7 ก.ค. 2020 เวลา 14:59 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ทำไมการลงทุนในหุ้น ถึงน่าสนใจกว่า การลงทุนในทรัพย์สินอื่น ๆ ในมุมมองของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
1
การลงทุนในทรัพย์สินนั้นมีหลายอย่าง เช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ พระเครื่อง หรือแม้กระทั่ง กระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรู ซึ่งเราต่างก็หวังว่าในอนาคตมูลค่าสิ่งที่เราลงทุนไปนั้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
แต่มีการลงทุนประเภทหนึ่งที่ ดร.นิเวศ นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (VI) ได้สังเกต ประกอบกับประสบการณ์ที่ได้เห็นมาของเขา มองว่าได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในทรัพย์สินอื่น ๆ ก็คือ “ลงทุนในหุ้น” โดยให้เหตุผลดังนี้
Cr.: Money Chat
1. “การลงทุนในที่ดิน”
มีภาษีในการซื้อ-ขายที่ดิน ถ้ามีกำไร หรือแม้แต่ขาดทุน คุณก็ต้องแบ่งให้รัฐบาล ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้รับ จึงมีน้อยลง ซึ่งต่างจาก การซื้อ-ขายหุ้น คุณไม่ต้องเสียภาษีเลย
มีสภาพคล่องต่ำกว่าหุ้นมาก โดยเฉพาะในภาวะวิกฤต ในขณะที่หุ้น การซื้อขายยังมีต่อเนื่อง แม้แต่หุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำ คุณก็ยังพอทยอยขายได้บ้าง
อาจไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเกิดน้อยมาก ในขณะที่หุ้นนั้น ถ้าบริษัทที่เราลงทุนมีกำไร และถึงแม้ว่าส่วนต่างของราคาหุ้นที่คุณซื้อยังไม่ถึงจุดที่คุณจะขาย เราก็ยังรับปันผลไปเรื่อย ๆ
ใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก เราไม่สามารถกระจายการลงทุนได้ ดังนั้นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจึงค่อนข้างสูง ถ้าที่ดินที่คุณซื้อสภาพแวดล้อมแย่ลง คุณขนที่ดินหนีไม่ได้ ต้องขายในราคาต่ำอย่างเดียว
2. “การซื้อทองคำแท่ง”
ความจริง สินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลายในโลกนี้ ราคาจะไม่ค่อยขึ้นนัก เพราะความต้องการในสินค้าเหล่านี้มีเพิ่มขึ้นไม่มาก (ถ้าโลกอยู่ในช่วงภาวะปกติ) เนื่องจากเทคโนโลยีในการผลิตของโลกทันสมัยขึ้น การใช้วัตถุดิบน้อยลง เทคโนโลยีการค้นหาแร่ดีขึ้น ทำให้ผลผลิตมีเพิ่มมากขึ้น เมื่อความต้องการหรืออุปสงค์มีน้อย ขณะที่ผลผลิตหรืออุปทานมีมาก จึงทำให้ราคาขยับยาก
1
Cr.: pixabay
3. “พระเครื่อง”
พระบางองค์ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี และเป็นพระชื่อดัง อาจให้เช่ากันเป็นหลักล้าน แต่อย่างไรก็ตามคนที่มีพระดีไว้ครอบครอง มักไม่ขายหรือให้เช่าตามที่มีคนเสนอ เพราะพระนั้นมีไว้เพื่อเป็นสิริมงคล ป้องกันภัย เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเรานำมาใช้ในการลงทุน จิตใจของเราจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเมื่อเราเห็นว่าราคาตกลงไปมาก เรายังจะรู้สึกว่าพระเครื่องนั้น เป็นที่พึ่งทางใจได้อยู่หรือไม่?
Cr.: freepik
4. “การฝากเงิน”
การฝากเงินประจำ เป็นการสร้างผลตอบแทนที่มีแต่บวก ไม่มีลบ และพอกพูนทบต้นเข้าไปเรื่อย ๆ ทุกปี (ถ้าไม่ถอนออกมาก่อนครบกำหนด) ฉะนั้นถ้าคุณเป็นคนที่มีเงินเหลือจากการลงทุนนอกเหนือจากส่วนที่เป็นหุ้นแล้ว ก็น่าจะพิจารณาเก็บส่วนหนึ่งเป็นเงินฝากประจำ แทนที่จะทิ้งไว้อยู่ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ซึ่งให้ผลตอบแทนน้อยมาก
สุดท้ายแล้วการลงทุนแต่ละประเภท ย่อมมีข้อดี ข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน บางคนอาจเลือกลงทุน เพราะว่าเป็นสิ่งที่ตนเองถนัด มีประสบการณ์มามาก และทำกำไรได้สูง ถือว่า “ใครใคร่อะไรก็เลือกสิ่งที่ใคร่ครับ...”
อ้างอิง
- หนังสือตีแตก เขียนโดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
จบแล้วครับ ช่วยกดไลท์ แชร์ ติดตามเพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนบทความต่อไปด้วยนะครับ😊✌️
โฆษณา