24 ก.ค. 2020 เวลา 11:53 • การเมือง
US-CHINA : รวบรวมประเด็นข้อพิพาทที่สำคัญทั้งหมดระหว่างสหรัฐฯ-จีน
ประเด็นข้อพิพาทมีอะไร แล้วจะส่งผลกระทบอะไรต่อเศรษฐกิจโลกบ้าง มาดูกันครับ
มหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบัน และผู้ที่กำลังก้าวขึ้นมาเพื่อชิงตำแหน่งกำลังพบว่าการอยู่ร่วมกันนั้นยากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับพวกเขา
การใช้เล่ห์กลเพื่อแย่งชิงตำแหน่งท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวันนี้ ได้ทำให้สหรัฐฯ และจีนต้องเผชิญหน้ากันในทุกด้านของปัญหาและข้อพิพาทต่าง ๆ ยกเว้นแต่การใช้กำลังทหารเข้าโจมตีกัน ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้น แต่ล่าสุดนี้ก็ได้มีความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นในเขตทะเลจีนใต้
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ประเด็นความขัดแย้งของสหรัฐฯ-จีน ยังมุ่งเน้นไปที่ภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ มากกว่าการใช้กำลังทหาร โดยเนื้อหาต่อไปที่ World Maker จะนำมาเสนอก็คือประเด็นข้อพิพาทที่สำคัญระหว่างทั้ง 2 ประเทศ
อนึ่ง ข้อพิพาทของพวกเขาบางอย่างได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญ และก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังเป็นเพียงผลกระทบเชิงสัญลักษณ์อยู่ ณ ตอนนี้
(1.) ฮ่องกง
ผลกระทบ : มีนัยสำคัญในระดับโลก
ประเด็นข้อพิพาท :
จีนสัญญาว่าเมืองฮ่องกงจะมี "เอกภาพและอิสระภาพในระดับสูง" หลังจากได้รับแผ่นดินคืนในปี 1997 จากการล่าอาณานิคมของอังกฤษในยุคสงครามฝิ่นเมื่อปี 1839 ซึ่งทำให้จีนต้องยกฮ่องกงให้เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษในปี 1841
2
สหรัฐฯ ได้มอบสถานะพิเศษทางการค้าให้แก่ฮ่องกงหลังจากได้รับอิสรภาพจากอังกฤษ ซึ่งช่วยให้ฮ่องกงประสบความสำเร็จในการเป็นศูนย์กลางทางการเงินแห่งหนึ่งของโลก
เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศใช้กฏหมายความมั่นคงฉบับใหม่ภายในเมือง หลังจากมีเหตุการประท้วงเพื่อประชาธิปไตยมากว่า 1 ปี ซึ่งทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศที่จะยุติสถานะพิเศษทางการค้าของฮ่องกง
ผลที่ตามมา :
แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้เรียกเก็บภาษีจากสินค้าของฮ่องกงเท่ากับสินค้าของจีน แต่การเพิกถอนสถานะพิเศษออกจะทำลายภาพลักษณ์ของฮ่องกงซึ่งเคยเป็นฐานทัพที่มั่นคงให้กับบริษัทข้ามชาติ รวมถึงสถาบันทางการเงินระหว่างประเทศ โดยพวกเขาอาจถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรหากทำธุรกิจร่วมกับบริษัทและเจ้าหน้าที่ของจีนซึ่งอยู่ในบัญชีดำของสหรัฐฯ
จีนได้ให้คำมั่นที่จะตอบโต้โดยการคว่ำบาตรหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ รวมถึงการบังคับใช้มาตรการอื่น ๆ ในระดับความรุนแรงที่เท่าเทียมกันโดยไม่มีการแจ้งรายละเอียดให้ทราบ หากสหรัฐฯ ไม่ยอมหยุดการกระทำดังกล่าว
(2.) การสอดแนม
ผลกระทบ : มีนัยสำคัญในระดับโลก
ประเด็นข้อพิพาท :
