17 ก.ค. 2020 เวลา 23:39 • ข่าว
โจทย์อะไรท้าทายทีมเศรษฐกิจใหม่ลุงตู่
หลังการประกาศลาออกของกลุ่มสี่กุมาร และรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ ทำให้เกิดคำถามดังขึ้นมาว่า "นายกฯลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา จะเดินเกมต่อไปอย่างไร โดยเฉพาะการปรับทีมเศรษฐกิจ
ซึ่งแน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลคงเตรียมถล่มผู้ที่นายกฯเลือกมารับตำแหน่งเพื่อนำทัพกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศค่อนข้างแน่ หากว่าบุคคลที่เลือกนั้นดูแล้วไม่เก่งพอ
หนึ่งใน "คนการเมือง" ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานที่ผ่านมาของรัฐบาล คือ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ให้สัมภาษณ์กับเนชั่นทีวี ผ่านช่วงจับกระแส ในรายการเก็บตกจากเนชั่นภาคเที่ยง ว่า ส่วนตัวแล้วมองว่าหลังการ ปรับครม.ครั้งนี้ โจทย์ที่ท้าทายมากที่สุดของทีมเศรษฐกิจใหม่คือ การรับมือกับความล่มสลายของเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งถ้าสามารถปรับเปลี่ยนให้เร็วตามสถานการณ์ก็จะพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้
ยกตัวอย่างในปี 2003 เป็นช่วงที่โรคซาร์ระบาดหนักในจีน แต่ธุรกิจของ "อาลีบาบา" กลับเติบโตมาก ทำให้เห็นว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสตาร์ทอัพ ระบบโลจิสติกส์ จะสามารถไปได้ไกล รวมไปถึงการมองหาจุดแข็งที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว เช่น อาหาร การรักษาพยาบาล และการท่องเที่ยว หากเราทำให้ไทยกลับมามีความน่าเชื่อถือเป็น "Trust Economy" หรือ "เศรษฐกิจที่เชื่อถือได้" เราก็จะรอดและก้าวไปข้างหน้าได้
นอกจากนี้สิ่งที่ควรปรับคือ ระบบราชการที่ถือว่ายังล้าหลัง เพราะหากมีไอเดียดีๆ แต่ระบบราชการล้าหล้ง ผลลัพธ์ก็เท่าเดิม
ส่วนการลาออกของกลุ่มสี่กุมารและอดีตรองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นั้น นายอรรถวิชช์ มองว่าไม่ใช่เพราะทำงานไม่ดี แต่ด้วยความที่ก่อนหน้าจะเกิดวิกฤตโควิด ไทยเองก็ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างตะวันตกและตะวันออกมาก่อน ทำให้ทำงานยาก
ส่วนตัวมองว่าเหตุผลที่ทั้ง 5 คนลาออกเป็นเพราะเรื่องการเมืองเป็นหลัก เพราะแรงกระเพื่อมภายในกันเองของพรรคพลังประชารัฐเองต่างหาก
เลขาธิการพรรคกล้า ยังบอกอีกว่า การจะเป็นทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ควรทำได้ทั้ง "บุ๋น" และ "บู๊" และต้องเป็นคนที่นายกรัฐมนตรีไว้วางใจได้ ทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะหากเกิดการระหองระแหงกันกับนายกฯ ก็จะส่งผลถึงนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจนในอนาคต อย่าลืมว่ากลุ่มสี่กุมาร คือ ผู้ที่เริ่มก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ และเป็นคนนอกวงการการเมืองที่มีความสามารถ แต่ก็ยังอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นคำถามสำคัญก็คือ หากนำคนนอกเข้ามานำทัพเศรษฐกิจ จะสามารถทนแรงเสียดทานทางการเมืองเดิมได้หรือไม่
นายอรรถวิชช์ ย้ำว่า ห้วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาที่ตำแหน่งรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ และ รมว.คลัง มีความสำคัญมาก เพราะงบประมาณปี 2564 จำนวน 3.3 ล้านล้านบาท อยู่ในระหว่างการพิจารณา บวกกับเงินกู้อีก 1 ล้านล้านบาท ทำให้ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยมีงบลงทุนสูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา หากพลาดไปเมื่อไหร่ แปลว่าเราจะมีหนี้หัวโต แต่ถ้าใช้ถูกทาง ประเทศก็จะดีขึ้น
ฉะนั้นหลังจากนี้จับตาการเปิดเผยชื่อผู้ที่จะมาทำงานบริหารเศรษฐกิจ จะเก่ง เด่น ดัง เก๋า จนสามารถชนะใจประชาชนได้หรือไม่
โฆษณา