5 ส.ค. 2020 เวลา 05:00
10 จุดกำเนิดของสรรพสิ่ง
จาก ‘เอกภพ’ ถึง ‘กระดาษโพสต์อิต’
ปริศนาแห่งจักรวาลเป็นสิ่งที่มนุษย์ใคร่ค้นหาคำตอบมาตลอด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า
โลกของเราและเรื่องกระจุกกระจิกของมนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลอันมหึมา
เช่นกัน การจะรู้จักกับตัวเราและเอกภพได้ ก็ต้องรู้จักกับจุดกำเนิดของสรรพสิ่งเสีย
ก่อน วันนี้สำนักพิมพ์ยิปซีขอพาผู้อ่านไปสำรวจ 10 จุดกำเนิดตั้งแต่เอกภพเมื่อหลายหมื่นล้านปีก่อนไปจนถึงกระดาษโพสต์อิตแผ่นกระจ้อยบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของ
คุณ
1.กำเนิดเอกภพ 13.8 พันล้านปีก่อน
เดิมทีนักวิทยาศาสตร์ยังเชื่อกันว่าเอกภพนั้นเป็นนิรันดร์และไม่มีขอบเขตสิ้นสุด
แต่หลักฐานการขยายตัวของเอกภพ กาแล็กซีเคลื่อนตัวห่างกันเรื่อยๆ และ
รังสีไมโครเวฟที่แผ่ไปทั่วทุกหนแห่งในอวกาศ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต่างเห็นตรงกันว่า เอกภพนั้นต้องเคยมีขนาดเล็กกว่านี้และมีจุดกำเนิดที่แน่นอน และพวกเขาได้ข้อ
สรุปจากการคำนวณการเคลื่อนที่และอัตราการขยายตัวว่า
จุดเริ่มต้นของเอกภพจะต้องมาจากการระเบิดขยายตัวอย่างฉับไวและรุนแรงที่เรียก
ว่า ‘บิ๊กแบง’ (Big Bang) เมื่อ 13.8 พันล้านปีที่แล้ว หลังจากนั้นสสารและพลังงาน
ที่กระจายออกมาจึงค่อยๆ รวมตัวกันเป็นดาว กาแล็กซี และมวลสารที่ล่องลอย
แต่คำถามว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนบิ๊กแบงยังคงเป็นปริศนาลึกลับอยู่
2.กำเนิดโลก 4,500 ล้านปีก่อน
เมื่อดวงอาทิตย์ถือกำเนิดขึ้น สสารและอนุภาคฝุ่นต่างๆ ได้ถูกแรงดึงดูดของ
ดาวฤกษ์ยักษ์พัดวนจนกลายเป็นแผ่นจานขนาดมหึมาล้อมรอบ ระหว่างที่เศษฝุ่น
โคจรไปรอบดวงอาทิตย์ ก็เริ่มจับตัวกันกลายเป็นก้อนแข็งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่า
‘พลาเนเตซิมัล’ (planetesimal) เมื่อพลาเนเตซิมัลจับตัวก้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
ก็เติบโตเป็นดาวเคราะห์ขึ้นมา และกลายมาเป็นดาวบริวารในระบบสุริยะ รวมถึง
โลกของเรา
1
โลกในยุคแรกเป็นดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยหินหลอมเหลวและภูเขาไฟลุกโชน
มีอุกกาบาตตกลงมาตลอดเวลา อุณหภูมิก็สูงมาก มีฟ้าแลบอยู่ตลอดจนสภาพของ
โลกในยุคนี้ถูกเปรียบกับนรก ต้องใช้เวลาราว 400 ล้านปีก่อนอุณหภูมิจะลดลง
และเกิดมหาสมุทรขึ้น
2
3.กำเนิดชีวิต 3,500 ล้านปีก่อน
ในยุคที่ทั่วโลกยังปกคลุมไปด้วยมหาสมุทรใหญ่โตมโหฬารและเต็มไปด้วยภูเขาไฟ แต่คาดว่าจุดกำเนิดของทุกชีวิตบนโลกที่แท้จริงนั้นลึกลงไปถึงก้นสมุทร และแหล่ง
ปูมฟักชีวิตแรกนี้คือปล่องน้ำร้อนก้นสมุทร
ปล่องน้ำร้อนนี้เกิดจากรอยแตกบนเปลือกโลกใต้ก้นสมุทร น้ำทะเลที่ไหลลงไปใน