สหรัฐฯ กล่าวหาว่าจีนได้เพิ่มระดับการสอดแนมและการปฏิบัติการที่มีอิทธิพลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการแทรกแซงเรื่องการเมืองของสหรัฐฯ การขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของชาวตะวันตก การบีบบังคับผู้นำทางเศรษฐกิจ และการข่มขู่ครอบครัวชาวอเมริกันเชื้อสายจีนภายในประเทศ
จีนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องที่สหรัฐฯ กล่าวว่าพวกเขาทำการโจมตีทาง Cyber เพื่อหวังจะขโมยข้อมูลและความลับทางการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงประเทศพันธมิตรอื่น ๆ ทางฝั่งตะวันตก
ผลที่ตามมา :
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2020 กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้สั่งให้สถานกงสุลจีนในเมือง Houston เปิดตัวลงเพื่อ "ปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกัน" โดยให้เวลา 2 วันในการปิดตัวลงหลังจากวันที่มีประกาศออกมา
ล่าสุดในวันนี้ (24 กรกฏาคม 2020) จีนได้ประกาศสั่งให้สหรัฐฯ ปิดกงสุลของตัวเองภายในเมือง Chengdu
ก่อนหน้านี้ในวันที่ 21 กรกฏาคมกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้กล่าวหาว่ามี Hacker ชาวจีน 2 คนซึ่งคาดว่าจะทำงานให้กับรัฐบาลปักกิ่ง พยายามที่จะขโมยข้อมูลขนาดใหญ่ระดับ Terabytes ซึ่งรวมถึงบันทึกการวิจัย Coronavirus ของบริษัทชั้นนำในตะวันตกอีก 11 บริษัท
(3.) หัวเว่ย
ผลกระทบ : มีนัยสำคัญในระดับโลก
ประเด็นข้อพิพาท :
ทรัมป์และฝ่ายบริหารของเขาได้กำหนดให้ Huawei Technologies Co และ ZTE Corp. กลายเป็นบริษัทที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ โดยกล่าวว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของพวกเขาอาจมีการสร้างเครือข่ายสื่อสารสำหรับใช้รับส่งข้อมูลเพื่อการสอดแนมในระดับนานาชาติ
แน่นอนว่าจีนปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยการกล่าวว่าสหรัฐฯ พยายามที่จะขัดขวางการพัฒนาและเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่ง ZTE Corp ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับความกดดันอย่างหนักจากสหรัฐฯ อเมริกา
ผลที่ตามมา :
สหรัฐฯ ได้ผลักดันให้เกิดความคืบหน้าในการกดดัน Huawei จากประเทศพันธมิตรต่าง ๆ โดยเฉพาะอังกฤษ ซึ่งจะเป็นการรณรงค์ให้พวกเขากำจัดอุปกรณ์ของหัวเว่ยของจากการพัฒนาเทคโนโลยี 5G
นอกจากนี้พวกเขายังสั่งแบนไม่ให้ Huawei เข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มอุปสรรคในการผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วนด้วยตัวเองให้กับ Huawei
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะสหรัฐฯ กำลังมองถึงเรื่องกฏหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของแคนาดา ซึ่งลูกสาวของผู้ก่อตั้ง Huawei ถูกกักตัวอยู่เนื่องจากข้อกล่าวหาเรื่องการทำธุรกิจร่วมกับอิหร่านซึ่งอยู่ในบัญชีดำของสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน จีนกล่าวว่าพวกเขาจะใช้มาตรการต่อต้านบริษัทต่างประเทศที่บ่อนทำลายผลประโยชน์ของจีน ในระดับเดียวกันกับที่สหรัฐฯ ได้ประกาศออกมา
