5 ก.ค. 2020 เวลา 02:57 • กีฬา
จากตกงานสู่ 101 ประตู : TRIAL DAY...โอกาส สุดท้ายของนักฟุตบอลผู้มีฝันแบบวาร์ดี
นักฟุตบอลบางคนอาจโด่งดังจนมีค่าตัวสูงทะลุเพดานตั้งแต่วัยรุ่น แต่สำหรับบางคนกลับไม่ได้โชคดีเช่นนั้น เมื่อพวกเขาโดนสโมสรตัดออกจากทีมชุดเยาวชน และนี่คือโอกาสที่จะสานฝันให้เป็นจริง…ขอต้อนรับสู่ “TRIAL DAY” โอกาสพิสูจน์ตัวเองครั้งที่สอง ซึ่งสำหรับบางคน นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ทำในสิ่งที่รักต่อไป
แม้นักเตะดาวรุ่งอย่าง คิลิยัน เอ็มบัปเป้, วินิซิอุส จูเนียร์ อาจจะมีค่าตัวระดับพันล้านตั้งแต่อายุไม่ถึง 20 ปี แต่เวทีฟุตบอลอาชีพนั้นมีที่ว่างไม่มากพอสำหรับทุกคน ทำให้เด็กๆ หลายคนต้องพลาดหวังอย่างรวดเร็ว เพราะถูกตัดสินว่าไม่ดีพอและโดนคัดออกจากระบบเยาวชนตั้งแต่ผ่านวัยทำบัตรประชาชนมาหมาดๆ
ในวงการฟุตบอลอังกฤษมีอีเว้นท์หนึ่งที่จัดขึ้นเพื่อให้โอกาสคนทั่วประเทศที่อยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่เรียกว่า "Trial Day" หรือวันที่เหล่านักเตะวัยรุ่นซึ่งโดนยกเลิกสัญญาในระดับเยาวชนของสโมสรต่างๆ หรือแม้กระทั่งนักเตะที่ไม่เคยผ่านระบบอะคาเดมี่มาก่อน ได้มีโอกาสลงทีมแบบ 11 vs 11 เพื่อเเสดงฝีเท้าให้เห็นว่าพวกเขามีดีอะไรอยู่ในตัวต่อหน้าแมวมองทั่วประเทศ
หากพวกเขาฝีเท้าดีและโชคเข้าข้าง ก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับโอกาสกลับไปพิสูจน์ตัวเองในระบบอาชีพครั้งที่ 2 ต่อไป และหากแฟนบอลคอเกมจำกันได้ เรื่องราวเหล่านี้คือสิ่งที่คุณจะต้องพบเจอในฉากแรกของโหมด The Journey ในเกม FIFA 17 ที่ อเล็กซ์ ฮันเตอร์ ต้องเข้ารับการทดสอบนี้เพื่อโอกาสในการเล่นฟุตบอลอาชีพ
มาร์วิน ซอร์เดลล์ กองหน้าวัย 27 ปีที่ปัจจุบันค้าแข้งกับ เบอร์ตัน อัลเบี้ยน อาจจะเป็นชื่อที่คุ้นหูแฟนบอลอยู่บ้าง เพราะเขาก็เคยก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดยู 20 และยู 21 ในช่วงปี 2010 ถึง 2013 พร้อมเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง จอร์เเดน เฮนเดอร์สัน, แดนนี่ โรส, จอนโจ้ เชลวี่ย์ และ วิลฟรีด ซาฮา แถมยังมีโอกาสได้เล่นฟุตบอลโอลิมปิก 2012 กับทีมสหราชอาณาจักรร่วมกับตำนานอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ และ เคร็ก เบลลามี่ อีกด้วย
อย่างไรก็ตามหากย้อนกลับไปถึงชีวิตของเขาก่อนหน้านั้น ซอร์เดลล์ เคยเป็นอดีตวัยรุ่นผู้ผิดหวังในเส้นทางลูกหนัง เขาถูกฟูแล่มยกเลิกสัญญาจากทีมชุดเยาวชน จนต้องพึ่ง “เวทีแห่งโอกาส” อย่าง "Trial Day" ในปี 2007 และตอนนั้นเขามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น
วันแห่งโอกาส
