23 ก.ค. 2020 เวลา 02:07 • กีฬา
ไม่ว่าสุดท้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะคว้าตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้หรือไม่ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ทำผลงานตลอดทั้งฤดูกาลยังไม่ถึงระดับที่แฟนบอลคาดหวัง
สถิติแต้มต่ำที่สุดที่ทีมปีศาจแดงเคยเก็บได้ในพรีเมียร์ลีก 1 ซีซั่น ก็คือการทำได้แค่ 64 คะแนนในฤดูกาล 2013-14 ซึ่งคนคุมทีม 34 เกมแรกคือ เดวิด มอยส์ บวกกับ ไรอัน กิ๊กส์ ทำหน้าที่กุนซือขัดตาทัพอีก 4 นัดสุดท้าย
แต่ ณ เวลานี้ ผีแดงภายใต้การคุมทีมของ โซลชาร์ มีแค่ 63 แต้ม และเหลือโปรแกรมให้เล่นอีกเพียงนัดเดียว แถมเป็นเกมเดิมพันตั๋ว UCL อย่างการบุกเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ อีกต่างหาก
นั่นหมายความว่าถ้าหาก แมนฯ ยูไนเต็ด ทำอันดับติดท็อปโฟร์ไม่สำเร็จ มันจะเป็นหลักฐานฟ้องชัดด้วยตัวเลขทันที ว่าผีแดงในยุคกุนซือคนปัจจุบัน ทำผลงานในลีกแย่กว่าช่วงเวลาสุดบัดซบภายใต้การคุมทีมของ มอยส์ เมื่อ 6 ปีก่อน
ส่วนเรื่องของอันดับ ที่ฤดูกาลนี้มันดีกว่าการได้แค่ที่ 7 ปีนั้น มันเป็นเพราะมาตรฐานของทีมอย่าง เชลซี, สเปอร์ส และ อาร์เซน่อล ตกต่ำลงไปด้วยซะมากกว่า
ว่ากันว่าฤดูกาลนี้ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือก่อนมี บรูโน่ แฟร์นันเดส และหลังจากมี บรูโน่ แฟร์นันเดส
โอเคว่าช่วงครึ่งซีซั่นแรก ถือว่ายกผลประโยชน์ให้จำเลยไป เพราะการต้องทนใช้งาน เจสซี่ ลินการ์ด สลับกับ อันเดรียส เปเรยร่า เป็นเพลย์เมกเกอร์ ไม่ว่าใครก็คงหาความสม่ำเสมอไม่เจอทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม… สถิติที่บอกว่า โซลชาร์ ไม่เคยพาทีมชนะติดต่อกันนานกว่า 2 นัดในลีกก่อนเบรกยาวเพราะเชื้อโควิด-19 แพร่ระบาด มันก็น่าจะพอเป็นหลักฐานที่บอกได้ว่า ผลงานของเขาช่วงครึ่งซีซั่นแรกนั้นสอบไม่ผ่าน
หลังจากได้ตัว บรูโน่ เข้ามาเสริม โอเคว่าเราต้องให้เครดิตกุนซือชาวนอร์เวย์ด้วย ที่หาวิธีใช้งานกองกลางจากแดนฝอยทองได้อย่างมีประโยชน์กับทีมมากที่สุด และค้นพบ 11 ตัวจริงที่ดีที่สุด จนทำให้ทีมมีผลงานดีต่อเนื่อง
แต่ล่าสุดอาการเก่าอย่าง “การแพ้ทางทีมเล็ก” ดันมากำเริบให้เห็นในช่วงเวลาสำคัญซะอย่างนั้น
ไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อน ผีแดงพลาดโอกาสขึ้นสู่อันดับ 3 ให้มันเร็วกว่านี้ เมื่อโดน เซาธ์แฮมป์ตัน ไล่ตีเสมอ 2-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
ล่าสุดก็ทำได้แค่เป็นฝ่ายไล่แบ่งแต้ม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ของ เดวิด มอยส์ ด้วยสกอร์ 1-1 และก็เป็นอีกครั้งที่ทำคะแนนหล่นในบ้านตัวเอง
ลองคิดดูว่าถ้าหากทีมคู่แข่งไม่พลาดให้ ป่านนี้ความได้เปรียบในการลุ้นไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก จะยังอยู่กับพวกเขาหรือเปล่า?
