24 ก.ค. 2020 เวลา 01:26
ราคาทองแตะจุดสูงสุดใหม่ เราขายตรงนี้เลยดีไหม?
ใครที่มีทองคำ ไม่ว่าจะผ่านกองทุน ETF , Gold Futures หรือ แม้กระทั่ง ทองคำแท่ง คงน่าจะมีคำถามนี้ขึ้นมาในหัวตลอดทางที่ราคาทองวิ่งขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี
ล่าสุด ราคาทอง Spot Gold เมื่อคืน วิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่ $1,890.68 ก่อนจะลงมาแถวๆ $1,883.76 เวลาที่ผมโพสอยู่ตอนนี้ ใกล้เคียงกับราคาปิดของจุดสูงสุดเดิมที่เคยไปถึงเมื่อเดือนก.ย. 2011 ที่ระดับ $1,901
มีสิ่งไหนบ้างที่ผมอยากจะแชร์ไว้เป็นข้อมูลเพิ่มเติม เราไปดูกัน
1. การวิ่งของทองคำรอบนี้ ประกอบไปด้วยหลายปัจจัยสนับสนุนด้วยกัน เคยอัพเดทไปเมื่อปลายเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมาว่า ส่วนสำคัญเลยที่ทำให้ราคาทองดีดขึ้นมาในช่วง 2-3 เดือนหลัง มาจากการที่ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าต่อเนื่อง
ซึ่งการอ่อนค่าของค่าเงินดอลล่าร์ จุดเริ่มต้นมาจากการออก Unlimited QE โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ และมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจชุดใหญ่จากกระทรวงการคลัง
2. และ ตอนนี้ Dollar Index ก็อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 94.59 ถือเป็นจุดที่เราไม่ได้เห็นมาตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. ปี 2018 ทีเดียว แปลว่า ดอลล่าร์อ่อนค่าหนักทีเดียวเมื่อเทียบกับสกุลหลักอื่นๆโดยเฉพาะ EUR
3. โดยจุดสำคัญที่ทำให้ราคาทอง จุดพลุจากแถวๆ $1,800 ต้นๆ ขึ้นมาที่เราเห็นอยู่ตอนนี้ ก็คือ เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา EU ได้เห็นพ้องกันรายละเอียดการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 มูลค่า 750,000 ล้านยูโร โดยแบ่งเป็น 2 วงเงินคือ เงินอุดหนุนราว 390,000 ล้านยูโร และเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 360,000 ล้านยูโร แล้วก็เพราะกองทุนนี้เอง เลยทำให้ตลาดมั่นใจในความตั้งใจแก้ปัญหา และการหันหน้าเข้าหากันหาทางออกของผู้นำยูโรโซน เลยทำให้ค่าเงิน EUR แข็งค่าขึ้นทันที
4. สภาพตลาดการเงินที่เราเห็นตอนนี้ อยู่บนตำราอีกเล่ม ที่กลายเป็นว่า ประเทศใด หรือ กลุ่มประเทศใด ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้เยอะมากในระดับที่ทำให้นักลงทุนเชื่อว่า จะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ค่าเงินของประเทศนั้น หรือ กลุ่มประเทศนั้น ก็จะแข็งค่าขึ้นได้ (อย่างที่สหรัฐฯ เป็นมาแล้วในการทำ QE ในอดีต)
5. และเพราะตอนนี้ งบดุลของเฟดเองก็ไม่ได้ขยาย 5 สัปดาห์ติดต่อกัน ถึงแม้จะมีคำมั่นสัญญาจว่าจะดูแลสภาพคล่อง และพร้อมปล่อยมาตรการออกมา แต่เมื่อมันยังไม่ออกมา ก็ทำให้ตลาดขาดปัจจัยบวกสนับสนุนในแง่ของนโยบายการเงินใหม่ๆ ในขณะที่ข่าวดีจากการพัฒนาวัคซีน ก็ดูเหมือนตลาดจะเริ่มดื้อกับข่าวนี้มากขึ้น
6. อีกมุมที่อยากแชร์ ก็คือ เบื้องหลังการอ่อนค่าของดอลล่าร์ บางมุม มันก็เป็นปัจจัยสนับสนุนให้คนหันมาสนใจลงทุนในทองคำ โดยเฉพาะผ่านกองทุน ETF ในนี้