ซอร์เดลล์ เด็กหนุ่มผิวสีจากลอนดอน ผู้รักฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ 5 ขวบ และเริ่มพัฒนาตัวเองจนได้เล่นให้กับทีมฟุตบอลเยาวชนแบบ Six-a-side (ทีมละ 6 คน) ของท้องถิ่นที่ใช้เวลาหลังจากเลิกเรียน โดยตำแหน่งของเขาในเวลานั้นคือการเป็นผู้รักษาประตู
Photo : Facebook : Burton Albion FC
ซอร์เดลล์ โชว์ฟอร์มเหนียวหนึบเสียเพียงประตูเดียวเท่านั้นตลอดทั้งทัวร์นาเม้นต์ และประตูเดียวที่เขาพลาดท่าเกิดขึ้นในเกมนัดชิงชนะเลิศที่ทีม The Elms ของเขาแพ้ไป 0-1
ไม่รู้ว่า St Joseph's Youth '88 สโมสรฟุตบอลระดับเยาวชนเห็นอะไรในตัวเขาจึงทำให้เซ็นสัญญาคว้า ซอร์เดลล์ มาอยู่ในทีม ก่อนจะเปลี่ยนตำแหน่งของเขาแบบสุดขั้วจากผู้รักษาประตูมาเป็นกองหน้า ถึงกระนั้นการเสี่ยงก็ได้ผล ซอร์เดลล์ ยิงระเบิดจนกลายเป็นดาวซัลโวของทีม 2 ปีติดต่อกัน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้ไปอยู่กับทีมอะคาเดมี่ของฟูแล่ม ในวัย 13 ปี
ในระดับท้องถิ่นเขาอาจจะเก่งกาจ ทว่าในระดับทีมเยาวชนของสโมสรอาชีพ ซอร์เดลล์ มีช่วงเวลาที่ไม่น่าประทับใจนัก 3 ปีนับจากวันที่เซ็นสัญญา เขาก็ถูกทีมเจ้าสัวน้อยปล่อยตัวออกจากทีม และสำหรับเด็กหนุ่มวัย 16 ปี ที่ฝันจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพมันจึงเป็นเหมือนกับฝันร้ายที่มาเยือนเขาเร็วเกินกว่าจะทำใจ
ซอร์เดลล์ เหลือ 3 ทางเลือกเท่านั้นหนึ่งคือไปเรียนเป็นเชฟตามคำแนะนำของ พ่อ และ แม่, ผันตัวเองไปเป็นนักวิ่งเพราะเป็นนักเตะที่มีความเร็วเป็นจุดเด่น หรือจะต่อสู้กับฝันเดิมที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพต่อไปแม้ว่าความหวังจะเเสนริบหรี่ก็ตาม
"ในปี 2007 ที่โดนฟูแล่มปล่อยอกจากทีม ตอนนั้นผมเฮิร์ตหนักมาก ใจนึงก็อยากจะเลิกเล่นและไปเรียนเชฟทำอาหาร ส่วนอีกความคิดหนึ่งก็คิดว่าจะเบนเส้นทางนิดหน่อยเพื่อไปเป็นนักวิ่ง เพราะสมัยเป็นนักเรียนผมคือแชมป์ของประเทศเลยนะ" ซอร์เดลล์ กล่าวถึงช่วงเวลาที่ต้องพบกับความผิดหวังในวัยหนุ่ม ก่อนที่สุดท้ายเขาจะทิ้ง 2 ตัวเลือกข้างต้นไปและเลือกสู้ต่อบนเวที Trial Day
"ทางเลือกที่ 3 คือต้องเล่นในรายการ Trial ที่จัดขึ้นทั่วประเทศให้ได้ จากจุดนี้ผมต้องขอแรงให้แม่ของผมขับรถไปส่งยังสนามต่างๆที่มีการทดสอบฝีเท้า"
"นั่นอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายเเล้วที่ชีวิตผมของฟุตบอลจะสามารถบรรจบกันได้ แม้จะเป็นความจริงน่ากลัว แต่นั่นล่ะคือหนทางที่คนจะเป็นนักฟุตบอลต้องเจอ"
บรรยากาศวันจริง
ปกติเเล้ว Trial Day จะจัดขึ้นปีละครั้งก่อนฤดูกาลปกติของฟุตบอลอังกฤษจะเริ่ม มันคือกิจกรรมที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษสนับสนุนและผลักดันโอกาสเพื่อให้เหล่าวัยรุ่นที่อาจจะเป็นช้างเผือกได้ในอนาคต
Photo : www.yeswefoot.com
11 หัวเมืองของอังกฤษรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดงาน ทั้ง แมนเชสเตอร์, ลอนดอน, เบอร์มิงแฮม, ลิเวอร์พูล และ กลาสโกว์ เป็นต้น ในแต่ละปีจะมีเหล่าวัยรุ่นหิวสตั๊ดมาจากที่ต่างๆ กว่า 300 คน แม้จะมาจากหลากหลายสัญชาติ และต่างที่มา แต่พวกเขามีฝันเดียวคือ ต้องมีสโมสอยู่ให้ได้ ... และ มาร์วิน ซอร์เดลล์ ก็เช่นกัน
เหล่าเด็กหนุ่มที่แบกความฝันมาเหล่านี้ไม่มีสโมสร, ไม่มีภาระผูกพันกับโรงเรียนใด พวกเขารู้ดีว่าเวทีนี้คือโอกาสที่แสดงความสามารถทั้งหมดที่ตัวเองมี ต่อหน้าเหล่าแมวมองและโค้ชจากสโมสรต่างๆ ทั่วประเทศไม่ว่าจะระดับพรีเมียร์ลีกจนไปถึงลีกทูที่มารวมตัวกันไม่ต่ำกว่า 100 ชีวิต
ก่อนจะทดสอบได้ เหล่าผู้สมัครจะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของ EFL เสียก่อน โดยทางฝ่ายจัดจะเริ่มแบ่งนักเตะออกไปเป็นแต่ละช่วงอายุเพื่อง่ายต่อการคัดกรอง ซึ่งทีมงานของการทดสอบนั้นล้วนเป็นมืออาชีพที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษจัดการให้ทั้งหมด
แมวมองทุกระดับจากทุกลีกตั้งแต่พรีเมียร์ลีกจนถึงนอกลีกเดินทางมากว่า 100 ชีวิต มีนักเตะหลากหลายคนเข้ามาทดสอบฝีเท้าตั้งแต่อายุ 15 ปีจนถึง 23 ปี ที่ต้องการมาเอาโอกาสจากการทดสอบฝีเท้าครั้งนี้
Photo : www.dailymail.co.uk
หนึ่งในตัวอย่างคือ ธีโอ โรบินสัน ถูกยกเลิกสัญญาจาก สโต๊ก ก่อนที่ วัตฟอร์ด เห็นแววจากรายการนี้ และดึงตัวไปร่วมทีมเยาวชนในปี 2008 หลังจากนั้นเขาก้าวไปติดทีมชาติ จาเมก้า ในเวลาต่อมา จน ฮัดเดอร์สฟิลด์ มาขอซื้อตัวในราคา 300,000 ปอนด์
แม้แต่อดีตกองหลังของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ อย่าง สตีฟ เช็ตเทิ่ล ก็พา คัลลัม ลูกชายของเขาที่ถูกอดีตต้นสังกัดของพ่อปล่อยตัวออกจากทีมตั้งแต่ตอนอายุ 16 ปี มาทดสอบฝีเท้าในเวที Trials Day และก็สมหวังทั้งพ่อและลูก เมื่อ ปีเตอร์โบโร่ ทีมในลีกวันคว้าตัวไปร่วมทีมเมื่อปี 2016
รวมถึง แฟร้งค์ ซินแคลร์ อดีตกองหลัง เชลซี และ เลสเตอร์ ก็พา ไทรีส ลูกชายของเขา ซึ่งโดน แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ตัดออกจากทีมมาทดสอบฝีเท้าในรายการนี้เช่นกัน
และดาวดวงเด่นที่สุดใน Trial Day หนีไม่พ้น เจมี่ วาร์ดี้ ที่เคยผ่านเวทีนี้ตอนโดน เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ ยกเลิกสัญญา ซึ่ง วาร์ดี้ เองก็ได้ไปอยู่ทีมนอกลีกอย่าง สต็อคบริดจ์ พาร์ก สตีลส์ ซึ่งเคสของ วาร์ดี้ ถือว่าเป็นตัวอย่างที่แสดงถึงประโยชน์ของรายการนี้ได้ดีที่สุด เพราะหลังจากนั้น เส้นทางอาชีพของเขาก็ทะยานไม่หยุด สู่การเป็นนักเตะทีมชาติอังกฤษ ที่มีแชมป์พรีเมียร์ลีกการันตีฝีเท้าแล้วนั่นเอง
Photo : www.thestar.co.uk