และความจริงก็คือ ถ้าหากไม่ทำ 4 แต้มหลุดมือในเกมเจอนักบุญและขุนค้อน ป่านนี้พวกเขาคงปิดจ๊อบการันตีอันดับ 3 ชิลล์ๆ ได้ไปแล้ว
ก่อนอื่นผมอยากจะให้แยกแยะก่อน ว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ก็มีความดีความชอบอยู่เหมือนกัน แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่ว่าเขาทำอะไรก็ไม่ผิด
เราไม่ควรไปแบ่งแยกแฟนบอลที่ตำหนิ ว่าเป็นพวกกองเชียร์ห่วยๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพอถึงเวลาอยากด่า ก็โยนความผิดไปให้ โซลชาร์ มันซะทุกอย่างในโลก
ไม่ว่าจะผลงานดีหรือแย่ ไม่ควรใช้เกณฑ์ตัดสินด้วยผลการแข่งขันนัดเดียว หรือ 2-3 นัด แต่เราควรดูภาพรวมของ “พัฒนาการ” มากกว่า ว่ามันมีแนวโน้มไปทางไหน
ก่อนอื่นผมขอยืนยันว่าช่วงเวลาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำสถิติไม่แพ้ใคร 19 นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ, เป็นทีมที่เก็บแต้มได้มากที่สุดในช่วงหลังเบรกโควิด-19 และค้นพบ 11 ตัวจริงที่ลงตัวที่สุด เราต้องให้เครดิตโซลชาร์ด้วยจริงๆ
ต่อให้ บรูโน่ แฟร์นันเดส คือ “เดอะแบก” แต่กุนซือทุกคนล้วนต้องมีนักเตะกำลังสำคัญของตัวเอง แม้กระทั่งยอดโค้ช ก็ต้องพึ่งพาฝีเท้าผู้เล่นที่มีคลาสกันหมดทั้งนั้น
เพียงแต่ว่าข้อแตกต่างระหว่าง “โค้ชที่เก่งมาก” กับ “โค้ชระดับธรรมดา” ก็คือการประเมินสถานการณ์ที่จะใช้งานกำลังสำคัญของตัวเองได้อย่างถูกต้อง และไม่ฝืนกำลังเกินไป
ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนบอกไว้แล้วในหลายบทความ ว่า โซลชาร์ มีจุดที่ยังสอบไม่ผ่านในเรื่องของการบริหารจัดการขุมกำลังในทีม
จริงอยู่ ถ้าหากมีขุมกำลังที่ดีที่สุด และอยู่ในสภาพพร้อมที่สุดให้เขาใช้ กุนซือหน้าทารกสามารถพาทีมทำผลงานดีๆ ได้
แต่สิ่งที่เขายังจัดการให้ดีไม่ได้เลย ก็คือการทะนุถนอมทีมชุดนั้น และรักษาโมเมนตัมฟอร์มการเล่นของทีมเอาไว้ให้นานๆ
ในขณะที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมากกับบอลถ้วยในประเทศ ด้วยการส่งพวกเด็กๆ หรือตัวสำรองลงเล่นซะส่วนใหญ่ เพื่อไปเน้นหนักกับการไล่ล่าแชมป์ที่สำคัญกว่า...
แต่ โซลชาร์ กลับพยายามลองเสี่ยงทุกทาง จะเอามันซะทุกถ้วย ทั้งที่ความเป็นจริง ขุมกำลังที่บอกได้ว่าแกร่งพออาจมีแค่ 11 คนแรก
ต่อให้มีไลน์อัพชุดที่ลงตัวมากแค่ไหน สักวันมันก็ต้องมีช่วงนักเตะฟอร์มตก และปัจจัยเร่งที่จะทำให้เรื่องนั้นเกิดขึ้น ก็คือความไม่พร้อมของสภาพร่างกาย
ฟุตบอลไม่ใช่กีฬาที่เล่นด้วยคอมพิวเตอร์ แต่มันต้องอาศัยคนที่พร้อมที่สุดลงทำการแข่งขัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าทรัพยากรคุณมีจำกัด คุณต้องยอมเสียสละอะไรบางอย่าง เพื่อเพิ่มโอกาสบรรลุเป้าหมายสูงสุดให้มันมีความเสี่ยงที่จะผิดพลาดน้อยที่สุด
การร่วงตกรอบ เอฟเอ คัพ ต่อด้วยการทำได้แค่เสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-1 นัดล่าสุด มีสาเหตุสำคัญมาจากความเหนื่อยล้าของแกนหลัก ที่ลงเล่นติดๆ กัน จนเริ่มเห็นชัดแล้วว่าพละกำลังไม่ได้มีมากเท่าเดิม
