25 ก.ค. 2020 เวลา 10:00 • กีฬา
ในขณะที่ เชลซี กำลังพยายามเร่งปิดดีลคว้าตัว ไค ฮาแวร์ทซ์ จาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาเสริมแนวรุกเป็นรายต่อไป เช่นเดียวกับตำแหน่งแบ็กซ้าย ที่ระหว่าง เบน ชิลเวลล์ กับ นิโกลัส ตายาฟิโก้ ก็น่าจะมีคนใดคนหนึ่งย้ายเข้าสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์
แต่ดูเหมือนว่าตำแหน่งที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด จำเป็นต้องเร่งแก้จุดอ่อนมากที่สุด คือผู้รักษาประตู
เชลซี กลายเป็นทีมที่เสียประตูเยอะที่สุดในบรรดาทีมครึ่งบนของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เรียบร้อยแล้ว เมื่อโดนส่องตาข่ายไปถึง 54 ลูก โดยที่ 10 อันดับแรกของตารางตอนนี้ ไม่มีทีมไหนเลยที่โดนยิงถึง 50 ประตูเหมือนพวกเขา
ในเกมนัดล่าสุดที่บุกไปแพ้ ลิเวอร์พูล 5-3 ที่แอนฟิลด์ สถิติหลังจบเกมเผยว่าหงส์แดงไม่ได้เหนือกว่ามากมายอะไรด้วยซ้ำ เพราะเปอร์เซ็นต์ครองบอล 50-50 เท่ากัน โอกาสลุ้นประตูก็ฝั่งละ 10 ครั้งเท่ากัน ที่ต่างกันเล็กน้อยก็คือ ลิเวอร์พูล ยิงเข้ากรอบได้ 7 ครั้ง ส่วนเชลซีเข้ากรอบ 5 หน
แต่ความแตกต่างที่ใหญ่มากซึ่งกลายเป็นจุดตัดสินเกม ก็คือเมื่อลูกยิงมันตรงกรอบ โอกาสที่ลิเวอร์พูลจะได้เฮมีสูงกว่า
เพราะในขณะที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ พยายามสุดชีวิตกับทุกประตูที่เสีย แต่ทางฝั่ง เกปา อาร์รีซาบาลาก้า แทบจะไม่ต่างอะไรกับนายทวารที่ “ตรงเป็นตุง”
โอเคว่าลูกยิงของ นาบี เกอิต้า และลูกฟรีคิกของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มันสมบูรณ์แบบจนต้องลุกขึ้นปรบมือให้
แต่ทั้ง 5 ประตูที่หงส์แดงส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่าย มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เกปา ยังมีความพยายามไม่มากพอ เพราะเอาแต่ใช้สายตาป้องกัน โดยไม่มีวี่แววว่าจะโชว์ความมหัศจรรย์อะไรให้สมราคานายทวารค่าตัวแพงที่สุดในโลกบ้างเลย
หาก เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ไม่ได้มีค่าตัวสูงถึง 80 ล้านยูโร (71.6 ล้านปอนด์) ตอนที่ย้ายจาก แอธเลติก บิลเบา มา เชลซี เมื่อปี 2018 บางทีเขาอาจไม่โดนจ้องจับผิดอะไรมากมายขนาดนี้
แน่นอนว่าด้วยประสบการณ์ระดับสูงที่ยังน้อยนิด และฝีไม้ลายมือที่ยังไม่เคยขึ้นมาอยู่แถวหน้าของวงการ นั่นจึงเป็นราคาที่สูงเกินจริงอย่างชัดเจน
สาเหตุที่นายด่านทีมชาติสเปนมีค่าตัวแพงขนาดนั้น มันเป็นเพราะเมื่อ 2 ปีก่อน เชลซี มีเวลาไม่มาก ในการตามหามือหนึ่งคนใหม่มาแทนที่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ที่ขอย้ายไปซบ เรอัล มาดริด