เดวิด วีเธอรัลล์ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเยาวชนของ EFL คือผู้ที่คอยควบคุมการทดสอบฝีเท้ามาหลายปี เขาเปิดเผยว่า “นี่คือเวทีที่เหมาะที่สุดทีเหล่าเด็กๆ ผู้ผิดหวังจะได้แสดงออกว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง และอย่างน้อยๆ นี่คือการเเข่งขันในระดับที่มีความซีเรียสสูง ดังนั้นมันยิ่งสามารถรีดศักยภาพของเด็กแต่ละคนออกมาได้ดี”
วันชี้ชะตา
การทดสอบจะเริ่มที่ลงทะเบียนและรวมตัวกันในห้องโถงโดยแบ่งออกเป็น 8 ทีม โดยแต่ละทีมจะได้โค้ชที่ทางสมาคมจัดมาให้ โค้ชแต่ละคนมีหน้าที่วางแท็คติกในแต่ละรูปแบบที่วางไว้ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ทำให้เด็กๆรู้สึกผ่อนคลายและแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเรื่องยากที่จะกำจัดความกดดันออกไป เพราะสำหรับเด็กหลายคนนี่คือโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้ว
Photo : Twitter : @efl
นักเตะทั้งหมดจะมีโอกาสได้ลงทีมแบบ 11 ต่อ 11 โดยแต่ละทีมจะได้เล่นเกมละ 30 นาที เป็นจำนวนทั้งหมด 3 เกม นอกจากเด็กๆ ทุกคนจะต้องแข่งกับตัวเองแล้ว พวกเขาต้องมองหน้าคู่แข่งให้ชัดๆ เอาไว้ เพราะมีหลายคนที่มาทดสอบฝีเท้าในตำแหน่งเดียวกันนั่นเอง
"สิ่งที่ดีอย่างหนึ่งของการทดสอบฝีเท้าคืออะไรรู้ไหม?... ตอนที่คุณนั่งอยู่ในห้องแต่งตัวกับเด็กหนุ่มคนอื่นๆอีก 10 คนที่เล่นในตำแหน่งเดียวกับคุณไงล่ะ"
"คุณจะเห็นได้ชัดว่าทุกคนแสดงความกังวลใจและกระวนกระวาย แต่ทุกคนรู้ดีว่าหากพวกเขาโชว์ฟอร์มได้ดี อีกช่วงไม่กี่อึดใจหลังจากนี้จะเป็นช่วงที่เราได้ฉลองและสนุกไปกับมัน"
มันอาจจะเป็นภาวะที่เด็กๆไม่คุ้นเคยแต่ เดวิด วีเธอรัลล์ มั่นใจว่ายิ่งกดดันเท่าไหร่ยิ่งทำให้เป็นงานง่ายของเหล่าแมวมองจากทั่วประเทศที่มาดูฟอร์ม เพราะคนที่ผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้นอกจากจะฝีเท้าดีแล้ว สภาพจิตใจของเขายังมีความเป็นผู้ชนะอีกด้วย
Photo : londonfootballawards.org
"มันจะเป็นวันที่ยากของเด็กๆ" วีเธอรัลล์ ผู้เคยคว้าแชมป์ดิวิชั่น 1 กับ ลีดส์ ในปี 1992 กล่าวถึงวันแห่งความหวังนี้ "พวกเขายังเด็กมาก และมาที่นี่เพื่อแข่งกับนักเตะที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน แถมยังมีแมวมองอยู่เต็มไปหมดเพื่อมารอดูคนที่เจ๋งจริงเท่านั้น"
แม้ผู้เข้าทดสอบจะเป็นระดับเยาวชนแต่ดูเหมือนว่าทุกเกมจะเป็นไปด้วยความดุเดือด เด็กๆ ทุกคนใส่กันสุดฝีมือ สำหรับเด็กบางคนนี่คือโอกาสที่สองสำหรับการได้มีสโมสร และสำหรับบางคนมันคือโอกาสครั้งสุดท้ายที่ต้องคว้าให้ได้ ซึ่งหากพลาดขึ้นมานั่นหมายความพวกเขาอาจจะต้องไปทิ้งความฝันและไปอยู่กับความเป็นจริงบนสายอาชีพอื่นๆ