นั่นคือเหตุผลที่บรรดา เร้ด อาร์มี่ ต้องออกมาตั้งคำถามกับ โซลชาร์ ว่าคุณจะส่งนักเตะตัวหลักที่ไม่พร้อมนักลงไปบู๊กับ เชลซี ทำไม ในเมื่อเป้าหมายที่สำคัญกว่าคือติดท็อปโฟร์ แล้วสุดท้ายบอลถ้วย ทีมก็ตกรอบอยู่ดี
เกมเปิดบ้านรับมือ เวสต์แฮม คืออีกครั้งที่คู่แข่งมีเวลาพักฟื้นร่างกายมากกว่า เพราะทีมขุนค้อนลงเตะนัดล่าสุดเมื่อคืนวันศุกร์ ส่วนผีแดงเพิ่งส่งตัวหลักเกินครึ่งทีมลงตัวจริงไปฟัดกับ เชลซี เมื่อวันอาทิตย์
อย่าว่าแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด เลยครับ แม้แต่ เชลซี ที่เพิ่งเอาชนะปีศาจแดงมาหมาดๆ ก็โดน ลิเวอร์พูล ที่สดกว่าเห็นๆ เล่นงานมาเช่นกัน จนโดนหงส์แดงจัดปาร์ตี้ให้หนักๆ ที่แอนฟิลด์ด้วยสกอร์ 5-3
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ไม่ใช่ทีมที่กระจอกขนาดจะไปเหยียดหยามว่ายังไงก็ต้องเอาแต้มมาแจกถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ง่ายๆ
เพราะก่อนบุกเยือนผีแดง ขุนค้อนแพ้แค่นัดเดียวจาก 5 เกมหลัง นอกนั้นชนะ 3 เสมอ 1
ซึ่งในจำนวนนั้นมีการเปิดบ้านแซงอัด เชลซี 3-2 โดยสามารถเก็บชัยชนะสวยๆ มา 2 เกมติดต่อกันด้วยผลงานท็อปฟอร์มของ มิคาอิล อันโตนิโอ, โทมัส ซูเซ็ค, จาร์ร็อด โบเว่น และ เดคแลน ไรซ์ จนกำลังมั่นใจสุดๆ
เป้าหมายของ เดวิด มอยส์ ชัดเจนว่าขอแค่ “ไม่แพ้” ทำให้พวกเขาลงไปตั้งรับแน่นแบบ “จอดถบัส” ในกรอบเขตโทษ และถ้าแนวรุกของปีศาจแดงขาดลูกยิงไกลมหัศจรรย์ หรือยังมีความคิดสร้างสรรค์ไม่มากพอ พวกเขาจะเจาะยากมาก
การเสียจุดโทษจากการแฮนด์บอลของ ปอล ป็อกบา ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ถึงปฏิกิริยาธรรมชาติของมนุษย์ที่ป้องกันตัวเอง ดังนั้นผมจะไม่กล่าวโทษว่าดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสคือต้นเหตุที่ทีมไม่ชนะ
ประเด็นที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด พลาด 3 แต้มจริงๆ มันอยู่ที่การ “เร่งไม่ขึ้น” ในจังหวะที่ต้องเอาประตูให้ได้ต่างหาก
ถ้าหากนักเตะปีศาจแดงอยู่ในช่วงที่ฟิตกว่านี้ บางทีการเร่งเครื่องบดชนะทีมของ เดวิด มอยส์ คงไม่ใช่งานที่ยากเกินไป เพราะพวกเขาจะเคลื่อนที่ด้วยสปีดที่เร็วขึ้น และขยับตัวกันให้มากขึ้นกว่านี้แน่
แต่นี่ เร้ด เดวิลส์ มีระดับความฟิตไม่สูงพอที่จะโหมบุกใส่ทีมที่มาอุดเต็มตัว บวกกับความพะวงกับเกมที่สำคัญกว่าอย่างการเยือน เลสเตอร์ ผลลัพธ์ที่ออกมาเสมอจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ โซลชาร์ ไม่กล้าที่จะแก้เกม (เปลี่ยนตัวแค่ 2 คนแถมเปลี่ยนช้า) ก็คือสิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า แม้แต่เขาเองก็ยังไม่ไว้ใจคุณภาพนักเตะตัวสำรองว่าจะเปลี่ยนเกมได้ จนต้องยึดติดแต่กับนักเตะเดิมๆ ที่กรอบเป็นข้าวเกรียบแล้วอยู่อย่างนั้น
บทสรุปเงื่อนไขการลุ้นโควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก่อนนัดสุดท้าย ถือว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีความได้เปรียบมากที่สุดอยู่นะครับ
พวกเขาขยับอันดับขึ้นไปติดท็อปโฟร์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน โดยล่าสุดรั้งอันดับ 3 โดยมีผลต่างประตูได้-เสียดีกว่า เชลซี ที่มีแต้มเท่ากัน และมีคะแนนนำ เลสเตอร์ อยู่ 1 แต้ม
1
ชัยชนะที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ในเกมนัดที่ 38 จะทำให้ผีแดงการันตีอันดับ 3, ผลเสมอก็เพียงพอแล้วให้พวกเขาจบฤดูกาลด้วยอันดับไม่ต่ำกว่าที่ 4
ขณะที่ความพ่ายแพ้ก็ยังพอมีทางรอด ถ้าหากผลอีกคู่ เชลซี พลาดท่าพ่าย วูล์ฟแฮมป์ตัน คาบ้าน
ในแง่ของ “สถานการณ์” มันไม่ได้ถึงขั้นเลวร้าย แต่สิ่งที่แฟนบอลกำลังจะพูดถึง ก็คือเรื่องของ “ประสิทธิภาพในสนาม” ต่างหาก
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมเจ๊าขุนค้อนไว้อย่างมีนัยสำคัญ
กุนซือชาวนอร์เวย์บอกเหมือนกับจะบอกว่า เขากำลังเก็บความฟิตทั้งหมดไว้ตัดสินกับ เลสเตอร์ โดยเฉพาะ
“เมื่อเข้าสู่ช่วงพักครึ่ง (ตามหลังเวสต์แฮม 0-1) เรารู้ว่านั่นไม่ใช่ผลการแข่งขันที่เราต้องการ”
“ผลเสมอ หรือการชนะ 1-0, 2-0 มันให้ผลลัพธ์สำหรับพวกเราแทบไม่ต่างกัน นั่นทำให้เราจำเป็นต้องรักษาสภาพร่างกายไว้”
“คุณไม่สามารถคาดหวังถึงการลงไปเล่นเกมที่ยิงได้ 3-5 ลูก เพื่อทำให้เกิดสถานการณ์ที่แตกต่างในวันอาทิตย์ได้หรอกนะ”
ถ้าเปิดใจรับฟังเหตุผล มันก็พอฟังขึ้นได้บ้าง เพราะเกมกับ เลสเตอร์ สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดจริงๆ
ต่อให้คุณแพ้เวสต์แฮมคาบ้าน แต่สามารถบุกไปชนะคู่แข่งลุ้นท็อปโฟร์โดยตรงได้ถึงถิ่น สุดท้ายก็จะได้ไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ดี
แต่มันไม่มีอะไรการันตีเลยว่าการฝืนสภาพร่างกาย (ซึ่งเดิมทีก็ฟิตไม่พออยู่แล้ว) เพื่อทำทุกอย่างเพื่อล้มขุนค้อนให้ได้ พวกเขาจะมีทีมที่พร้อมพอสำหรับการเก็บผลการแข่งขันออกจาก คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
.
อย่างไรก็ตาม ถ้าหาก โซลชาร์ เลือกเดิมพันทุกอย่างไว้กับการบุกเยือน เลสเตอร์ แล้วจริงๆ นั่นหมายความว่า เขาจะไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ อีก หากสุดท้ายล้มเหลวกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
ถ้ามีแต้มกลับออกจากการเยือน เดอะ ฟ็อกซ์ ก็ถือว่าเขายังมีความชอบธรรมที่จะได้โอกาสสร้าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้มันมีขุมกำลังที่ดีขึ้นกว่าจะมาหวังพึ่งแค่นักเตะไม่กี่คนแบบซีซั่นนี้
ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้ มันต้องได้ตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สถานเดียวเท่านั้น
แต่ถ้าหากพลาดหวัง เราต้องยอมรับว่าฤดูกาลแรกที่คุมทีมเต็มตัว เขาสอบตกจริงๆ
#เสียบสามเหลี่ยม #Solskjaer #ManUtd #MUFC #WestHam #Chelsea #CFC #Leicester #LCFC #ManUtd #MUFC #Top4Race #UCL #EuropaLeague #PremierLeague
ชอบกดไลค์ ถูกใจกดแชร์ และเพื่อไม่พลาดบทความคุณภาพจากเรา อย่าลืมกดไลค์เพจ และติดตามเพจแบบ See First ไว้เลยนะครับ
..สนใจติดต่อลงโฆษณา, สนับสนุนเพจ ติดต่อจ้างงานเขียนบทความฟุตบอล งานแปลข่าว เขียนสคริปต์สำหรับ Content ฟุตบอล หรือแปลหนังสือฟุตบอล ทักอินบ็อกซ์ สอบถามได้ตลอดเวลาครับ
โฆษณา