ปล่องจะถูกความร้อนจากแมกมาใต้เปลือกดันขึ้นมาด้วยอุณหภูมิที่สูงในสภาพที่
เป็นด่าง แร่ธาตุอันอุดมสมบูรณ์รอบผนังปล่องถูกดันขึ้นมาเช่นกัน
ทั้งธาตุคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน ไฮโดรเจน ฟอสเฟต ไนโตรเจน แอมโมเนีย และ
ธาตุโลหะต่างๆ มากระจุกกันในน้ำที่มีอุณหภูมิและสภาพกรด-ด่างเหมาะกับการทำปฏิกิริยาทางเคมีกันจนเกิดเป็นโปรตีน กรดอะมิโน และ อาร์เอ็นเอ อันเป็น
องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตขึ้นมา จากนั้นองค์ประกอบเหล่านี้ก็พัฒนามากขึ้น
จนรวมตัวเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว และวิวัฒนาการต่อมาเรื่อยๆ จนกลายเป็น
ชีวิตทั่วโลก
4.กำเนิดชีวิตบนบก 480-380 ล้านปีก่อน
ฟอสซิลพืชและเห็ดราเริ่มขึ้นมาบนบกและแพร่ขยายพันธุ์ไปทั่วจนแผ่นดินกลายเป็นพื้นที่เขียวชอุ่ม เพียงไม่กี่สิบล้านปีต่อมา สัตว์ขาปล้องก็เริ่มตามขึ้นมาบนบกพร้อม
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังกลุ่มอื่น แต่ทุกอย่างต้องเปลี่ยนไปเมื่อ 400 ล้านปีก่อน
ปลาบางกลุ่มได้พัฒนาครีบพิเศษที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและปอด พวกมันสามารถ
ขึ้นบกเพื่อข้ามไปยังอีกแหล่งน้ำหนึ่งได้ นานวันเข้าปลาเหล่านี้ก็ปรับตัวกับชีวิตบน
บกได้มากขึ้นจนเกิดเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และวิวัฒนาการต่อเป็นสัตว์เลื้อยคลาน
และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในภายหลัง
5.กำเนิดมนุษย์ 2.3 ล้านปีก่อน
โฮโม ฮาบิลิส (Homo habilis) ถือเป็นวานรสกุล ’โฮโม’ กลุ่มแรก มีอยู่ชีวิตอยู่เมื่อ 2.3 ล้านปีก่อน หากจะพูดอย่างเข้าใจง่ายก็คือโฮโม ฮาบิลิสนี่เองที่ถือเป็นต้นกำเนิดที่เก่าแก่ที่สุดของสายพันธุ์ของมนุษย์ แม้จะมีลักษณะหลายอย่างคล้ายคลึงกับ
‘ออสตราโลพิเธคัส’ (Australopithecus) ที่เป็นบรรพบุรุษที่เก่าแก่กว่าและมีรูปร่างลักษณะคล้ายชิมแปนซี แต่โฮโม ฮาบิลิสกลับมีพัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมที่ต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด
มนุษย์ยุคแรกเหล่านี้ผลิตเครื่องมือทำจากหิน โดยนำมากระเทาะเป็นรูปทรงต่างๆ
เพื่อการใช้งานที่เหมาะสม อีกหลักฐานยังพบว่ามนุษย์ดึกดำบรรพ์กลุ่มนี้ยังรู้จักสร้างกระท่อมแบบง่ายๆ ด้วยหิน ไม้ และหนังสัตว์ด้วย นักมานุษยวิทยาจึงจัดให้ยุคของ
โฮโม ฮาบิลิสเป็นจุดเริ่มต้นของยุคหินเก่า (Paleolithic)
6.กำเนิดเมือง 11,000 ปีก่อน
มนุษย์สมัยใหม่เริ่มเดินทางออกจากแอฟริกาเมื่อ 8 หมื่นปีก่อน จุดแวะพักแรกของ
พวกเขาคือตะวันออกกลาง นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนครแห่งแรกของโลกจึงถือ