(4.) สื่อ
ผลกระทบ : มีนัยสำคัญในระดับโลก
ประเด็นข้อพิพาท :
ทรัมป์และฝ่ายบริหารของเขามีความเห็นว่า ควรขับไล่สื่อของจีนทั้งหมดที่สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์จีนออกจากประเทศ ขณะที่จีนกล่าวว่าสื่อของพวกเขาได้ทำหน้าที่เพื่อส่งเสริมความเข้าใจในระดับนานาชาติ
ผลที่ตามมา :
สหรัฐฯ และจีนได้จัดการขับไล่สื่อของทั้ง 2 ฝั่งออกจากประเทศ หรือสำหรับบางสื่อที่ไม่ได้ขับไล่ออกไปก็จะมีการเพิ่มข้อกำจัดต่าง ๆ ในการเข้าถึงข้อมูล ขณะที่ทรัมป์และฝ่ายบริหารของเขาได้กระทำไปไกลกว่าการจำกัดสื่อ โดยการกล่าวว่าสื่อของจีนบางแห่งซึ่งกำลังเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศอื่น ๆ
ทางฝั่งจีนก็ได้ขับไล่ผู้สื่อข่าวของ The New York Times, Wall Street Journal และ Washington Post ออกจากประเทศเช่นกัน พร้อมกับประกาศว่าบริษัทสื่อของสหรัฐฯ ที่เหลือจะต้องยื่นรายละเอียดเกี่ยวกับพนักงานและสินทรัพย์ต่าง ๆ ของพวกเขาให้แก่รัฐบาลทราบ
อนึ่ง The New York Times กล่าวว่าพวกเขาจะย้ายพนักงานออกจากฮ่องกงไปยังกรุงโซลประเทศเกาหลีใต้
(5.) การค้าและภาษี
ผลกระทบ : มีนัยสำคัญในระดับโลก
ประเด็นข้อพิพาท :
เริ่มจากปี 2018 ที่สหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้านำเข้าประเภทเครื่องจักรทำความสะอาดและแผง Solar Cells ซึ่งเป็น 1 ในสินค้าหลักที่สหรัฐฯ นำเข้าจากจีน ณ เวลานั้น
ต่อมาได้ขยายขอบเขตไปสู่สงครามการค้า ซึ่งมีจุด Peak แรกอยู่ในช่วงปี 2019 ซึ่งทำให้มูลค่าการจัดเก็บภาษีต่อสินค้าที่ส่งกันไปมาระหว่าง 2 ประเทศเพิ่มขึ้นถึง 5 แสนล้านดอลลาร์
ผู้นำของสหรัฐฯ กล่าวว่าจีนนั้นปฏิบัติโดยไม่ให้ความเป็นธรรมกับทางสหรัฐฯ อย่างเช่นการอุดหนุนบริษัทภายในประเทศ แทนที่จะมาอุดหนุนบริษัทของสหรัฐฯ รวมถึงการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และการลอกเลียนแบบ หรือแม้แต่การพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีต่าง ๆ
ทางฝั่งจีนออกมายืนยันว่าพวกเขาปฏิบัติตามกฏระเบียบการค้าทั่วโลก แต่สหรัฐฯ ต่างหากที่พยายามจะขัดขวางการพัฒนาของประเทศจีน
ผลที่ตามมา :
Bloomberg Economics คาดการณ์ว่าในเดือนสิงหาคมที่จะมาถึงนี้ กำลังได้รับแรงสนับสนุนจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้ GDP ของสหรัฐฯ, จีน และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกหดตัวลง 0.6%, 1% และ 0.6% ในปี 2021 ตามลำดับ
โดยคาดการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ Coronavirus จะระบาดไปทั่วโลกและสร้างความท้าทายใหม่ให้อีกเศรษฐกิจทั่วทุกทวีป ขณะที่การสู้รบทางการค้าบางส่วนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีนี้ยังคงมีอยู่
เสริมกับแรงกดดันใหม่เนื่องจากการระบาดที่ทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในเรื่องของฮ่องกง หัวเว่ย และประเด็นอื่น ๆ
(6.) TikTok
ผลกระทบ : อาจมีนัยสำคัญ
ประเด็นข้อพิพาท :
