24 ก.ค. 2020 เวลา 09:20 • ประวัติศาสตร์
นอกสนามกลาดิเอเตอร์ ตอนที่ 1:
ดารานักสู้ ตุ้ยนุ้ยมรณะ ทำไมกลาดิเอเตอร์กินถั่วผสมขี้เถ้าจนท้วม?
นึกภาพตามกันดูนะครับ
คุณเป็นกลาดิเอเตอร์แห่งจักรวรรดิโรมัน คุณขายอิสรภาพตัวเองให้โรงฝึกเพื่อมาเป็นนักสู้ลงสังเวียน ประหัตประหารกับทั้งคนและสัตว์ร้าย สร้างความบันเทิงโชกเลือดให้ประชาชีดูเป็นกิจวัตร คืนวันนอกสนามของคุณคือการซ้อมรบ ออกกำลังกาย และพักรักษาตัวในโรงฝึก ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างโอกาสรอดให้ตัวเองและชื่อเสียงเงินตราให้เจ้าของสัญญาซื้อตัวคุณ หลังหมดวันอันยาวนานและเหนื่อยล้า คุณนั่งลงเพื่อทานอาหารค่ำ
อาหารที่จักรวรรดิโรมันเลือกให้ดาราโชกเลือกของพวกเขาคือข้าวต้มบาร์เล่ย์กับถั่วพร้อมเครื่องดื่มเป็นน้ำผสมขี้เถ้ากระดูกเผา
ข้าวต้มถั่วกับขี้เถ้า?
ในสังคมโรมัน กลาดิเอเตอร์แม้จะไม่ใช่ทาสแต่ก็มีสถานะต่ำไม่ต่างกันมากเพราะเป็นประชาชนโรมันที่ทำสัญญาขายตัวเองมาเป็นนักสู้รับจ้างแลกกับอาหารและรายได้เล็กน้อย ซึ่งชาวโรมันมองว่าเป็นเรื่องเสื่อมเกียรติ นอกจากนี้กลาดิเอเตอร์หลายคนยังเป็นเชลยศึก ซึ่งไม่ช่วยให้ฐานะทางสังคมของพวกเค้าดูดีขึ้นเลย เพราะฉะนั้นอาหารของเขาเหล่านี้จึงเน้นไปที่ประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความหรูหรา เน้นพืชผักและธัญพืชที่หาได้ง่าย
(และเอาจริง ๆ คนโรมันส่วนใหญ่ก็กินอาหารที่ไม่ต่างกันมากขนาดนั้น เน้นผักและแป้ง เพราะเนื้อเป็นอะไรที่มีราคาสูง)
ถั่วกับผักนั้นเป็นอะไรที่ตรงตัว ถั่วเป็นโปรตีนที่หาง่าย สำหรับนักสู้ที่ใช้พลังงานมหาศาลทั้งวัน ปริมาณสำคัญกว่าคุณภาพและถั่วก็เป็นแหล่งอาหารและพลังงานที่เหมาะเจาะ ส่วนผักก็เป็นแหล่งวิตามินที่ช่วยเรื่องการฟื้นและลดการเจ็บไข้ได้ป่วย จะได้มีเวลาไปสู้
ธัญพืชบาร์เล่ย์นั้นเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ดี อยู่ท้องและราคาถูก แม้ชาวโรมันจะไม่ได้มีความรู้เรื่องสารอาหารเท่าปัจจุบัน แต่ธัญพืชชนิดนี้เป็นแหล่งวิตามินและสารอาหารที่ดีต่อหัวใจและคนที่ออกกำลังกายเยอะ เหมาะกับนักสู้ของเราที่สุด อย่างไรก็ดี ชาวโรมันก็ไม่วายแฝงความเชื่อเรื่องชนชั้นของเค้าเข้าไปในอาหาร เพราะวัฒนธรรมโรมันปกติจะใช้บาร์เล่ย์เป็นอาหารสัตว์! ในสายตาคนสมัยนั้น มีแต่พวกกลาดิเอเตอร์ที่ลดตัวไปกินอาหารชนิดนี้ คนโรมันถึงกับเรียกกลาดิเอเตอร์ว่า ‘มนุษย์บาร์เล่ย์’ (Barley man) ตามอาหารหลักของพวกเค้า
สุดท้ายนี้อาหารที่น่าจะแปลกที่สุดในสายตาของเราก็คงเป็นผงกระดูกเผา (บางทีก็มีผสมเปลือกไม้เผาเข้าไปด้วย) แม้จะฟังดูน่าพิศมัยน้อยที่สุดในอะไรที่เราอ่านมา แต่สำหรับกลาดิเอเตอร์แล้ว มันคืออะไรที่ขาดไม่ได้เลย เพราะมันคือช่องทางรับแคลเซียมของพวกเค้า!
แคลเซียมนอกจากจะช่วยรักษาคุณภาพกระดูกแล้ว ยังช่วยเรื่องสุขภาพกล้ามเนื้อและหัวใจด้วย นายแพทย์ประจำโรงฝึกมักจะย้ำว่านี่เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้สำหรับนักสู้พวกนี้เลย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะถั่ว ผักกับบาร์เล่ย์ไม่ได้มีแคลเซียมเท่าไหร่นัก นมกับชีสก็ไม่ใช่อาหารหลักของพวกเค้า จากการสำรวจของนักโบราณคดี ศพในสุสานกลาดิเอเตอร์มีกระดูกที่แข็งแรงกว่าคนในยุคเดียวกันอย่างมากเนื่องด้วยแคลเซี่ยมจากขี้เถ้าพวกนี้
นอกเหนือไปจากนั้นถ้าคุณโชคดี คุณอาจจะได้กินศพของสัตว์ที่ตายในสนามอารีน่าด้วยนะ เช่น ฮิปโป สิงโต ยีราฟ ฯลฯ (แม้มันอาจจะพึ่งกระซวกเพื่อนร่วมงานคุณตายไปก็ตาม) แต่แน่นอนว่านี่เป็นอะไรที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยและไม่อาจนับได้ว่าเป็นแหล่งอาหารหลัก
แล้วถ้ากินแต่แป้งกับถั่วเยอะ ๆ แบบนี้ก็แปลว่า….
ครับ หลักฐานทางโบราณคดีและคอมเมนท์ของหมอโรมันสื่อว่ากลาดิเอเตอร์หลายคนมักจะมีรูปร่างออกไปทางตุ้ยนุ้ย!
(คงไม่ได้หุ่นเหมือนซูโม่อะไรหรอกครับ น่าจะใกล้ ๆ ผู้ชายหุ่นหมีสมัยนี้มากกว่า)
ในข้างต้น ถ้าใครที่นึกภาพนักสู้โรมันของเราเป็นฝรั่งฉกรรจ์ท้องแปดแพคหุ่นสี่มิตินี่ก็ลืมไปได้เลยครับ เพราะแม้จะมีกล้ามเนื้อแน่นปึ้กจากการออกกำลังเจียนตายทั้งวัน กล้ามพวกนี้มักจะถูกซ่อนไว้ด้วยไขมันนวลนิ่มบาง ๆ เสมอด้วยความหนักแป้งของอาหารที่กิน หมอสมัยนั้นถึงกับโทษว่าอาหารที่พวกเขากินส่งเสริมให้กลาดิเอเตอร์อ่อนแอกว่าที่ควรจะเป็น!
แน่นอนว่าที่หมอโรมันท่านนี้พูดมาก็น่าจะไม่จริงหรอก ก็อย่างที่บอกไป ใต้ชั้นไขมันพวกนี้คือร่างของนักฆ่าจริง ๆ การศึกษากระดูกในสุสานชี้ว่าพวกเค้าส่วนใหญ่มีสัดส่วนกล้ามเนื้อที่เยอะกว่าคนปกติมากจนส่งผลต่อสรีระกระดูก เพราะงั้นแม้จะมีดูมีน้ำมีนวลยังไง มันไม่ส่งผลต่อการประกอบสัมมาอาชีพของนักสู้เหล่านี้แน่นอน
ชั้นไขมันนั้นยังมีประโยชน์ในการสร้างความบันเทิงด้วย เนื่องจากกลาดิเอเตอร์มักจะไม่สวมเกราะทั้งตัวเพื่อความตื่นเต้นของคนดู ชั้นไขมันจึงเป็นแนวป้องกันที่คนคนนึงพึ่งจะมีได้สำหรับอาการบาดเจ็บเล็กน้อย ระยะห่างระหว่างชั้นไขมันกับอวัยวะสำคัญยังช่วยให้พวกเขาสามารถสู้ต่อได้แม้จะมีแผลเลือดอาบตามตัวแลดูบาดเจ็บกว่าที่เป็น สร้างเสียงฮึกฮึมตื่นตาตื่นใจในหมู่คนดู
สรุปแล้ว
คุณผู้อ่านหลายท่านคงได้อ่านเรื่องการลงสนามประลองของนักสู้กลาดิเอเตอร์จากที่อื่นมาแล้ว ผมก็อยากเอาเรื่องที่ไม่ค่อยจะมีใครถามอย่างการกินอยู่นอกสนามของพวกเค้่ามาเล่าให้ฟังกัน โดยเฉพาะเมื่อเราได้มีโอกาสมาดูประโยชน์ใช้สอยและความหมายเชิงวัฒนธรรมของมัน ใครอยู่บ้านเฉย ๆ นาน ๆ ช่วงนี้ก็บอกคนอื่นได้นะครับว่าฝึกเอาหุ่นกลาดิเอเตอร์อยู่
ขอบคุณครับ
โฆษณา