21 ก.ค. 2020 เวลา 08:28 • สุขภาพ
5 วิธีจัดการกับความโกรธ เปลี่ยนโหมดอารมณ์ร้อนให้เย็นสงบสบายใจ
หรือ เรียกอีกอย่างว่า..^ของขึ้น^🤨🤨🤨
เรื่องอารมณ์แปรปรวนอันนำมาซึ่งความโกรธนั้น เป็นปัญหาที่ไม่เข้าใครออกใคร
เพราะเมื่อไรก็ตามที่คุณเกิดรู้สึกโกรธเกรี้ยว ฉุนเฉียวสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นที่ต้องเผชิญหน้า ไม่ว่าจะเป็นความไม่ถูกต้อง, ความคับแค้นใจ, ความไม่ได้ดั่งใจ, ความผิดใจ หรืออื่นๆ
อารมณ์ความโกรธในตัวก็จะพุ่งพล่านจนยากที่จะควบคุมได้ ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะส่งผลกระทบใหญ่ๆ ตามมาในแบบที่คุณคาดไม่ถึงก็เป็นได้
หากคุณไม่สามารถบริหารจัดการความโกรธด้วยการยับยั้งชั่งใจในวิธีที่ถูกที่ควรวันนี้เราเลยมีเคล็ดลับดีๆ มาฝาก สำหรับการบริหารจัดการความโกรธที่ถูกต้องและเหมาะสม
เพื่อให้คุณสามารถจัดการกับความฉุนเฉียวต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างอยู่หมัด มาดูกันดีกว่าว่า 5 วิธีจัดการบริหารความโกรธ มีอะไรกันบ้าง
1.ฝึกควบคุมลมหายใจขณะโกรธ
เมื่อไรก็ตามที่คุณรู้สึกโกรธ คุณจะหายใจแรงขึ้น เร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้อารมณ์ความโมโหของคุณหนักขึ้นมากกว่าเดิม
วิธีแก้ไขคือ ในช่วงจังหวะที่รู้สึกโกรธหรือฉุนเฉียวนั้น ให้ผ่อนลมหายใจออกมาให้ยาวมากขึ้น โดยหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ และหายใจออกทางปากยาวๆ ให้นึกเสมอว่าลมที่หายใจเข้าไปนั้นเป็นลมสดชื่นสะอาดบริสุทธิ์
ส่วนลมที่หายใจออกมาคือสารพิษอันตรายที่ร่างกายควรปล่อยออก หลีกเลี่ยงการหายใจถี่ๆ หรือถอนหายใจบ่อยครั้ง
โดยให้ทำลักษณะนี้ราวๆ 2-3 นาที จนคุณสามารถควบคุมลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติได้
2.บริหารความผ่อนคลายให้กับกล้ามเนื้อ
ขณะที่คุณกำลังโกรธ กล้ามเนื้อในร่างกายจะมีการเคลื่อนไหวไปตามอารมณ์ ณ ช่วงเวลานั้น สังเกตได้ว่าเมื่อโกรธมือของคุณจะกำแน่นและไหล่ของคุณจะยกสูงขึ้น
วิธีแก้ไขหากเกิดภาวะนี้ขึ้น ให้คุณหลีกเลี่ยงการกำมือแน่น และปล่อยกล้ามเนื้อสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง โดยเฉพาะช่วงไหล่ที่อาจจะห่อตัวมากกว่าเดิมขณะโกรธ
ซึ่งเมื่อคุณสามารถผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้แล้ว อารมณ์ความโมโหต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็จะค่อยๆ บรรเทาลงได้
3.ท่องเอาไว้ “ปล่อยมันไป” “ไม่เป็นไร”
หลังจากที่คุณฝึกลมหายใจและฝึกการผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้แล้ว
สิ่งสำคัญที่ควรทำเป็นลำดับต่อมาคือ เปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการโกรธในเรื่องต่างๆ พร้อมท่องจำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า ไม่ว่าจะอะไรก็ตามที่ทำให้คุณโกรธเกี้ยว โมโหหรือฉุนเฉียว คุณจำเป็นต้องปล่อยมันไป
และบอกกับตัวเองว่า ไม่เป็นไร หรืออาจจะระบายด้วยการเขียนสิ่งต่างๆ ที่ทำให้คุณโมโหลงสมุดบันทึกเอาไว้
ซึ่งถือเป็นวิธีระบายอารมณ์ที่เหมาะสม และจะทำให้อารมณ์ของคุณสามารถเย็นลงได้
4.ขจัดความโกรธที่จะเกิดขึ้นกับตัวคุณด้วยการวางแผนที่ดี
หลายคนอาจจะคิดไม่ถึงว่าการบริหารจัดการความโกรธนั้น เราสามารถวางแผนล่วงหน้าได้ด้วย
ใช่แล้ว เราสามารถที่จะจัดการปัญหาความโกรธของตัวเราเองล่วงหน้าได้เท่าที่เราต้องการ เมื่อพบว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความโมโห เกิดอารมณ์เกรี้ยวโกรธ ฉุนเฉียวได้แล้วก็ควรมองข้ามไปยังวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปด้วยว่า เราจะเกิดอารมณ์โมโหขึ้นอีกไหม
ถ้าเกิดขึ้นแล้วมันจะเป็นยังไง ซึ่งอาจจะส่งผลเสียแบบเดิม เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ควรโกรธหรือโมโหเลย ไม่ว่าจะวันไหนก็ตาม
ซึ่งวิธีนี้จะทำให้คุณเลือกที่จะใจเย็นกับทุกๆ สิ่งที่จะเข้ามากระทบกระทั่งอารมณ์ความรู้สึกของคุณได้เป็นอย่างดีเพราะคุณได้ตั้งมั่นเอาไว้แล้วว่า คุณจะไม่โกรธไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหนๆ
5.หาเหตุผลที่แท้จริงของความโกรธ พร้อมฝึกมองโลกในแง่ดี
วิธีสำคัญอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากการเป็นบุคคลอันตรายขี้โมโหบ่อยๆ ได้ง่าย ก็คือ การหาสาเหตุที่แท้จริงของอารมณ์ความโกรธนั้นๆ
โดยคิดเป็นขั้นเป็นตอนว่า เพราะอะไร ทำไม และเพื่ออะไร ไม่ว่าสิ่งที่เข้ามาจะเป็นอะไรก็ตาม เราควรมีสติในการคิดไตร่ตรองและหาสาเหตุเพื่อยับยั้งอารมณ์ให้อยู่
เพราะเมื่อเราคิดได้แล้วว่า เราโกรธแล้วไม่ได้อะไร นอกจากจะส่งผลร้ายต่อตัวเองทางด้านอารมณ์และจิตใจแล้ว
เราก็จะเรียนรู้ว่าการโกรธนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควร ทำให้ครั้งต่อไปเราจะสามารถฉุกคิดด้วยสติได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การหมั่นฝึกให้ตัวเองเป็นคนมองโลกในแง่ดี ก็จะทำให้คุณมีพฤติกรรมทางด้านอารมณ์ที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
จากที่คุณเคยกลายเป็นคนโมโหร้าย คุณก็อาจจะมองเรื่องต่างๆ ที่เข้ามากระทบกระทั่งเป็นเรื่องเล็กๆ ได้ไม่ยาก และนั่นเองจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สุขภาพจิตและทัศนคติของคุณดีขึ้น สามารถอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนขี้โมโห ขี้หงุดหงิดระดับไหน ก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ตั้งแต่วันนี้ ด้วยการนำเคล็ดลับต่างๆ ของการบริหารจัดการความโกรธนี้ไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์หรือปัญหาร้ายแรงที่เข้ามากระทบแบบไม่คาคคิดได้ดีมากขึ้น
ๅไม่ใช่เพียงคนรอบข้างเท่านั้นที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของคุณ ตัวของคุณเองก็จะมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
เพียงคุณเปลี่ยนการมองโลกจากด้านดำเป็นด้านขาว และมีสติทุกครั้งในการคิดยับยั้งชั่งใจ ก็จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ทำให้คุณเป็นคนใหม่ที่มองโลกสดใส และมีความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งคุณจะค้นพบชีวิตใหม่ราวกับได้เกิดใหม่แน่นอน
ขอขอบคุณ
organicbook
โฆษณา