5 ก.ค. 2020 เวลา 13:03 • ธุรกิจ
เห็นภาพนี้ถูกแชร์ต่อๆกันมาหลายวันแล้ว ยอมรับว่าโดยตัวผมเองเห็นแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก และรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่พอสมควร เรื่องนี้ดูเผินๆเหมือนเป็นเรื่องปกติ และไม่มีความรุนแรงใดๆ
แต่จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทยมาช้านาน จนคนรู้สึกและเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องปกติ เรื่องล้อเล่น เรื่องจิ๊บจ๊อยกันต่างหาก ในภาพคือการที่ครูคนหนึ่งตรวจอุณหภูมิแล้วถ่ายรูปตัวเองมาโพสต์ลงเฟส
จากนั้นเขียนข้อความแซวเด็กนักเรียนว่า "ไม่พบสมอง" ในทางกระเซ้าเย้าแหย่ มันเหมือนเป็นเรื่องหยอกล้อกันเล่นขำๆระหว่างผู้ที่ "อาจจะ" สนิทกันมาก่อน แต่ในฐานะครูกับนักเรียน หรือผู้ใหญ่กับเด็ก ผมไม่สนับสนุนพฤติกรรมดังว่านี้
มันทั้งไม่เหมาะสม และขาดการวางตัวที่ดี ครูเป็นผู้ใหญ่ เป็นแม่พิมพ์ของชาติ เวลาจะพิมพ์จะโพสต์อะไรแบบนี้จึงควรระมัดระวังคำพูดให้ดีๆ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นพื้นที่สื่อที่ไม่ต่างจากการพูดในที่สาธารณะ
การนินทาใครบนโลกออนไลน์ บนหน้า Facebook ตัวเองสมัยนี้ก็เหมือนออกไปนินทาคนอื่นด้วยการตะโกนหน้าบ้านน่ะครับ ใครผ่านไปผ่านมาเห็นหรือได้ยินเขาก็รู้ว่าคนที่ตะโกนนั้นกำลังนินทาใครบางคนอยู่
1
ครูไม่ควรโพสต์อะไรแบบนี้ ถ้าพ่อแม่ ผู้ปกครองเด็กนักเรียนเขาผ่านมาเห็น หรือมีคนแคปรูปไปบอกผู้ปกครองเด็ก โรงเรียนจะเสียหาย เสียความน่าเชื่อถือขนาดไหนที่มีครูขาดวุฒิภาวะแบบนี้
ไปว่าลูกเขาไม่มีสมอง จะด้วยเจตนาล้อเล่น หรือ กระเซ้าเย้าแหย่อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องที่สมควรเลย แล้วไอ้การอ้างว่า "แค่หยอกเล่น" หรือ "แค่แซวกันเล่น" นี้แหละ ที่มันเป็นรากฐาน และบ่อเกิดของวัฒนธรรมการ Bully การกลั่นแกล้งกันในสถานศึกษา
1
โดยมีคำว่า "แค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง" มาเป็นเกราะป้องกัน คนเราเลยกลายเป็นต้องคุ้นชินกับวัฒนธรรมการกลั่นแกล้งไปโดยปริยาย เพราะเมื่อไรก็ตามที่คนถูกแกล้งรู้สึกโกรธ เสียใจ หรือกระทบกระทั่ง อีกฝ่ายก็จะสามารถงัดข้ออ้างว่า "แค่ล้อเล่น" มายับยั้งสถานการณ์
ประหนึ่งว่าฝ่ายที่ถูกกระทำนั้นไม่มีสิทธิโกรธเคืองใดๆ เพราะฝ่ายที่แกล้งนั้นแค่ "ล้อเล่น" เท่านั้น มันจะยิ่งแย่ขึ้นไปอีกถ้าคนทำเป็นถึงครู ในโรงเรียนประถม มัธยมเนี่ย ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ได้มีแค่เด็กนักเรียนเท่านั้นนะครับที่กลั่นแกล้งกัน
(แต่ครูก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่นิยมกลั่นแกล้งนักเรียน และเป็นบ่อเกิดของการแกล้งกันในสถานศึกษา)
ระหว่างนักเรียนด้วยกัน การแกล้งกันอาจจะจบลงที่การชกต่อย ตบตีกัน แต่ระหว่างครูกับนักเรียน ฝ่ายนักเรียนแทบไม่มีสิทธิสู้ หรือป้องกันตัวเองได้เลย ครูแกล้งนักเรียนนี้ทำกันอย่างไรรู้ไหมครับ
ตามโรงเรียนรัฐบาลในต่างจังหวัดนี้ ครูมักจะใช้วิธีทำให้เด็กอับอายเป็นหลักในการกลั่นแกล้ง ไม่ว่าจะแกล้งตั้งฉายาแปลกๆให้ เรียกเด็กด้วยคำนิยามที่ล้อกับปมด้อย เช่น
เวลาจะเรียกเด็กนักเรียนก็ชี้นิ้วแล้วตะโกนเรียกด้วยคำว่า "ไอ้คนที่เตี้ยๆนั่นน่ะ" กับเด็กที่ตัวเล็ก ในบางโอกาสถ้าเจอนักเรียนที่ตัวสูงๆ อ้วนๆอวบๆ ก็จะเรียกว่า "ไอ้คนที่ตัวโตๆนั่นน่ะ"
เด็กคนไหนตัวดำก็จะมีประเด็นเรื่องสีผิว บางคนหัวมีทรงแบน ทรงบิดเบี้ยวผิดไปจากค่านิยมก็อาจถูกนำมาเป็นคำเรียกขาน หรือ คำล้อเลียนโดยครูก็เป็นได้ โดยครูมักจะอ้างว่า "มันเป็นความเอ็นดูของผู้ใหญ่" ไปซะนั่น
เลิกค่านิยม หรือวัฒนธรรมอะไรแบบนี้เถอะครับ ยิ่งโดยเฉพาะในสถานศึกษา มันอาจจะดูเป็นเรื่องล้อเล่น แต่คนที่โดนล้อ หรือคนที่โดนแกล้ง โดนหยอกล้อมันอาจจะไม่สนุกด้วย สังคมมันเปลี่ยนไปแล้ว
สมัยก่อนอาจจะหยอกล้อกันได้ เพราะคนไม่ค่อยเอาเรื่องอะไรกัน แต่สมัยนี้ ประเด็นสิทธิมนุษยชน และค่านิยมการเคารพคนอื่นมันแพร่หลายมาก สังคมเขาจะว่าเอา เวลาเห็นครูทำอะไรแบบนี้ เด็กนักเรียนก็คือคน จะไปพูดแบบนี้กับลูกคนอื่นมันไม่ใช่ครับ
โฆษณา