หากจำกันได้ดี วันที่ทีมสิงห์บลูส์ประกาศยอมปล่อย กูร์กตัวส์ ให้ทีมราชันชุดขาว มันเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่พวกเขาเปิดตัว เกปา มาเป็นนายทวารคนใหม่ นั่นคือ 9 สิงหาคม 2018 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ตลาดซื้อขายนักเตะพรีเมียร์ลีกปีนั้นเปิดทำการ
อย่างไรก็ตาม ต่อให้ เกปา มีค่าตัวถูกกว่านั้นสักครึ่งหนึ่ง สถิติก็ยังฟ้องว่าเขาคือผู้รักษาประตูที่ไม่ดีพอสำหรับ เชลซี อยู่ดี
ก่อนถึงเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2019-20 เกปา อาร์รีซาบาลาก้า เสียประตูในพรีเมียร์ลีกไปแล้วทั้งหมด 86 ประตู ทั้งที่เพิ่งมาเล่นในลีกอังกฤษได้เพียง 2 ซีซั่น
ถือเป็นสถิติการโดนทะลวงตาข่ายที่แย่กว่าอดีตมือหนึ่งเชลซีหลังเข้าสู่ปี 2000 ทุกคน หากนับช่วงเวลาที่ได้ลงเฝ้าเสาเท่าๆ กัน
ระหว่างฤดูกาล 2000-01 จนถึง 2003-04 นายประตูตัวเลือกแรกของทีมคือ คาร์โล คูดิชินี่ ซึ่งอดีตโกลชาวอิตาเลียนเสียประตูในการลงเฝ้าเสาในพรีเมียร์ลีก 69 นัดแรก แค่ 67 ลูก น้อยกว่า เกปา ถึง 19 ประตู
จากนั้นตั้งแต่ซีซั่น 2004-05 ลากยาวไปอีกนับทศวรรษ คือช่วงเวลาที่ เชลซี มีผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ นั่นคือ ปีเตอร์ เช็ก
ในขณะที่ เกปา เล่นแค่ 2 ปี โดนยิงซะพรุนไปแล้วถึง 86 ลูก แต่อดีตตำนานทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก ยืดระยะเวลาไว้ได้ถึง 5 ปี กว่าจะโดนส่องตาข่ายเยอะกว่า 80 ประตู
2 ฤดูกาลแรกที่ ปีเตอร์ เช็ก พิทักษ์ประตูให้เชลซี เขาเสียรวมกันในลีกไปแค่ 33 ประตูเท่านั้น และสามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 2 ปีติดต่อกัน
จากนั้นตั้งแต่ฤดูกาล 2014-15 จนถึงก่อนที่ เกปา จะย้ายมา มือหนึ่งของทีมคือ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ซึ่งก็โดนยิงไปแค่ 59 ลูก ในช่วง 2 ปีแรกที่ยึดตัวจริงแทนที่ เช็ก
และหากนับค่าเฉลี่ยประตูที่เสียต่อหนึ่งเกม โดยเอาจำนวนประตูที่เสีย หารด้วยจำนวนนัดที่เคยลงเฝ้าเสาให้เชลซีทั้งหมดในพรีเมียร์ลีก คุณจะเห็นชัดเจนเลยว่า เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ไว้ใจไม่ได้เข้าไปใหญ่
จากการลงเฝ้าเสาไปแล้ว 69 นัด เสียไปถึง 86 ลูก ถือว่า เกปา โดนยิงเฉลี่ยนัดละราวๆ 1.25 ประตูเลยทีเดียว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเยอะกว่า คูดิชินี่, ปีเตอร์ เช็ก และ กูร์กตัวส์ แน่นอน
