13 ก.ค. 2020 เวลา 13:20 • ความคิดเห็น
ที่บอกไม่เซอร์ไพรส์กับกรณีล่าสุด อันนี้คือ พูดจริงๆนะคะ !!
เพราะก่อนหน้านี้ราวๆ 1 เดือนเคทได้แจ้งกับฝ่ายบริหารงานการลงทุนไว้แล้วว่า โอกาสระบาดรอบ 2 มาแน่นอน แล้วให้แจ้งกับนักลงทุนไว้ถึงความเสี่ยง ซึ่งก็ทำให้เตรียมใจและปรับสภาพกันได้ระดับนึง ไม่แพนิคมาก
ทีนี้เรื่องมันเกิดขึ้นแบบนี้แล้ว เคทคิดยังไง มีมุมมองยังไงต่อ
อย่างที่เคทออกมาพูดเสมอว่า เราไม่ต้องวิตกกังวลกันมากไปหรอก เพราะโรคนี้มันยังอยู่กับเราอีกนาน พอเห็น การตึง การตั้งการ์ดในระบบปิดกันมากไปนั้น รู้เลยว่ามันไม่ได้ช่วยอะไร หรือการันตรีอะไรเลย (หลักๆที่ต้องทำคือการป้องกันจากภายนอก) ทีนี้พอเห็นการป้องกันแบบเว่อร์วัง ปิดนู่นนี่นั่นยาวๆ เคทก็เลยเบรกตลอด เพราะอยากให้ปรับให้มันสอดคล้องกับความเป็นจริง
เคทประเมินไว้อย่างนั้น ก็ไม่ได้ว่าเก่งหรืออะไรนะคะ ก็ประเมินตามสถิติที่เกิดขึ้นกับนานาประเทศค่ะ และประเมินด้วยหลักคิดง่ายๆว่า ประเทศเราก็ไม่น่าจะเก่งหรือวิเศษอะไรขนาดที่จะกันการระบาดได้สมบูรณ์100% มันมีช่องให้พลาดกันได้อยู่แล้วค่ะ ถ้าจะพลาดก็ไม่แปลก เพราะกรณีที่ต่างประเทศระบาด ส่วนหนึ่งก็มีเคสแบบนี้เกิดขึ้นนั่นแหละ (อย่างที่ออสเป็นต้น)
ดังนั้น เคทเลยมองการตึงเกินไปของระเบียบต่างๆ(ในประเทศ เป็นเรื่องที่ไม่ได้มีสาระอะไรนัก สุดท้ายคนก็ติดกันได้ถ้ามีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นจริงๆ (แบบของนำเข้ามาไรงี้ก็ยากที่จะตรวจสอบ หรือไวรัสมันกลายพันธุ์ อยู่ในอากาศได้นานขึ้น ซึ่งมันก็เป็นทั้งโลก) แต่จะติดมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง และที่สำคัญโรคนี้ก็รักษาได้ คนที่ตายไม่ได้เยอะมาก ที่เยอะก็เพราะมีโรคแทรกซ้อนจริงๆ แล้วคนกลุ่มนี้ ถ้าพูดตรงๆคือติดไข้หวัดใหญ่ก็ยังมีโอกาสเสียชีวิตได้เลยค่ะ เราก็ต้องดูแฟคจริงๆที่มันเกิดขึ้น
ดังนั้น ถ้า...ย้ำเลยว่า ถ้าเกิดการระบาดรอบนี้รัฐก็เลิกไซโคคนได้แล้ว และให้ทุกคนก็ใช้ชีวิตปกติไปค่ะ กิจการต่างๆก็เปิดปกติต่อไปนั่นแหละ เปิดเถอะต่อให้ระบาดรอบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องล็อคดาวน์หรือปิดกิจการอะไรหรอก เพราะแค่ใส่แมสก์ล้างมือ แค่นั้นแหละก็พอแล้ว เรื่องเชคอินอะไรพวกนั้น สุดท้ายมันก็ไม่มีประโยชน์จริงๆ เว้นระยะห่างอะไร ก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้มีผลอะไรนัก แล้วจะทำไปทำไม จริงไหม ? เพราะทำไปก็ยังมีคนติดเชื้ออยู่ดี แล้วถ้าไม่มีคนติดก็ยิ่งไม่จำเป็นต้องทำ งงป่ะ
แต่...แล้วถ้ามีคนติดเกิดขึ้น สิ่งที่อยากจะขอ คือ วิธีการควรปรับใหม่ คือ รัฐก็แค่ต้องช่วยจ่ายค่าชดเชยค่ะ ชดเชยให้สมน้ำสมเนื้อกับความบกพร่องของรัฐ แต่ถ้ารัฐรู้สึกว่าไม่ใช่ภาระหน้าที่ของรัฐเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องดูแลตัวเอง รัฐก็ควรคืนสิทธิ์นั้นมาค่ะ แล้วเดวเราจะดูแลกันเอง น่าจะง่ายกว่า เลิกสั่งการอะไรที่ไร้ประสิทธิภาพได้แล้วค่ะ
มิ้วติ้วนะ
โฆษณา