กำเนิดขึ้นในภูมิภาคแห่งนี้ สังคมเมืองนั้นเกิดขึ้นได้เพราะมนุษย์รู้จักการทำกสิกรรมขึ้น ทำให้มีอาหารเพียงพอที่จะรองรับประชากรใหญ่ขึ้น นานวันเข้า ประชากรกลุ่ม
อื่นในละแวกใกล้เคียงก็เริ่มย้ายเข้ามาในชุมชนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเมือง
ในที่สุด
เมืองที่เก่าแก่ที่สุดคือ ‘เจริโค’ (Jericho) ในประเทศจอร์แดนปัจจุบัน มีหลักฐานการเริ่มตั้งชุมชนในบริเวณเมืองตั้งแต่ 11,000 ปีที่แล้ว รอบตัวเมืองยังพบร่องรอยของ
กำแพงทำจากอิฐ บ้านเรือนทำจากอิฐและดินเหนียว คาดว่ามีผู้อาศัยในนครโบราณแห่งนี้มากถึง 2-3 พันคน แม้ในปัจจุบันเมืองเจริโคยังมีผู้คนอาศัยอยู่
7.กำเนิดสุราเมรัย 9000-5500 ปีก่อน
มนุษย์อาจค้นพบการหมักแอลกอฮอล์ในเวลาไล่เลี่ยกับการทำเกษตร เกษตรกรใน
ยุคแรกๆ อาจค้นพบแอลกอฮอล์โดยบังเอิญเมื่อธัญพืชที่พวกเขาเก็บไว้มีเชื้อยีสต์
เข้ามากัดกินจนส่งกลิ่นยียวนชวนแปลกใจ ปฏิกิริยาที่เกิดจากการหมักยังเป็นตัว
ช่วยถนอมอาหารอีกด้วย มนุษย์จึงเริ่มนำข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ส่วนเกินมาหมักเพื่อ
ความสะอาดในยุคที่สุขาภิบาลยังไม่พัฒนามากนัก
แต่นอกจากเพื่อสุขอนามัยแล้ว ฤทธิ์มึนเมาของมันยังช่วยสร้างความบันเทิงให้ผู้ดื่มด้วย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จึงกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในวัฒนธรรมแทบทั้งโลก
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุถึง 9 พันปี ถูกค้นพบในประเทศจีน ส่วน
ผสมของมันทำจากข้าวสาลี องุ่น และน้ำผึ้ง ส่วนไวน์องุ่นที่เก่าแก่ที่สุดถูกค้นพบใน
อิหร่าน ไวน์อายุ 7 พันปีนี้หมักจากองุ่นและลูกเกดอย่างดี
8.กำเนิดกระดาษชำระศตวรรษที่ 6, ช่วงปี 1857
มีบันทึกว่า ชาวจีนนำกระดาษมาใช้เช็ดก้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 6 แล้ว โดยบางครั้งอาจนำกระดาษเอกสารที่เหลือทิ้งมาใช้ หรือแม้แต่กระดาษที่ผลิตมาเพื่อเช็ดก้นโดย
เฉพาะ จักรพรรดิหงอู่ ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิงก็ยังเคยสั่งซื้อกระดาษชำระ
อบร่ำแบบอ่อนนุ่มพิเศษถึง 15,000 แผ่นสำหรับใช้ในกิจส่วนตัวของราชสำนัก
ส่วนกระดาษชำระพาณิชย์ที่เรารู้จักในปัจจุบันถือกำเนิดขึ้นในปี 1857 เมื่อ โจเซฟ กาเยตตี(Joseph Gayetty) ได้ประกาศโฆษณาลงหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ใหม่ นั่นคือ ‘กระดาษชำระเคลือบยา’ (Gayetty Medicated Paper) สำหรับเช็ดก้นหลังเสร็จกิจ แม้จะมีเสียงหัวเราะเยาะต่อกระดาษชำระ แต่บุคลากรทางการแพทย์ กลับนำแนวคิดของกาเยตตีไปใช้ ใครจะรู้ว่าอีกไม่กี่ทศวรรษต่อมา สิ่งประดิษฐ์ของ กาเยตตีจะกลายเป็นของสำคัญที่ผู้คนขาดไม่ได้เวลาต้องปลดทุกข์
9.กำเนิดคีย์บอร์ด QWERTY ปี 1872