ส่วนการจะผ่านและได้รับความสนใจจากแมวมองหรือไม่ จุดนี้ FourFourTwo Performance เคยได้วิเคราะห์ถึงคุณสมบัติที่เหล่าแมวมองจะพิจารณาตัวเด็กแต่ละคนว่าไม่ได้ขึ้นอยู่แต่เรื่องการยิงประตูเท่านั้น นักเตะที่มาทดสอบแต่ละคนต้องมีมีทัศนคติในการเล่นที่ดี กล่าวคือไม่ติดเลี้ยงและโชว์สกิลมากจนเกินไป เป็นนักเตะที่มีอิทธิพลยามอยู่ในสนาม ทำตามคำสั่งของโค้ช มั่นใจในตัวเอง และที่สำคัญที่สุดคือต้องเข้าใจว่าเหล่าแมวมองที่มาดูฟอร์มต้องการจะเห็นอะไร
"มันยากมากที่จะลงเล่นพร้อมๆกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันเลย แต่ถ้าคิดในแง่ดีคือทุกคนลงเรือลำเดียวกันเเล้วผมจะไม่บอกหรอกนะว่ามันเป็นประสบการณ์ที่น่ากลัว แต่มันคือโอกาสุดท้ายของผทเเล้วดังนั้นผมจะโชว์ว่าผมทำอะไรได้บ้าง "
"ตอนที่ผมได้ลงเล่นผมลงไปในตำแหน่งปีก ผมสามารถเห็นผู้คนที่มานั่งดูอยู่ข้างๆสนามได้ชัดมาก ผมรู้ว่าแมวมองมาดูเกมนี้เพียบ”
“พวกเขากำลังจดสิ่งที่ได้เห็นจากฟอร์มของคุณ เรื่องแบบนี้อาจจะทำให้ผมสับสนอยู่บ้าง แต่ที่สุดเเล้วผมยังอยู่ในเกมของตัวเองได้ เราไม่อาจจะรู้ได้แบบชัดเจนว่าพวกเขากำลังอยากจะเห็นอะไร เพราะแมวมองจะไม่ได้รับอนุญาตให้คุยกับนักเตะเลยจนกว่าการทดสอบจะสิ้นสุดลง ดังนั้นช่วงเวลา 2-3 วันหลังจากนั้นคือช่วงเวลาที่จะต้องลุ้นมากๆว่าจะมีข้อเสนอไหนเข้ามาหรือเปล่า"
ซอร์เดลล์ เล่าว่าตัวเขาเองทุ่มเททั้งหมดกับการทดสอบฝีเท้าครั้งนี้เป็นอย่างมากเพราะเขารู้สึกว่าทั้งชีวิตของเขาถูกวางเดิมพันในการทดสอบครั้งนี้ และท้ายที่สุดเขาก็โชคดี ได้รับสัญญาจาก วัตฟอร์ด ที่ดึงตัวเขาไปเล่นให้กับทีมชุดเยาวชน
"โชคดีที่โอกาสครั้งนี้มาถึงผม"
Photo : www.burtonalbionfc.co.uk
หลังจากได้สัญญา 3 ปี ซอร์เดลล์ เริ่มจากการถูกส่งไปลงเล่นในนอกลีกก่อนกับ เวลด์สโตน แบบยืมตัว การได้เติมเชื้อไฟมาใหม่ๆ ทำให้เขาเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม
เขาลงสนามเกมแรกและยิงประตูได้ตั้งแต่ 30 วินาทีเมื่อนกหวีดดัง หลังจากนั้นเขายิงไดัอีก 2 ประตูใน 5 เกมต่อมา ที่สุดเเล้วเขาก็ได้สัญญาอาชีพฉบับแรกจาก วัตฟอร์ด ในปี 2009 และในอีก 3 ปีต่อมาเขาจะถูกขายต่อให้กับ โบลตัน ด้วยค่าตัว 3 ล้านปอนด์ แม้จะไม่ประสบความสำเร็จนักแต่ที่สุด แล้วก็ต้องยอมรับว่า Trial Day คือเวทีที่ทำให้เขาได้เตะฟุตบอลเลี้ยงชีพสมใจอยากจนถึงทุกวันนี้
"แม้ความโชคดีจะหล่นใส่ในวัยหนุ่มแต่คุณต้องไปต่อ ดูอย่าง เจมี่ วาร์ดี้ สิเขาแสดงให้เห็นเเล้วว่าโอกาสของคุณไม่มีทางหนีไปไหนหากคุณทำงานหนัก”
“เมื่อคุณอายุมากขึ้นโอกาสต่างๆอาจจะลดน้อยถอยลงไป แต่แน่นอนว่ายังพอมีหน้าต่างที่เปิดรอคุณเสมอหากคุณเอาจริง" กองหน้าของ เบอร์ตัน กล่าวปิดท้าย
บทความโดย เจษฎา บุญประสม
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา