26 ก.ค. 2020 เวลา 23:00
#เมื่อจิตเลื่อมใส บุญที่ว่าน้อยไม่มี
“ มีโยมผู้หญิงท่านหนึ่งเข้ามากราบหลวงปู่บอกว่า มาทำบุญแถวอีสาน (เธอเป็นเจ้าของบริษัทที่มีตราเป็นดอกไม้) แล้วกราบเรียนถามหลวงปู่ถึงสถานะการณ์ปัจจุบัน ที่เธอกำลังทุกข์ใจ
โยม : หลวงปู่เจ้าขา โยมทำบุญสนับสนุนกิจการพระศาสนาทุกอย่าง ตั้งแต่นิมนต์พระมาเทศน์ที่บริษัท ถวายรถ ถวายของ ถวายปัจจัย หลงเชื่อว่าพระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ตามที่เค้าโฆษณากัน แต่พอเรื่องจริงกลับเป็นเพียงคนในผ้าเหลืองที่เอาสวรรค์มาขาย นิพพานมาล่อ เพื่อความสุขสบายของตนเอง อย่างนี้โยมจะได้บุญหรือไม่เจ้าค่ะ แล้วโยมจะเป็นบาปที่สนับสนุนเขาทำความชั่วรึเปล่า
หลวงปู่ : เหอะๆ เจ้าคิดมากไปรึเปล่า
โยม : ก็นั้นสิเจ้าค่ะโยมจึงทุกข์เหลือเกิน กลัวบุญที่ทำไปไม่ได้บุญ กลัวบาปที่ทำโดยไม่รู้ตัว
1
หลวงปู่ : ตอนถวายเขาไปนั้นมีความคิดยังไง
โยม : ก็ศรัทธาท่านเจ้าค่ะ ถึงทุ่มเทถวาย
หลวงปู่:คุณ ฉันอาศัยคำพระพุทธเจ้าดอกนะ ท่านว่า นัตถิจิตตังปะสันนัมหิ อัปกานามะปะทักขิณา แปลว่า เมื่อจิตของคุณเลื่อมใสแล้วบุญที่ชื่อว่าน้อยย่อมไม่มี ตอนที่คุณถวายคุณมีศรัทธามาก นั้นเป็นเรื่องอดีต บุญที่เกิดขึ้นในอดีตมันเป็นบุญมหาศาลแต่ปัจจุบันคุณเสื่อมศรัทธาจากท่านแล้วมันเป็นปัจจุบันไม่ใช่อดีต เรื่องแล้วก็แล้วกันไป เป็นบุญแล้วเราไม่แก้ไขแล้ว ส่วนการสนับสนุนเขาทำบาปไหม อย่างนั้นยาสีฟันชุดนี้ที่โยมถวายมาโยมก็เอาคืนไป
โยม :โยมไม่เอาคืนหรอกเจ้าค่ะ เพราะโยมถวายหลวงปู่แล้วนี่ เป็นของหลวงปู่แล้ว
หลวงปู่ : เอ้า..ก็คุณถวายมาแล้วอาตมาจะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของอาตมานี่ จะให้คืนโยมก็เป็นสิทธิ์ของอาตมา ถ้าคุณถวายมาแล้วยังตามมาบอกอาตมาว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ก็แสดงว่ามันยังเป็นของคุณอยู่ มันยังไม่ใช่ของอาตมา ของที่คุณถวายไปแล้วมันเป็นบุญแล้ว คนที่รับเขาจะเอาไปทำบาปหรือทำบุญมันเป็นเรื่องของเขา เราให้แล้วเราได้บุญแล้วขาดจากความเป็นเจ้าของของเรา เขาจะเอาไปทำดีมันก็ดีแก่เขา เอาไปทำชั่วมันก็ชั่วแก่เขา
1
ในสมัยหนึ่งพระเจ้าพรหมทัตใส่บาตรพระวันละ500รูป ท่านทำของท่านประจำ มีขี้เมาคนหนึ่งอยากหาอาหารง่ายๆจึงโกณหัวห่มผ้าเหลืองไปบิณฑบาต พระเจ้าพรหมทัตได้เห็นก็ศรัทธามากเหลือเกิน เพราะพระรูปนี้หน้าแดงเหมือนลูกตำลึง ดูราศรีเปล่งปลั่ง ก็ศรัทธาน้อมถวายอาหาร แล้วสั่งให้อำมาตย์ติดตามไปดูว่าท่านเป็นมนุษย์หรือเทวดา
1
เพราะราศรีท่านผ่องใสเหลือเกิน ถ้าท่านเหาะไปแสดงว่าท่านเป็นเทวดา ถ้าท่านดำดินแสดงว่าท่านเป็นนาคราช ถ้าท่านเดินออกนอกเมืองแสดงว่าท่านเป็นมนุษย์หรือพระอรหันต์ อำมาตย์ก็ติดตามไปพบว่าพระรูปนั้นเปลื้องจีวรออกแล้วไปกินเหล้า เห็นดังนั้นก็กลัวพระราชอาญาจึงไปกราบทูลว่า พระรูปนั้นเหาะไปพระเจ้าข้า โอ้ได้ยินดังนั้นพระเจ้าพรหมทัตก็ยินดีมาก ปีติจนขนพองสยองเกล้า น้ำตาไหลออกด้วยความดีใจ จากนั้นยิ่งถวายใส่บาตรพระวันละ1000รูป พอพระเจ้าพรหมทัตสวรรคตไม่มีใครสืบราชบัลลังค์ต่อ
ชาวเมืองจึงยกอำมาตย์คนสนิทให้เป็นพระราชาแทน พระเจ้าพรหมทัตองค์ใหม่ก็ยังใส่บาตรพระวันละ1000รูปเหมือนเดิม วันหนึ่งมีพระรูปหนึ่ง หน้าแดงยังกับลูกตำลึงสุก ผิวพรรณเปล่งปลั่งมารับบาตรด้วย พระเจ้าพรหมทัตองค์ใหม่ก็นึกเฉลียวใจ จึงให้คนตามไปดูโดยอ้างตำราพระราชาองค์ก่อน พอพระท่านเดินไปที่ลับตาคนท่านก็เหาะขึ้นฟ้าแล้วหายไป
คนตามไปดูก็กลับมารายงานว่าพระเหาะพระเจ้าข้า พระราชาแทนที่จะดีใจกลับโกรธเป็นฟื้นเป็นไฟหาว่าเขาโกหกตนจึงสั่งเอาตัวไปประหารแล้วเลิกใส่บาตรพระตั้งแต่วันนั้น คุณว่าพระราชาองค์เก่ากับองค์ใหม่องค์ไหนไปสวรรค์องค์ไหนไปนรก
โยม.องค์เก่าไปสวรรค์ องค์ใหม่ไปนรก เจ้าค่ะ
หลวงปู่ : เออ จะให้ตัวคุณไปสวรรค์หรือนรกหล่ะ
โยม : สาธุๆๆๆเจ้าค่ะหลวงปู่ เจ้าค่ะ โยมจะไปสวรรค์เจ้าค่ะ กราบๆๆๆๆๆ “
หลวงปู่หา สุภโร
โฆษณา