แม้กระทั่งมือสองอย่าง วิลลี่ กาบาเยโร่ ก็ยังมีค่าเฉลี่ยเสียประตูในลีกน้อยกว่า เกปา ภายใต้เครื่องแบบเชลซีด้วยซ้ำ
นายประตูชาวอาร์เจนไตน์โดนยิงไป 11 เม็ดจาก 9 นัด เฉลี่ยแล้วโดนส่องไปนัดละ 1.22 ประตู ซึ่งก็ยังเป็นสถิติที่เหนือกว่า เกปา เล็กน้อย ด้วยตัวเลขหลังจุดทศนิยม
สำหรับอดีตผู้รักษาประตูของเชลซี ที่ครองสถิติเสียประตูในพรีเมียร์ลีก 1 ซีซั่นมากที่สุด ได้แก่ ดมิทรี คาริน โกลชาวรัสเซีย ที่โดนส่องไปถึง 48 ประตูในฤดูกาล 1993-94
แต่ในฤดูกาลนั้น พรีเมียร์ลีกยังมีสโมสรร่วมฟาดแข้งถึง 22 ทีม ซึ่ง คาริน ได้ลงสนามไปถึง 40 นัดจากทั้งหมด 42 เกม เมื่อได้ลงเยอะ โอกาสจะเสียประตูเยอะกว่าพวกนายทวารยุคหลังๆ ก็มากขึ้นตามไปด้วย
ทีนี้มาดูสถิติของ เกปา นับเฉพาะในลีกฤดูกาลนี้กันบ้าง เขาโดนไปแล้วถึง 47 ตุง จากการลงเฝ้าเสา 33 นัด
นั่นหมายความว่า ดมิทรี คาริน ที่ชื่อชั้นดูไว้ใจไม่ค่อยได้ ยังอาจจะช่วยไม่ให้ทีมเสียประตูได้มากกว่าผู้เล่นที่ค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรเสียอีก
แล้วถ้าหาก เกปา อาร์รีซาบาลาก้า เก็บคลีนชีตไม่สำเร็จในเกมสำคัญกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน เขากำลังจะขึ้นรั้งอันดับ 1 ของชาร์ทผู้รักษาประตูเชลซี ที่เสียประตูในพรีเมียร์ลีก 1 ซีซั่นมากที่สุดตลอดกาลทันที
แฟนบอลสิงห์บลูส์หลายคน อาจกล่าวอ้างว่า เกปา มีกองหลังที่ไม่ดีพอที่จะให้ความช่วยเหลือเขา สถิติที่ออกมาจึงกลายเป็นว่าเขาโดนยิงซะพรุนแบบนี้
ชื่อชั้นของ เคิร์ต ซูม่า, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ ฟิคาโย่ โทโมรี่ ไม่อาจเทียบได้กับพวกปราการหลังตัวเทพๆ ของทีมใหญ่ทีมอื่นๆ พวกเขาจึงพยายามปกป้องมือหนึ่งคนปัจจุบันว่าไม่ใช่ผู้รักษาประตูที่แย่แบบที่ใครๆ พากันพูด
แต่สถิติที่บอกว่า เกปา มีเปอร์เซ็นต์เซฟลูกยิงเข้ากรอบได้ต่ำที่สุด ในบรรดานายประตูมือหนึ่งของทีมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ น่าจะฟ้องชัดได้เป็นอย่างดี ว่าคำพูดที่ว่า “ถ้าจะยิงเกปา ขอแค่ตรงกรอบ” คือความจริง
ข้อมูลจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของพรีเมียร์ลีกระบุว่า เกปา อาร์รีซาบาลาก้า มีสถิติเซฟลูกยิงที่เข้ากรอบประตูได้เพียง 53.92% นั่นคือป้องกันได้เพียง 55 ครั้ง จากโอกาสยิงราวๆ 98 หน
นั่นหมายความว่าเฉลี่ยแล้ว ถ้าคู่แข่งได้ยิงสัก 2 ครั้ง มันจะต้องตุงตาข่ายสัก 1 ลูกได้ไม่ยากเลย
เมื่อเทียบกับเปอร์เซ็นต์เซฟได้ของนายประตูมือหนึ่งของทีมโซนท้ายๆ ตารางอย่าง ทิม ครูล ของนอริช (67.02%), อารอน แรมสเดล ของบอร์นมัธ (67.2%), เบน ฟอสเตอร์ ของวัตฟอร์ด (65.34%) และ แม็ทธิว ไรอัน (68.64%) จะถือว่า เกปา ช่วยรับผิดชอบเกมรับให้ทีมได้น้อยมาก
บางคนอาจบอกว่า ถ้าเอาไปเทียบกับนายประตูทีมเล็กๆ ที่ต้องเจองานชุก เกปาคงมีสถิติจำนวนครั้งในการเซฟสู้คนพวกนั้นไม่ได้
ถ้าอย่างนั้นมาลองดูของทีมใหญ่ๆ กันบ้างก็ได้ครับ
อูโก้ โยริส กัปตันทีมของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คือเจ้าของสถิติมีเปอร์เซ็นต์เซฟลูกยิงเข้ากรอบได้สูงที่สุดในฤดูกาลนี้ (80%) จากการเซฟไปถึง 80 ครั้ง จากลูกยิงเข้ากรอบ 100 หน เรียกได้ว่าทำงานหนักกว่า เกปา เห็นๆ
อลีสซง เบ็คเกอร์ ของทีมแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างลิเวอร์พูล ที่มีแผงหลังที่ดีที่สุดในอังกฤษตอนนี้ ยังออกแรงให้เห็นเยอะกว่าด้วยซ้ำ เมื่อเซฟไป 57 ที จากการโดนยิงเข้ากรอบๆ ราวๆ 79 ครั้ง (72.15%)
แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ออกแรงเซฟไปถึง 95 ครั้งในฤดูกาลนี้ ถือว่ามีความสำคัญไม่น้อยกับการพาทีมจิ้งจอกสยามขึ้นมามีลุ้นโควตา แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งนายด่านทีมชาติเดนมาร์กมีเปอร์เซ็นต์เซฟสำเร็จถึง 70.9%
หรือแม้กระทั่ง ดาบิด เด เคอา ที่ช่วงหลังก็โดนแฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด อภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ยังเป็นคนที่น่าอุ่นใจกว่ารุ่นน้องเพื่อนร่วมชาติ เพราะเซฟให้ทีมปีศาจแดงได้ถึง 93 ครั้งในฤดูกาลนี้ จากการโดนยิงตรงกรอบ 129 หน (72.09%)
ความจริงก็คือ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ทำสถิติเซฟเฉลี่ยต่อเกมได้เพียงนัดละ 1.7 ครั้ง รั้งอันดับที่ 21 ของชาร์ทนายประตูของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ แค่นี้ก็บ่งบอกได้แล้วว่ามาตรฐานของเขา ยังเป็นรองคนที่เฝ้าเสาให้ทีมเล็กๆ ด้วยซ้ำไป
อีกสถิติที่น่าสนใจมากก็คือ เกปา คือผู้รักษาประตูที่มีคะแนนน้อยที่สุดในเกมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ถ้าหากนับเฉพาะคนที่ได้ลงสนามเกิน 25 นัด
คะแนนสะสมตลอดปีของ เกปา ก่อนสัปดาห์ที่ 38 มีแค่ 90 คะแนน ส่วนโกลมือหนึ่งของทีมอื่นๆ ส่วนใหญ่เก็บได้เกิน 100 แต้มกันหมดแล้ว
เอย์เดน มาเล็ค (Ayden Malek) แฟนพันธุ์แท้เชลซี ซึ่งเจาะลึกประเด็นทีมสิงโตน้ำเงินครามด้วยข้อมูลแน่นปึ้ก จนมีผู้ติดตามมากกว่า 30,000 คนในทวิตเตอร์ เพิ่งออกมาเขียนบทความตีแผ่ความห่วยแตกของ เกปา ลงไปอีกเมื่อไม่กี่วันก่อน
มาเล็ค เผยว่าอดีตตำนานมือกาวอันดับหนึ่งของทีมอย่าง ปีเตอร์ เช็ก ยังเคยเจอกับลูกยิงเข้ากรอบไม่น้อยกว่าฤดูกาลละ 100 ครั้งแทบทุกปี
ขนาดซีซั่นที่งานเบาที่สุดคือฤดูกาล 2009-10 ยังเจอยิงเข้ากรอบไป 93 หน แต่ เช็ก ก็ยังช่วยให้ทีมเสียไปแค่ 24 ประตูในปีที่ คาร์โล อันเชล็อตติ พาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์
ลองคิดดูนะครับ ขนาด เช็ก ที่เคยเล่นร่วมกับกองหลังอย่าง จอห์น เทอร์รี่, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ และ แอชลี่ย์ โคล ยังต้องทำงานหนักมาก ทั้งที่ “คลาส” ของกองหลังเหล่านั้น เหนือกว่าแนวรับชุดปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ เกปา ที่ฤดูกาลนี้เจอลูกยิงเข้ากรอบมากกว่า เช็ก เมื่อ 10 ปีที่แล้วเพียงไม่กี่ครั้ง กลับโดนส่องตาข่ายไปแล้วถึง 47 ลูก ถือเป็นจำนวนประตูที่เสียเยอะกว่า เช็ก แบบเกือบๆ คูณสอง
คำกล่าวอ้างยอดฮิตอีกอย่าง ในการพยายามปกป้องผู้รักษาประตูที่ผลงานแย่ ก็คือ “ดูด้วยสิว่าแต่ละลูกมันรับยากขนาดไหน”
ฝรั่งเขาเป็นคนละเอียดครับ มันก็เลยมีหน่วยงานที่ชื่อว่า StatsBomb ทำการเก็บสถิติที่เรียกว่า Post-Shot Expected Goals (PSxG) หมายถึง “ลูกยิงที่น่าจะเป็นประตู” มาให้ดูกัน ซึ่งคำนวณจากระยะทาง, ความแรง และมุมในการยิงที่แตกต่างกัน โดยไม่นับการยิงจุดโทษ
อย่างเช่นลูกยิงระยะ 40 หลา จะมี score ที่น้อยกว่าลูกชาร์จจ่อๆ หรือลูกยิงที่ปั่นโค้งๆ เข้าสามเหลี่ยม ก็จะมีคะแนนมากกว่าการยิงไปในมุมที่ตรงตัวด้วยน้ำหนักไม่แรง เป็นต้น
ทีนี้ เอย์เดน มาเล็ค ก็นำเอาตัวเลขนี้มาตีแผ่ให้ดู โดยระบุว่า ถ้าหาก เกปา เจอกับลูกยิงยากๆ 3 ครั้ง มันจะต้องมี 1 ครั้งที่ตุงตาข่ายอย่างแน่นอน
ส่วน ดาบิด เด เคอา ที่ช่วงหลังโดนวิจารณ์ไม่แพ้กัน มีสถิติเซฟลูกยากได้เฉลี่ย 3 ครั้งจาก 4 หน แต่ไอ้ที่โดนนี่เหมือนกับว่าชอบไปตกม้าตายลูกง่ายๆ แทนมากกว่า
ซึ่งในส่วนของผู้รักษาประตูที่รับมือลูกยากๆ ได้ดีกว่าเกปา มีการเผยออกมาว่า มาร์ติน ดูบราฟก้า ของนิวคาสเซิ่ล, อเล็กซ์ แม็คคาร์ธี่ ของเซาธ์แฮมป์ตัน และ แม็ทธิว ไรอัน ของไบรท์ตัน ล้วนทำได้ดีกว่า เกปา ทั้งหมด ถ้าต้องเจอลูกยิงในแบบที่คล้ายๆ กัน
นอกจากสถิติการเซฟที่ต่ำแล้ว เรายังเห็นชัดเจนอีกว่า เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ขาดความมั่นใจในการออกมาตัดบอล และยังทำได้ไม่ดีพอในการสื่อสารกับกองหลัง
หากนับรวมทุกรายการ เชลซี คือทีมที่เสียประตูจากจังหวะเตะมุมไปแล้วถึง 11 ครั้งในฤดูกาลนี้ ซึ่งหากนับจังหวะฟรีคิกเข้าไปด้วย ก็มีอีกถึง 8 ครั้งด้วยกัน
ทีมสิงห์บลูส์ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เสียประตูจากจังหวะเซตพีซในพรีเมียร์ลีกไปแล้วถึง 14 ครั้ง มากกว่าทุกทีมในกลุ่มพื้นที่ไปเล่นฟุตบอลยุโรป โดยมีเพียงแค่ อาร์เซน่อล, วัตฟอร์ด, แอสตัน วิลล่า และ นอริช ซิตี้ ที่โดนคู่แข่งเล่นงานจากลูกนิ่งบ่อยกว่า
คือ เกปา ฤดูกาลนี้ เซฟก็ไม่ดี ตัดบอลก็ไม่ได้ แถมเคยมีช่วงหนึ่งที่โดน แลมพาร์ด ดร็อปออกจากทีมให้ วิลลี่ กาบาเยโร่ ลงเฝ้าเสาแทนอีกต่างหาก แถมที่ผ่านมาสื่ออังกฤษก็ตีข่าวมาตลอดว่า กุนซือเชลซีไม่ปลื้มกับนายด่านแดนกระทิงดุคนนี้สักเท่าไร
เพราะฉะนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้มากพอสมควร ว่าในฤดูกาลหน้า อาจถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ เชลซี ต้องทำการเปลี่ยนแปลงผู้รักษาประตู
สำหรับนายด่านที่ตกเป็นข่าวกับเชลซีตอนนี้ มีปรากฏอยู่หลายชื่อเลยทีเดียว
คนที่เล่นในพรีเมียร์ลีกที่กำลังมาแรงๆ ได้แก่ นิค โป๊ป ซึ่งลุ้นรางวัลถุงมือทองคำฤดูกาลนี้ จากผลงานเซฟกระจุยกระจายกับ เบิร์นลี่ย์
หรือไม่ก็ ดีน เฮนเดอร์สัน โกลดาวรุ่งของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ปล่อยให้ทีมดาบคู่ยืมตัว
1
นอกจากนั้นยังมีชื่อของ อองเดร โอนาน่า นายทวารทีมชาติแคเมอรูนของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ไปจนถึงโกลที่ปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าเหนียวที่สุดในโลกอย่าง ยาน โอบลัค ของ แอตเลติโก มาดริด
.
ถ้าจะว่ากันตามตรง ผู้รักษาประตูคือตำแหน่งที่น่าสงสาร เพราะแทบไม่เคยมีส่วนร่วมกับการได้ประตูของทีม แต่พอเป็นจังหวะที่โดนยิง กลับกลายเป็นคนแรกที่ต้องรับผิดชอบ
แต่นั่นคือหน้าที่ของผู้เล่นตำแหน่งนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งแน่นอนว่าโกลที่เก่ง จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้เพื่อนร่วมทีมอุ่นใจขึ้น ทำให้กองหลังมีผลงานที่ดูดีขึ้น จนเป็นพื้นฐานให้ทีมคว้าผลการแข่งขันที่ดีได้ต่อเนื่อง
เพราะฉะนั้นเราสามารถบอกได้เต็มปาก ว่าถ้าหาก เชลซี อยากประสบความสำเร็จในระดับสูง พวกเขาต้องมีผู้รักษาประตูที่ดีกว่า เกปา อาร์รีซาบาลาก้า จริงๆ
#เสียบสามเหลี่ยม #Kepa #Arrizabalaga #Chelsea #CFC #Lampard #Cech #Courtois #Cudicini #Goalkeeper #PremierLeague
ชอบกดไลค์ ถูกใจกดแชร์ และเพื่อไม่พลาดบทความคุณภาพจากเรา อย่าลืมกดไลค์เพจ และติดตามเพจแบบ See First ไว้เลยนะครับ
..สนใจติดต่อลงโฆษณา, สนับสนุนเพจ ติดต่อจ้างงานเขียนบทความฟุตบอล งานแปลข่าว เขียนสคริปต์สำหรับ Content ฟุตบอล หรือแปลหนังสือฟุตบอล ทักอินบ็อกซ์ สอบถามได้ตลอดเวลาครับ
โฆษณา