22 ก.ค. 2020 เวลา 09:06 • สุขภาพ
ประเด็นดราม่า mask vs faceshield
ภาพจากเดลินิวส์
เนื่องจากมีคุณหมอท่านนึง จะเข้าร้านสะดวกซื้อ แต่ใส่แค่ faceshield
พนักงานไม่ให้เข้า บอกว่าต้องใส่หน้ากาก ใส่ faceshield อย่างเดียวไม่ได้
คุณหมอท่านนั้น บอกว่า ผมเป็นหมอ faceshield นี่ปลอดภัยกว่าหน้ากาก!!!
จากเฟสคุณหมอ
เลยเพิ่งเห็นว่า ต้องมีความเข้าใจผิดแน่ๆเลย ก่อนหน้านี้คิดเองว่าทุกคนรู้กันหมดแล้ว ว่าหน้ากากจำเป็นกว่าfaceshield แต่นี่บอกเป็นหมอ ยังเข้าใจผิดแบบนี้ เลยขออนุญาตใช้พื้นที่นี้ชี้แจง
ทบทวนความรู้อีกรอบ
การระบาดของ covid-19 แพร่ผ่านละอองน้ำลาย (droplet) ที่เวลาไอจามหรือแม้แต่พูด ก็จะลอยฟุ้งออกมา ถ้าเป็น droplet ขนาดจะใหญ่กว่า 5 ไมครอน และลอยในอากาศได้ไม่นานหรอก เพราะมันค่อนข้างหนัก
ระยะทางที่กระจายราวๆ 2 เมตร หรือราวๆ 6 ฟุต
1
ส่วนมันเข้าร่างกายเราก็ทาง เยื่อบุจมูก ทางเดินหายใจ ตา ถึงแม้เราอยู่ไกลกัน แต่ถ้ามีละอองน้ำลายเชื้อโควิดอยู่บนพื้นผิวใดพื้นผิวหนัง
้พอมือเราไปสัมผัสมัน แล้วมาจับหน้า ตา จมูก เชื้อก็เข้าร่างกายได้เลย
ซึ่งทางนี้คือทางเข้าเชื้อหลักๆเลย
1
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่า COVID-19 สามารถแพร่ผ่านละอองฝอย(aerosol) คือเป็นละอองฟุ้ง ขนาดจิ๋ว (เล็กกว่าหรือเท่ากับ 5 ไมครอน) ด้วยความจิ๋ว (เหมือนฝุ่น pm2.5) ก็จะฟุ้งในอากาศได้นานกว่า และกระจายได้ไกลกว่า
แม้ COVID-19 จะกระจายได้ทั้ง 2 แบบ แต่หลักๆๆๆๆๆ คือ แบบ droplet นะคะ (ย้ำแล้วย้ำอีกเพราะ กลัวจะนอยไปใส่ N95 กันหมด)
เพราะอะไรนั่นหรือ
เพราะโดยปกติ เชื้อที่กระจายแบบ aerosol จะกระจายมากกว่าปัจจุบันมากๆ
ค่า R0 จะไม่ใช่แค่ 2 แบบปัจจุบัน
แต่จะเป็น 10+
1
โรคที่กระจายแบบ aerosol เราเรียกว่าเป็น airbourne นั่นเอง คือกระจายทางลมหายใจ
ตัวอย่างเช่น โรคหัด (measle) อีสุกอีใส (chicken pox) เป็นต้น
ค่า R0 ของโรคต่างๆ
แต่ COVID-19 จะกระจายเป็นแบบ aerosol ได้ในบางกรณี เช่น ทำหัตถการทางการแพทย์ ตะโกน ร้องเพลง เป็นต้น
ดังเช่นในภาวะ สนามมวย (ซึ่งอาจจะประกอบกับความแออัด และอากาศปิด) หรือในวงออเครสต้า ที่ต่างประเทศ เป็นต้น
อ่านเรื่อง R0 และวงออเครสต้าได้ที่โพสต์เดิม
ส่วน faceshield ใส่ทำไม?!?!
ประเด็นคือ การใส่ faceshield ที่เห็นดาราศิลปินชอบใส่ออกทีวีกัน อันนั้นปรกติจะใช้ในหมอพยาบาล หมอฟัน ที่ต้องดูแลผู้ป่วย แล้วใส่ป้องกันน้ำลายพุ่งใส่หน้าใส่ตา ใส่หน้า ใส่ปาก
ประโยชน์แค่นั้น จริงๆ
มันกัน droplet หรือ aerosol ไม่ได้ ดังนั้นการใส่แค่เฟซชิลด์เปล่าๆ จึงไม่มีประโยชน์ใดๆในการป้องกัน covid-19
ต้องควบกับการใส่หน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยเป็นตัวหลัก แล้วใส่เฟซชิลด์เป็นตัวเสริม
ดังนั้น คุณหมอท่านนี้ จึงเข้าใจผิด
และเป็นไปได้ ที่ดารา นักแสดง จะเข้าใจผิดเช่นกัน เพราะทุกครั้งที่ดูทีวี ก็จะเห็นแบบนั้นประจำ คือเฟสชิลด์ อย่างเดียว ไม่มีแมสก์
จริงๆก็เข้าใจได้ ว่าการใส่หน้ากาก อาจจะไม่สะดวกเพราะพูดอู้อี้ เสียงไม่ชัด
ดังนั้น การแก้คือ
1. ยืนห่างๆกัน 2 ม.
2. ทำให้สถานที่นั้น มีอากาศไหลเวียนให้ดี
3. เพื่อป้องกันประชาชนเข้าใจผิด ให้ทำตัวหนังสือชี้แจงขึ้นหน้าจอ ไว้ด้วย
สรุปง่ายๆ
แมสก์ เปรียบเสมือนกางเกงใน
เฟซชิลด์ เปรียบเสมือนหมวก
โอเคนะ...
ดังนั้น การที่พนักงานร้านสะดวกซื้อ เจอคนใส่แต่เฟซชิลด์เข้าร้าน แล้วพนักงานปฎิเสธไม่ให้เข้าร้าน ถ้าไม่ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย จึงเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว และน่าชื่นชม
1
ส่วนคุณหมอที่เข้าใจผิด อันนี้ในฐานะเป็นหมอด้วยกัน ขอกุมขมับแพร๊บ
ref:
1
โฆษณา