ก็เพราะ นักลงทุนเริ่มเห็นภาพชัดขึ้นเรื่อยๆว่าเจ้าไวรัสโควิด-19 จะอยู่กับเรานานกว่าที่เราคิด และผลกระทบเริ่มยืดเยื้อ หลัง ก.แรงงานสหรัฐฯ ประกาศตัวเลข Jobless Claims ของสัปดาห์ที่แล้ว พุ่งขึ้นมาที่ 1.41 ล้านราย เป็นตัวเลขที่ขยับสูงขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน สะท้อนว่า การระบาดรอบ 2 ในสหรัฐฯ อาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้ากว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้ก่อนหน้า
7. แต่ก็ใช่ว่าทางสหรัฐฯจะไม่เตรียมการอะไรแล้วรอให้เศรษฐกิจทรุดหนักก่อน เพราะฝ่ายกฏหมายของทำเนียบขาวกำลังร่าง Stimulus Package วงเงิน 1 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ แต่ติดในบางประเด็นกับทางวุฒิสมาชิกอยู่ เลยทำให้ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะผ่านสภาออกมาได้ตอนไหน
ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯก็น่าจะกังวลว่าจะคลอดมาตรการกระตุ้นชุดใหม่ล่าช้าด้วย เลยทำให้เมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบทุกตลาด
8. แต่อย่าลืมปัจจัยที่อาจจะสำคัญที่สุดในการกำหนดทิศทางของราคาทองในอนาคตอีกหนึ่งอย่าง ก็คือ "Real Yield" โดยหาได้จากการเอา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Nominal Bond Yield) หักลบด้วย Breakeven Inflation
ซึ่งตอนนี้ Real Yield ติดลบเกือบ -0.9% ทีเดียว บ่งบอกว่า การถือพันธบัตร มันไม่น่าสนใจ เพราะให้ผลตอบแทนน้อยกว่าเงินเฟ้อ ด้วยเหตุนี้ ทุกสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงทองคำ จึงเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันหมด เพราะนักลงทุนที่ทนกับผลตอบแทนต่ำติดดินของพันธบัตรไม่ได้ ก็ต้องย้ายไปลงทุนอย่างอื่น
ดังนั้น ถ้าเมื่อไหร่ Real Yield ตัวนี้เด้งขึ้นมาละก้อ เราจะเห็นการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาด้วย เมื่อนั้น ราคาทองก็ไม่น่าจะยืนได้เช่นกัน
9. สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด คือ ตำแหน่งผู้ว่าการเฟด (Board of Governors) กำลังจะมี 2 ตำแหน่งที่ครบกำหนดวาระและว่างลง ซึ่งชื่อที่นักลงทุนหลายคนสนใจก็คือ Judy Shelton ที่ปธน.ทรัมป์ เป็นคนเสนอชื่อเธอเข้ามาเอง
ประวัติของคุณจูดี้ น่าสนใจนะครับ เพราะเธอ เขียนหนังสือชื่อ Money Meltdown เมื่อปี 1998 ที่สนับสนุนแนวคิดให้กลับไปอ้างอิงปริมาณ money supply ทั้งหมดเข้ากับทองคำ หรือ กลับไปใช้ Gold Standard
และล่าสุด Senate Banking Committee ก็ไฟเขียวให้เธอแล้ว รอก็เพียงเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภาโหวตอีกรอบ น่าจะสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายของเฟดไม่น้อยทีเดียวถ้าเข้ามาได้
10. มุมมองทางเทคนิค ราคาทอง หากยืนเหนือ $1,883 ได้ภายในวันนี้ จะเท่ากับ ราคาปิดรายสัปดาห์สูงสุดตลอดกาล และมีโอกาสทะยานไปต่อ
มองเป้าต่อไป $2,000 แต่ถ้าผ่านไม่ได้ ให้ระวังแรงขายหนักหน่อย เพราะราคาล่าสุด ห่างจาก EMA 20 วันไกลไปพอควร ใครเข้าตรงนี้ จุด Stop Loss ค่อนข้างห่าง ($1,850) ควรนั่งเฉยๆ รอการ Breakout หรือเลือกทางแล้วค่อยว่ากันครับ
Mr.Messenger รายงาน
โฆษณา