กล่าวได้ว่าคีย์บอร์ดมาตรฐานโลกในปัจจุบันคือคีย์บอร์ดที่มีอักษรละตินเรียงแบบ QWERTY ต้นกำเนิดของแป้นพิมพ์ที่เราใช้กันนี้มาจากศตวรรษที่ 19 เมื่อ
นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน 3 คน คริสโตเฟอร์ ลาแธม โชลส์
(Christopher Latham Sholes) ซามูเอล โซล (Samuel Soule) และ
คาร์ลอส กลิดเดน (Carlos Glidden) ได้ออกแบบเครื่องพิมพ์ดีดขึ้นมา แต่สิ่งที่น่า
แปลกใจคือทำไมตัวอักษรถึงได้เรียงกันมั่วซั่วจนต้องนั่งหาก่อนจะจิ้มนิ้วลงไปบน
แป้นพิมพ์แทนที่จะใช้พิมพ์สัมผัสได้ทันที มีคำอธิบายว่ามันเป็นการนำคีย์บอร์ดดั้ง
เดิมของเปียโนมาเรียงใหม่และสุ่มบางส่วนขึ้น
อีกตำนานก็เล่าว่าการเรียง QWERTY ทำให้เซลส์แมนสามารถพิมพ์คำว่า
“TYPE WRITER QUOTE” ได้อย่างรวดเร็วเพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้า บ้างก็ว่าเป็นการสุ่มตัวอักษรเพื่อให้นักพิมพ์ดีดช้าลง เพราะเครื่องพิมพ์ดีดของพวกเขา
ติดขัดได้ง่าย แต่ก็ยังไม่มีอะไรมายืนยันข้อนี้ แม้ว่าคู่แข่งจะออกแบบคีย์บอร์ดที่
‘เมคเซนส์’ กว่านี้หลายเจ้า แต่กลับไม่มีใครสามารถตีตลาดได้เหมือน QWERTY
อีกแล้ว บางทีการจัดเรียงแป้นพิมพ์แบบนี้อาจไม่มีเหตุผลอะไรก็ได้ การจะเปลี่ยน
ระบบใหม่ทั้งโลกก็เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
10.กำเนิดกระดาษโพสต์อิต ปี 1977-1980
‘กระดาษโพสต์อิต’ (Post-It) เป็นหนึ่งในความบังเอิญของการค้นพบที่แทบจะไม่
เกี่ยวข้องกับกระดาษ ต้นกำเนิดของมันมาจาก นาย ‘สเปนเซอร์ ซิลเวอร์’
(Spencer Silver) แห่งบริษัท 3M ได้พยายามพัฒนากาวเหนียวแน่นชนิดพิเศษขึ้น
มา แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นกาวฤทธิ์เบาบางที่สุด แต่มีความพิเศษตรงที่มันไวต่อแรงดัน สามารถติดกับพื้นผิวและวัตถุต่างๆ ได้ด้วยการใช้แรงกดเบาๆ เท่านั้น ไม่ต้อง
ใช้น้ำ หรือตัวทำละลายชนิดอื่นให้วุ่นวาย สามารถดึงออกได้ง่ายโดยไม่ทำความ
เสียหายให้พื้นผิว และยังคงรักษาความเหนียวไว้ได้นานด้วย
ในปี 1974 นายอาร์เธอร์ ฟราย (Arthur Fry) ได้ฟังถึงผลงานกาวชนิดใหม่ของซิล
เวอร์ ด้วยความที่เขาไปโบสถ์ประจำ และมักมีปัญหาเรื่องที่คั่นหนังสือชอบร่วงจาก
หนังสือเพลงนมัสการ ฟรายจึงเกิดแนวคิดที่จะนำกาวมาติดกับที่คั่นหนังสือแทน
แนวคิดนี้ถูกต่อยอดด้วยการออกแบบกระดาษโน้ตอเนกประสงค์ที่ใช้งานซ้ำได้ ส่วนกระดาษสีเหลืองที่ติดตานั้นมีที่มาจากเศษกระดาษเหลือสีเหลืองในออฟฟิศของ
ฟรายที่ใช้ทดลองก่อน
ปี 1977 บริษัท 3M ก็เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ‘Press ’n Peel’ ขึ้น แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาจึงแจกตัวอย่างทดลองใช้ฟรี และเปลี่ยนชื่อมันเป็น ‘Post-It’ และวางแผงจนดังไปทั่วโลกในปี 1980 จนถึงปัจจุบัน
เรื่อง อันโตนิโอ โฉมชา
ภาพประกอบ เพ็ญนภา บุปผาเจริญสุข
โฆษณา