมืองหมันหยาแล้วสั่งให้หยุดพลทัพไว้ คอยทัพของอิเหนาที่จะตามมา
ติดตามตอนต่อไปนะคะเรื่องตามใจลูก รักลูกจนประมาทต้องยกให้ท้าวกระหมังกุหนิง
ขอบคุณเรื่องเล่าอิเหนาจากฉบับหลวงหอสมุดแห่งชาติ
ขอบคุณที่มาหนังสือบทเรียนมัธยมชั้นที่4เรื่องอิเหนา
ขอบคุณhttps://www.wekipedia.org
ขอบคุณThai literature Directory:
ฐานข้อมูลนามานุกรมวรรณคดีไทย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา