18 ก.ค. 2020 เวลา 13:07 • ความคิดเห็น
เตรียมก่อนปัญหาเกิด
โดย
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
https://m.foodingredientsfirst.com/news/chinas-agritech-acceleration-could-spell-dramatic-shifts-for-global-food-chains.html
วันนี้ผมมาบรรยายเรื่องฟาร์มแลนด์ ขากลับกรุงเทพฯ ลูกชายกับลูกสะใภ้ชาวจีนของผมคุยอะไรให้ฟังบานเบอะเยอะแยะ โดยเฉพาะเรื่องเกษตรอัจฉริยะที่กำลังทำกันในจีน
ความที่มีประชากรมากถึง 1.4 พันล้านคน รัฐบาลจีนจึงต้องมุ่งมั่นให้มีการผลิตอาหารมากขึ้นกว่าในปัจจุบัน เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนคนทั้งประเทศ
รัฐบาลจีนมุ่งมั่นกับเกษตรอัจฉริยะ เป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำเกษตร เดี๋ยวนี้แทบจะไม่เห็นเกษตรกรจีนถือสายสูบน้ำรดน้ำต้นไม้แล้ว มีการพัฒนาแม้แต่การตั้งเวลารดน้ำต้นไม้ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด และเฉพาะจุด ไม่ใช้น้ำสะเปะสะปะ ท่อน้ำลงไปจ่ายน้ำถึงราก
การให้ปุ๋ยของเกษตรกรจีนก็ไม่ใช่หว่านไปทั้งแปลงเหมือนเดิม มีเทคโนโลยีที่บอกถึงการขาดธาตุอาหารตรงส่วนไหน เท่าใด ทำให้การใส่ปุ๋ยของเกษตรกรจีนถูกต้องตรงจุดและประหยัดมาก
พลเมืองจีนใช้โซเชียลมีเดียเกิน 1 พันล้านคน ที่ลอยอยู่ในอากาศก็คือ Big Data หรือข้อมูลขนาดใหญ่ที่สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เกษตรกรจีนในปัจจุบันใช้ข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เพื่อหาผลผลิต วิเคราะห์ความเสี่ยง รัฐบาลจีนทุ่มเทกับการเก็บข้อมูลในภาคเกษตร และข้อมูลถูกนำมาใช้เป็นประโยชน์กับเกษตรกร ทั้งใช้ในการผลิตและใช้ในการตลาด
เกษตรกรจีนชำนาญในการใช้เซนเซอร์เก็บข้อมูลจากฟาร์ม ไม่ว่าจะวัดอุณหภูมิ วัดความเร็วลม วัดความชื้นทั้งในอากาศและในดิน วัดความเป็นกรด-ด่าง ฯลฯ เมื่อใช้เซนเซอร์วัดแล้ว เซนเซอร์จะส่งข้อมูลไปที่เครื่องจ่ายน้ำ เรื่องเซนเซอร์นี้ใช้กับการวัดแร่ธาตุต่างๆ ทำให้การใช้ปุ๋ยมีประสิทธิภาพมาก
คนจีนยุคใหม่ย้ายจากชนบทไปอยู่ในเมืองใหญ่ ผู้คนในภาคเกษตรของจีนมีน้อยลง แต่เดิมคิดว่าแรงงานน่าจะเป็นปัญหา แต่ไม่ใช่ครับ เพราะในจีนทุกวันนี้ใช้หุ่นยนต์ในภาคการเกษตรกันแทบทุกทั่วหัวระแหง
เราแทบไม่เห็นแรงงานคนที่ใช้กระป๋องเกาะไว้ด้านหลังเพื่อฉีดยาฆ่าแมลง หรือคนเดินหว่านปุ๋ยเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว เกษตรกรจีนใช้โดรนกันแทบทั้งหมดครับ แม้แต่การปลูกป่าก็ใช้โดรนยิงเมล็ดพันธุ์ลงในดิน
แม้แต่การผสมเกสร เดี๋ยวนี้ก็มีการสร้างหุ่นยนต์ขนาดเล็กบินโฉบไปโฉบมาเพื่อผสมเกสรให้กับบรรดาพืชพรรณ ใครจะนึกเล่าครับ ว่าแม้แต่แรงงานผึ้งที่ทำหน้าที่ผสมเกสรตามธรรมชาติยังถูกหุ่นยนต์เข้ามาทำงานทดแทนจนได้
http://www.chinadaily.com.cn/a/201906/18/WS5d0851fda3103dbf14328dc5.html
เทคโนโลยี 4G ช่วยให้การประมวลผลเป็นไปอย่างรวดเร็ว การใช้ระบบหุ่นยนต์ในการเก็บเกี่ยวเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้อ่านท่านนึกถึงโลกหลังเทคโนโลยี 5G เถิดครับ ระบบระบุตำแหน่งและเป้าหมาย รวมทั้งการประมวลผลด้วยระบบคอมพิวเตอร์จะทำงานได้อย่างแทบไม่ต้องใช้แรงงานคน
ที่จีนพัฒนาไปอย่างมากก็คือ ระบบแขนกลที่ทำหน้าที่หยิบจับ เมื่อก่อนการใช้แขนกลหยิบจับยังทำให้วัตถุบอบช้ำ แต่เดี๋ยวนี้จีนพัฒนาจนการหยิบจับทำได้นุ่มนวลลดความเสียหายได้
ความทุกข์ของเกษตรกรของบางประเทศคือ การหาแรงงานเก็บผลผลิตไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นลำไย เงาะ มังคุด ฯลฯ แต่เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีการเกษตรของจีนไม่มีปัญหาเลยครับ
ระบบเซนเซอร์ ระบบกล้อง และระบบแขนกลเก็บได้อย่างไม่แพ้แรงงานมนุษย์ ลูกไหนไม่สุก แขนกลก็ไม่เก็บ เมื่อเก็บแล้วก็หย่อนลงภาชนะได้อย่างนุ่มนวล แถมเก็บได้ว่องไวกว่า ไม่ป่วย ไม่เหนื่อยล้า เก็บได้ทั้งวันทั้งคืน ต้นทุนการเกษตรของจีนในปัจจุบันจึงลดลงเป็นอย่างมาก
จีนบุกการเกษตรไปทั่วโลก ส่วนใหญ่จะเป็นระบบเช่าที่ดิน ไปที่ไหนก็ปลูกพืชท้องถิ่นของที่นั่น เกษตรกรท้องถิ่นสู้เรื่องทุนและเทคโนโลยีไม่ได้ ยังดีที่จีนไม่หวงความรู้ พร้อมที่จะนำคนท้องถิ่นไปฝึกอบรมที่จีน และกลับมาทำงานในบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง
ภาคเกษตรของไทยก็มีปัญหาเรื่องแรงงานครับ ในอนาคต เมื่อเมียนมา ลาว เวียดนาม กัมพูชาพัฒนาขึ้น แรงงานต้องกลับไป เมืองไทยจะวิกฤติด้านแรงงานแน่นอน
ที่ดีที่สุดคือ ต้องเลียนแบบการแก้ไขปัญหาของจีนด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอย่างเร่งด่วน.
โฆษณา