Tiktok เป็น Application ที่อนุญาติให้ผู้ใช้สามารถแชร์วิดีโอของตนเองได้ ซึ่งมีบริษัท Bytedance Ltd ของจีนเป็นเจ้าของอยู่ และด้วยความที่ Application ดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐฯ อเมริกา โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ จึงอ้างว่า Application ดังกล่าวนั้นเป็นพิษภัยต่อความมั่นคงของประเทศ
เนื่องจาก Tiktok นั้นมีการเก็บข้อมูลซึ่งถูกใช้ประโยชน์โดยรัฐบาลจีนในการสร้างฐานข้อมูลพฤติกรรมของชาวอเมริกัน
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันนั้น Platform ของสหรัฐฯ อย่างเช่น Facebook Inc. และ Twitter Inc. ก็ได้ถูกแบนมานานแล้วในประเทศจีน เนื่องจากมาตรการสอดส่องดูแลความปลอดภัยภายในประเทศ
ผลที่ตามมา :
ทรัมป์และฝ่ายบริหารของเขาได้ดำเนินการตรวจสอบ Tiktok และทรัมป์ได้ชี้ว่าสหรัฐฯ อาจสั่งห้ามการใช้งาน Application ดังกล่าวภายในประเทศ (เช่นเดียวกับที่อินเดียสั่งแบนไปแล้ว)
อนึ่ง หากสหรัฐฯ จะสั่งแบน Tiktok ออกจากประเทศจีน พวกเขาก็อาจจะตอบโต้โดยใช้วิธีการสั่งแบน Apple Inc และ Microsoft Corp. ภายในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งจะทำให้ความตึงเครียดนั้นทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก และยังเป็นการแยกเครือข่ายอินเตอร์เน็ตของโลกออกจากกันมากขึ้นกว่าเดิม
ทางฝั่ง Bytedance กล่าวว่าพวกเขากำลังตัดสินใจที่จะสร้างสำนักงานใหญ่ของ Tiktok แยกต่างหากนอกประเทศจีน เพื่อจะรักษาระยะห่างของพวกเขากับรัฐบาลปักกิ่ง
(7.) การละเมิดสิทธิมนุษยชนในมณฑล Xinjiang
ผลกระทบ : อาจมีนัยสำคัญ
ประเด็นข้อพิพาท :
ในเขตตะวันตกของมณฑล Xinjiang จีนกล่าวว่าพวกเขาได้ต่อสู้กับลัทธิแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเป็นพวกหัวรุนแรงเคร่งศาสนาในกลุ่มชนชาติอูยกูร์ ซึ่งเป็นชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ภายในพื้นที่ดังกล่าว
มีชาวอูยกูร์กว่า 1 ล้านคนที่กักกันไว้ในค่ายซึ่งรัฐบาลเรียกว่า "ศูนย์การศึกษาโดยสมัครใจ" (voluntary education centers) ขณะที่สหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรตะวันตกกล่าวว่าจีนได้กระทำการที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง
ผลที่ตามมา :
ทรัมป์และฝ่ายบริหารของเขาได้สั่งคว่ำบาตรบริษัทด้านเทคโนโลยีของจีน ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายกล้องวงจรปิด โดยพวกเขากล่าวว่าบริษัทดังกล่าวมีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลจีน
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ สั่งคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของจีน 4 คนซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยจะเป็นการสั่งห้ามเข้าประเทศ และกีดกั้นไม่ให้บริษัทและชาวอเมริกันสามารถทำธุรกรรมทางการเงินใด ๆ ร่วมกับพวกเขาได้ และอาจรวมไปถึงการยึดทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขาภายในสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจเป็นเพียงการกระทบกระทั่งกันในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น หากเจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านั้นไม่ได้มีสินทรัพย์อยู่นอกประเทศของตนเองมากนัก โดยสหรัฐฯ นั้นได้สั่งแบนเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีอำนาจในการออกกฏหมายต่าง ๆ รวมถึงกำหนดบทบาทให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์จีน
ขณะเดียวกัน จีนแก้เผ็ดเรื่องนี้โดยการสั่งคว่ำบาตร Senators Marco Rubio และ Ted Cruz ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ด้วยข้อกำจัดที่คล้ายคลึงกัน
(8.) การท่องเที่ยว
ผลกระทบ : อาจมีนัยสำคัญ
ประเด็นข้อพิพาท :
ความสัมพันธ์ที่น่ากลัวได้นำไปสู่ความไม่ไว้วางใจที่เพิ่มขึ้นต่อการรักษาประชาชนของประเทศตัวเองเอาไว้ในแผ่นดินเกิด ซึ่งอาจทำให้ Demand ในภาคการท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศทรุดตัวลง
ผลที่ตามมา :
ในการรายงานด้านความปลอดภัยโดยเอกอัครราชทูตประจำปักกิ่ง ได้เตือนว่าชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในประเทศจีน รวมถึงผู้ที่กำลังท่องเที่ยวอยู่ในประเทศจีนอาจถูกจับกุมได้โดยพลการ และอาจโดนกองกำลังรักษาความปลอดภัยของจีนกักกัน/ส่งตัวกลับประเทศในข้อหาที่พวกเขาพยายามส่งข้อความส่วนตัวซึ่งมีเนื้อหาเพื่อโค่นล้มรัฐบาลจีนผ่านระบบ Electronic
ทางฝั่งกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีนได้ประกาศเตือนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยกล่าวว่านักท่องเที่ยวชาวจีนในประเทศสหรัฐฯ อาจถูกจับกุมโดยไม่ชอบธรรม เนื่องจากมาตรการป้องกันไวรัสที่เข้มงวดเกินไปของรัฐบาล
เมื่อปีที่แล้วจีนยังประกาศเพื่อเรียกร้องให้พนักงานที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ทำการหลีกเลี่ยงการเดินทางไปทำธุรกิจที่สหรัฐอเมริกาและใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตน
(9.) งานวิจัย
ผลกระทบ : อาจมีนัยสำคัญ
ประเด็นข้อพิพาท :
ทรัมป์และฝ่ายบริหารของเขาได้ตั้งข้อสงสัยถึงเจตนาของนักวิชาการจีนบางคนในต่างประเทศ โดยกล่าวว่าพวกเขาอาจดำเนินการในฐานะ "นักสะสมทรัพย์สินทางปัญญาที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิมของจีน"
(อธิบายให้เข้าใจง่ายคือสหรัฐฯ กล่าวหาว่าคนพวกนี้เข้ามาทำงานที่ต่างประเทศเพื่อขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศอื่น)
ผลที่ตามมา :
ทำเนียบขาวได้กล่าวในปีนี้ว่าพวกเขาจะยุติการอนุญาติให้เข้าประเทศ สำหรับนักเรียนระดับบัณฑิตศึกษาหลายพันคน และนักวิจัยที่เป็นบุคคลซึ่งอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติ เนื่องจากความสัมพันธ์กับโรงเรียนทหารของจีน
ในเมื่อ 2019 สหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้นักการทูตของจีนแจ้งเรื่องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ทราบก่อนที่จะไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัย สถาบันการวิจัย และเจ้าหน้าที่ของรัฐในท้องถิ่น โดยกล่าวว่าเป็นการปฏิบัติเช่นเดียวกับที่จีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ ทำ
จีนออกมาปฏิเสธถึงข้อกำหนดเช่นนี้สำหรับนักการทูตชาวอเมริกัน
(10.) ทะเลจีนใต้
ผลกระทบ : อาจมีนัยสำคัญ
ประเด็นข้อพิพาท :
จีนได้ขยายการอ้างขอบเขตในบริเวณทะเลจีนใต้ โดยบริเวณดังกล่าวนั้นอุดมไปด้วยทรัพยากรมากมาย ทำให้มนุษย์เกิดความขัดแย้งกัน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกอย่างเช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย
ล่าสุดสหรัฐฯ ได้ส่งเรือรบรุ่น TOP ของประเทศและเครื่องบินรบเข้าสู่พื้นที่ในเขตทะเลจีนใต้เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ เพื่อยืนยันถึงสิทธิเสรีภาพในการใช้พื้นที่ดังกล่าวเดินเรือและสำรวจทรัพยากร รวมถึงการใช้น่านฟ้าในเขตนั้นเพื่อการบิน
โดยรวมแล้วทะเลจีนใต้ได้สร้างผลประโยชน์ทางการค้ากว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ในแต่ละปีที่ผ่านมา นั่นจึงทำให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นข้อพิพาทสำคัญสำหรับการกุมอำนาจทางเศรษฐกิจโลก
ผลที่ตามมา :
ทรัมป์และฝ่ายบริหารของเขา ได้เปลี่ยนแปลงจุดยื่นของสหรัฐฯ ที่จะไม่เลือกข้างและจะไม่เข้าไปก้าวก่ายถึงความสัมพันธ์ในเขตทะเลจีนใต้ ตอนนี้พวกเขาประกาศอย่างชัดเจนว่าการอ้างสิทธิของจีนในเขตทะเลจีนใต้นั้น "เป็นเรื่องที่ผิดกฏหมายโดยสมบูรณ์" ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้จีนออกมาตอบโต้ว่า
"สหรัฐฯ นั้นพยายามทำทุกอย่างเพื่อสร้างความแตกแยกให้กับประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยที่ตัวเองได้รับผลประโยชน์แต่เพียงผู้เดียว"
ยังไม่มีความเคลื่อนไหวที่รุนแรงใด ๆ เกิดขึ้นเพิ่มเติม หลังจากการต่อสู้กันในแถลงการณ์ของพวกเขาทั้ง 2 ฝ่าย ขณะที่การฝึกปฏิบัติการทางทหาร และปฏิบัติการอื่น ๆ ในเขตทะเลจีนใต้ของทั้ง 2 ประเทศ อาจทำให้เกิดความรุนแรงตามมาในอนาคต
(11.) ไต้หวัน
ผลกระทบ : ยังเป็นเพียงการโจมตีเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
ประเด็นข้อพิพาท :
กฏหมายเมื่อปี 1979 ทำให้สหรัฐฯ เข้ามาสนับสนุนการป้องกันตนเองทางการหทารของไต้หวัน ซึ่งเป็นเกาะที่ปกครองด้วยระบอบประธิปไตย ขณะที่จีนกล่าวว่าแผ่นดินไต้หวันนั้นเป็นของจีน
ผลที่ตามมา :
จีนได้ออกมาคัดค้านการขายอาวุธของสหรัฐฯ ไปยังไต้หวัน และได้คัดค้านอีกครั้งหลังจากกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงมูลค่า 620 ล้านดอลลาร์กับไต้หวันในการขายชิ้นส่วนขีปนาวุธ Patriot Advanced Capability-3 (PAC-3) ขณะที่จีนได้ให้คำมั่นที่จะคว่ำบาตรบริษัท Lockheed Martin Corp ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลัก
อนึ่ง สหรัฐฯ ได้สั่งห้ามบริษัทที่สำคัญไม่ให้ทำการค้าขายกับประเทศจีนอยู่แล้ว ดังนั้นผลกระทบจากการคว่ำบาตรของจีนในครั้งนี้ คาดว่ามีน้อยมาก และเป็นการโจมตีในเชิงสักลักษณ์เสียมากกว่า แม้ว่านักวิเคราะห์บางคนจะมีความกังวลว่าจีนอาจพยายามขัดขวาง Supply Chains
อย่างไรก็ตาม จีนได้ให้คำมั่นที่จะรวมประเทศกับไต้หวันและฮ่องกงอีกครั้งให้จงได้ และอาจจำเป็นต้องใช้วิธีการบีบบังคับ หากจำเป็น
(12.) การลบรายชื่อของบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้น
ผลกระทบ : ยังเป็นเพียงการโจมตีเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
ประเด็นข้อพิพาท :
จีนได้ต่อต้านอย่างหนักในการอนุญาติให้หน่วยงานของสหรัฐฯ ตรวขสอบบัญชีของบริษัทจีน แม้ว่าบริษัทเหล่านั้นจะจดทะเบียนให้ซื้อขายอยู่ในตลาด New York Stock Exchange หรือตลาด Nasdaq
ร่างกฏหมายดังกล่าวมาพร้อมกับแรงขับเคลื่อนของสภาคองเกรส ซึ่งอาจบีบบังคับใช้บริษัทของจีนอย่างเช่น Alibaba Group Holding ต้องออกการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ อเมริกา เว้นแต่พวกเขาจะยอมทำตามกฏระเบียบที่ยอมให้หน่วยงานของสหรัฐฯ เข้าตรวจสอบในสิ่งที่ต้องการ
(13.) Coronavirus
ผลกระทบ : ยังเป็นเพียงการโจมตีเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
ประเด็นข้อพิพาท :
ทรัมป์ได้กล่าวโจมตีจีนในเรื่องกว่าการจัดการกับ Coronavirus โดยเขาและฝ่ายบริหารของเขาได้เรียก Coronavirus ว่า Chinese Virus และ Kung Flu (เป็นการเหยียดศิลปะกังฟูของจีน) ขณะที่จีนก็ได้ออกมากล่าวโทษกันไปมาถึงเรื่องจุดกำเนิดของไวรัส
ผลที่ตามมา :
แต่ละฝ่ายต่างก็เพิ่มข้อกำจัดในสายการบินของตัวเองเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัส และล่าสุดในเดือนนี้ ทรัมป์ได้ประกาศว่าสหรัฐฯ จะตัดความสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กรกฏาคม 2021
เหตุผลที่เขานำสหรัฐฯ ออกจาก WHO ทรัมป์กล่าวว่าองค์การนั้นให้ความร่วมมือกับจีนมากกว่า และยังช่วยจีนปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดในช่วงเริ่มแรก
(14.) ประเทศธิเบต
ผลกระทบ : ยังเป็นเพียงการโจมตีเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
ประเด็นข้อพิพาท :
ในปี 1959 กองทัพปลดปล่อยประชาชน ได้ปราบการปฏิวัติในภูมิภาคที่เป็นภูเขาบนชายแดนของจีน อินเดีย และเนปาล ทำให้องค์ดาไลลามะ ซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของธิเบต ต้องหลบหนีลี้ภัยไปยังที่อื่น
สถานะของแผ่นดินธิเบต ถือเป็นเขตปกครองตนเองภายในประเทศจีนมาอย่างยาวนาน และได้กลายเป็นข้ออ้างที่สหรัฐฯ นำมาใช้โจมตีจีนอยู่บ่อย ครั้งหลังจากรัฐบาลปักกิ่งได้ส่งกำลังทหารเข้าไปควบคุมพื้นที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ผลที่ตามมา :
ทรัมป์และฝ่ายบริหารของเขาได้กำหนดให้มีมาตรการจำกัดการเดินทางสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีน ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการห้ามไม่ให้นักการทูตของสหรัฐฯ เข้าไปยังเมืองธิเบต
ทางฝั่งจีนกล่าวว่าพวกเขาจะสั่งแบน Visa ของนักการทูตสหรัฐฯ ที่เข้ามาจุ้นจ้านเรื่องภายในประเทศอื่นมากเกินไป
การกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และการติชมในเชิงสร้างสรรค์ของคุณ เป็นกำลังใจให้เราและเหล่าอาชีพนักเขียนทุกคนในการพัฒนาผลงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างสังคมการเรียนรู้ที่ดีด้วยกันกับเรา
World Maker
สามารถติดตาม World Maker ผ่านทาง Facebook ได้แล้ววันนี้ที่
อยากลงทุน อยากมีเงินเก็บอย่างจริงจัง แต่ไม่มีพื้นฐาน World Maker มีคอร์สเรียนดี ๆ มาแนะนำให้ครับ รายละเอียดคลิกเลย !!
โฆษณา