5 ก.ค. 2020 เวลา 23:24 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ระวังหมี‼️ Goldman Sachs คาดโอกาสเศรษฐกิจ US ฟื้นตัวแค่ 25%‼️
โดย พื้นฐานการลงทุนหมูน้อยออมเงิน
นักเศรษฐศาสตร์ คาดการณ์ว่า โอกาสการฟื้นตัวเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของอเมริกาเหลือเพียง 25% ทำให้ GDP ในปีนี้จะ -4.6% ซึ่งแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ในช่วงก่อนหน้า
นักเศรษฐศาตร์จากทาง Goldman Sach ได้ปรับลดคาดการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาลงอีกครั้ง เนื่องจากหลายรัฐนั้นได้ออกมาตรการควบคุมใหม่ๆในการต่อกรกับโคโรน่าไวรัส
ในขณะเดียวกันนั้นเอง การใช้จ่ายของผู้บริโภคนั้นมีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวในเดือนกค.และ สค.ที่จะถึงนี้
มาตรการที่เข้มงวดในแต่ละรัฐ ร่วมกับ พฤติกรรมการเว้นระยะห่างทางสังคมกำลังส่งผลกระทบสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ‼️
https://www.goldmansachs.com/insights/pages/face-masks-and-gdp.html
ผมได้ไปเจอ งานวิจัยที่น่าสนใจชิ้นนึงของ Goldman Sachs ที่เป็นการศึกษาแบบ Cross-sectional และนำมาวิเคราะห์ครับ รายงานนี้ออกเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา
ทาง Goldman Sachs ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ทางรัฐบาลกลางสหรัฐจะออกข้อบังคับให้ประชาชนทุกรัฐต้องสวมหน้ากาก
1. การประกาศข้อบังคับใช้ทั้งประเทศนั้น จะส่งผลให้ประชาชนใช้งานหน้ากากเพิ่มขึ้นหรือไม่❓
🔻Ans : การประกาศข้อบังคับให้ประชาชนใส่ mask ระดับประเทศนั้น สามารถเพิ่มจำนวนการผู้ใช้ mask ได้จริง โดยแยกออกเป็น
- รัฐที่ประกาศใช้อยู่แล้ว พบว่าประชาชนใส่ mask เพิ่มขึ้นจากเดิม 5%
- รัฐที่ไม่มีข้อกำหนดมาก่อน อัตราการใช้ mask เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว (ผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 2/3 ของผู้ติดเชื้อทั่วประเทศมาจากกลุ่มนี้ครับ)
2. การใช้งานหน้ากากที่เพิ่มขึ้นนั้นจะสามารถลดการแพร่ระบาดได้หรือไม่❓
🔻Ans : ในงานวิจัยสรุปว่า อัตราการติดเชื้อเฉลี่ยของประเทศอยู่ที่ 5.4%
ภายหลังจากการประกาศบังคับให้ประชาชนใส่ mask 10 -15 วัน พบว่า
- อัตราการติดเชื้อของรัฐที่ยังไม่เคยประกาศบังคับใช้จะลดลงไปได้ถึง 1 ใน 4 (เหลือประมาณ 1.3%)
- ส่วนรัฐที่มีการบังคับใช้ mask อยู่แล้ว จะลดการติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากเดิม 0.5% (เพราะกลุ่มนี้เค้าป้องกันได้ดีอยู่แล้ว)
-สรุป โดยรวมของประเทศ ถ้ามีการประกาศบังคับใช้ mask (US mandate) จะลดการติดเชื้อเฉลี่ย 1% จากเดิมครับ‼️
ในส่วนของอัตราการตายก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน
3. มาตรการต่างๆที่จำเป็นในการลดการแพร่ระบาดอย่าง การออกข้อบังคับเรื่องการสวมหน้ากากและการ Lock down เป็นวงกว้างนั้นจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อ GDP อย่างไร❓
🔻Ans : ทาง Goldman Sachs ได้ให้ข้อสรุปว่า เราต้องเพิ่ม ELI 16 เปอร์เซ็นของจำนวนประชากร (เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เทียบเท่ากับการออกข้อบังคับให้ประชาชนใส่หน้ากาก ที่ทำให้การติดเชื้อลดลง 1% )
มันจะส่งผลกระทบต่อ GDP ที่ 5%
*ELI = Effective Lockdown Index นั้นยังรวมหลายมาตรการด้วยกันอีกครับ เช่น ไม่สัมผัสวัตถุ การทำงานที่บ้าน การรักษาสุขอนามัยส่วนตัว ลดการสัมผัสกับนักท่องเที่ยว ไม่กินเนื้อดิบ ไม่ส่งลูกไปโรงเรียน เป็นต้น
โดยสรุป คือ ยิ่งเพิ่มมาตรการเข้มงวดเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลกระทบต่อ GDP มากเท่านั้น‼️
Licensee : พื้นฐานการลงทุนหมูน้อยออมเงิน
หลังจากที่ได้อ่านเหตุผลประกอบแล้วพบว่ามิติที่เค้ามองค่อนข้างน่าสนใจครับ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของทางอเมริกามองว่า ประโยชน์ที่ได้รับจากการ Lock Down เพียงอย่างเดียวโดยที่ไม่มีการการออกข้อบังคับให้สวมหน้ากากร่วมด้วย นั้นไม่สัมพันธ์กับการลดผู้ติดเชื้อรายใหม่ วิธีที่ลดผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้อย่างมีนัยสำคัญคือ การสวม mask ครับ (ดีกว่าวิธี social distancing และ lock down เมื่อเทียบกันตัวต่อตัว)
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่นอีกที่ไม่สามารถประเมินได้ เช่น "Super Spreader" ซึ่งทางเค้าประเมินว่า ต่อให้จัดการดีแค่ไหน ถ้าเจอ Super spreader เข้าไป ก็ต้องกลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง
ประเด็นที่น่าสนใจ สำหรับการที่สถานการณ์ในอเมริกานั้นยังไม่ดีขึ้นนั้น ปรากฏอยู่ในพฤติกรรมระหว่างที่มีการแพร่ระบาดขึ้นครับ
ในช่วงที่ผ่านมาถ้าเรายังไม่นับเรื่องกรณีการเสียชีวิตของคุณ จอร์จ ฟรอยด์ จนเป็นชนวดนำมาสู่การประท้วงครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา
ประชาชนชาวอเมริกันส่วนใหญ่นั้นไม่เข้าใจว่า การรับมือกับโรคระบาดในครั้งนี้นั้นจำเป็นที่จะต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตควบคู่ไปด้วย
ดังนั้นเราจึงได้เห็นภาพข่าวของการเหยียดชาวเอเชียที่ใส่หน้ากากเพื่อป้องกันโรค มาเป็นระยะๆ
แต่จะโทษพวกเขาทั้งหมดไม่ได้ เช่นกันครับ เพราะในเมื่อ องค์การอนามัยโลกนั้นมีการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดที่ค่อนข้างช้า กว่าที่จะมีมาตรการการควบคุมโรคอย่างเป็นระบบออกมานั้น
📈การติดเชื้อก็เพิ่มสูงขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก(WHO) ยังให้คำแนะนำออกมาอยู่เลยครับว่า "ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าการสวมใส่หน้ากากอนามัยในประชากรหมู่มาก
จะมีประโยชน์ต่อการควบคุมโรคในครั้งนี้"
ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจเลยครับ ที่ ทรัมป์ และ ประชาชนชาวอเมริกันส่วนหนึ่งจะโกรธ WHO เป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ชาวอเมริกันหลายภาคส่วนนั้นได้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันมากขึ้นแล้วเช่นกันครับ
🐽ขอย้ำว่า ขณะนี้ ภาวะเศรษฐกิจโลกกำลังมีความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆครับ‼️
*หากมีข้อผิดพลาดประการใดสามารถท้วงติงได้นะครับ
reference
โฆษณา