15 ก.ค. 2020 เวลา 03:47
ขายของกินต้องหิวก่อน
ผมเคยฟังเรื่องเซลล์ขายโทรทัศน์เรื่องหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มีพี่ที่เป็นดีลเลอร์ขนาดกลางคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ตอนที่เขาจะรับเซลล์เพิ่มนั้นเขามีไอเดียว่าอยากได้เซลล์ที่เก่งๆจากบริษัทใหญ่เพราะน่าจะมีความเชี่ยวชาญกว่า มีทักษะที่ดีกว่าเพราะผ่านการเทรนเป็นระบบและน่าจะมีลูกค้าในมือติดไม้ติดมือมาด้วย แล้วเขาก็รับมาหนึ่งคนด้วยเงินเดือนที่ต้องทุ่มซื้อตัวมา ตอนนั้นในรุ่นที่รับมาก็มีเซลล์จากดีลเลอร์ที่เล็กมากๆมาด้วยอีกหนึ่งคนเงินได้ไม่ได้สูงอะไร ในใจก็คิดว่าเซลล์ที่มาจากบริษัทใหญ่น่าจะขายถล่มทลายนำยอดขายใหม่ๆมาให้ แต่ไม่ได้คาดหวังอะไรนักจากเซลล์จากบริษัทเล็ก
แต่ผ่านไปสองสามเดือน ผลดันออกมาตรงกันข้าม เซลล์บริษัทใหญ่ขายไม่ดีเลย เอาแต่บ่นโน่นตินี่ แต่เซลล์บริษัทเล็กนั้นกลับทำยอดขายได้ดีมาก ดูตื่นเต้น ขยันและพลังงานสูงมากเหมือนคนถูกลอตเตอรี่ ดูคึกคักตลอดเวลา เจ้าของเล่าให้ผมฟังว่า พอไปสังเกตจริงๆเลยพบว่าเซลล์ที่มาจากบริษัทใหญ่นั้นมาจากที่ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือครบ มีโปรแรงๆตลอดเวลา พอเห็นโปรเบาๆของพี่ดีลเลอร์เช่นซื้อโทรทัศน์แถมหม้อหุงข้าว เซลล์คนนั้นก็บ่นแหลกว่าแต่ก่อนอยู่บริษัทใหญ่ต้องแจกทอง ต้องมีทริปสะสมไปต่างประเทศ แถมแค่นี้จะไปขายอะไรได้ พี่เจ้าของก็จินตนาการออกเลยว่าเวลาเซลล์คนนี้ไปหาลูกค้าก็คงหน้าตาเบื่อๆ ไปบ่นให้ลูกค้าฟังแบบซังกะตายว่าแถมแค่นี้นะพี่ พร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แบบไม่ค่อยอยากขายด้วยความอาย
แต่เซลล์ที่มาจากบริษัทเล็กมาก เห็นกระติกน้ำแล้วเหมือนเห็นทองคำเพราะแต่ไหนแต่ไรขายของไม่เคยมีของแถม พอมีอาวุธติดไม่ติดมือก็เลยคึกมาก จินตนาการได้เหมือนกันว่าเวลาไปเจอลูกค้าก็คงหน้าตาตื่นเต้นเหมือนแจกทอง คงพูดจนลูกค้าเคลิ้มแบบตัวเองก็เชื่อจริงๆว่าของแถมนี้สุดยอดมาก ด้วยความอยากขายขนาดนั้นก็เลยทำให้ยอดขายต่างกับเซลล์บริษัทใหญ่แบบฟ้ากะเหว
……..
ที่ผมนึกถึงเรื่องนี้เพราะว่าเมื่อวันก่อนฟังบังฮะซัน ยอดนักขายอาหารทะเลผู้โด่งดังมาหลายครั้ง และครั้งล่าสุดในรายการนิ้วกลมสนทนา บังฮะซันเล่าถึงเทคนิคการขายต่างๆที่น่าสนใจหลายอย่าง แต่ที่ตอบคำถามผมมากว่าทำไมบังฮะซันดูมีพลังดูเรียลมากๆเวลาขายของ บังฮะซันบอกเทคนิคอันหนึ่งไว้ว่าก่อนจะไลฟ์ขายอาหารทะเลนั้น บังจะปล่อยให้หิวมากๆแล้วมากินพร้อมกับคนดู ทำให้มีความอยากกินจริงๆออกมาทางสีหน้า แววตา คำพูด และอาการ ก็เลยดูน่ากินไปหมดจนหลายคนต้องรีบสั่งทันที
ความ “อยาก” ที่จะขาย หรือ “อยาก”ที่จะทำอะไรก็ตามนั้นเป็นต้นทางของการสร้างความแตกต่างได้ดีมากๆ พอมีความเชื่อที่เกิดจากความอยากแล้ว พลังแห่งความรู้สึกนั้นมันส่งสาส์นไปสู่ผู้ฟังตรงหน้าอย่างรู้สึกได้จนเปลี่ยนของธรรมดาหลายอย่างให้เป็นของวิเศษที่ดูน่าตื่นเต้นไปได้แม้กระทั่งอุดม แต้พานิชก็ยังเคยสรุปเคล็ดลับของการเดี่ยวไมโครโฟนไว้ในเรื่องนี้เช่นกัน โดยอุดมบอกว่า
“อย่างอื่นไม่มีก็ได้ แต่ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือความอยากจะเล่า ถ้าไม่ใส่ความปรารถนาอย่างแรงกล้าเข้าไป มันก็จะเป็นงานธรรมดาที่ไม่จับใจคน”
1
เลยมาชวนคิดว่า…..แล้วเราจะสร้างความ “อยาก” ในงานที่เราทำกันอย่างไรดีครับ..
โฆษณา