27 ก.ค. 2020 เวลา 21:54 • ปรัชญา
“ตัวละครที่ต้องมีวันสิ้นสุดลง”
ธรรมะรุ่งอรุณ ☀️
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๓
พวกเราเป็นเหมือนตัวละคร มาเล่นละครกันในโรงละคร แล้วเขาก็กำหนดบทให้เราเล่นกัน มีบทให้พวกเราเล่นกัน คนนี้เป็นหญิงนะ คนนี้เป็นชาย คนนี้เป็นเด็ก คนนี้เป็นผู้ใหญ่ คนนี้เล่นเป็นพ่อ คนนี้เล่นเป็นแม่ คนนี้เล่นเป็นสามีเป็นภรรยา เป็นหมดทั้งนั้น เป็นบทละครเป็นตัวละคร ร่างกายนี้เป็นตัวละคร แล้วพอร่างกายนี้ตาย เขาก็เอาออกจากโรงไป แล้วเขาก็มีตัวใหม่เข้ามาแทนอยู่เรื่อย เด็กที่เกิดใหม่ก็เป็นตัวละครใหม่ เด็กที่มาเกิดมาคลอด คลอดในเรื่องนี้ ก็ค่อยเจริญเติบโตขึ้นไปแล้วก็เริ่มแสดงบทบาทต่างๆ ไป ตัวละครเก่าก็ตาย ล้มหายตายจากไป ตัวละครใหม่ก็มาแทนที่ แต่ไม่ว่าจะมากันกี่ตัว เวลาไปก็ไม่มีใครเอาโรงละครไปด้วย ไม่มีใครเอาของที่ได้จากโรงละครนี้ติดตัวไปได้ มีสมบัติกี่หมื่นล้านแสนล้านก็เอาไปไม่ได้ มีตึกสูงกี่ชั้นก็เอาไปไม่ได้ มีอะไรทั้งหลายแหล่นี้ก็เอาไปไม่ได้ เพราะมันเป็นของโรงละคร ตัวละครนีเป็นเหมือนลูกจ้าง เขาจ้างมาเล่นละครเท่านั้นเอง แล้วเขาก็ให้เงินเดือน ให้บ้านให้อะไรอยู่ไป แต่พองานจบ ละครจบ หรือบทของตัวละครจบ เขาก็เอาคืนไปหมด
นี่แหละคือชีวิตของพวกเรา อย่าไปจริงจังกับมันมากเลยจะทุกข์ไปเปล่าๆ ต้องคิดว่าเราเป็นตัวละคร เราแสดงบทต่างๆ กัน บางคนก็แสดงบทรวย ทำบุญก็มาแสดงบทรวย ทำบาปก็มาแสดงบทจน มาเป็นขอทาน มาเป็นคนยากจน คนทำบุญเขาก็ให้มาแสดงเป็นคนรวย คนโง่เขาก็ให้แสดงเป็นคนโง่ คนฉลาดเขาก็ให้ไปเป็นคนฉลาด
กรรม เป็นผู้จำแนกแยกสัตว์ให้ไปเป็นอะไรกันต่างๆ ทำไมทุกคนมาเกิดจึงไม่เหมือนกัน ก็มาจากมีดิน น้ำ ลม ไฟ เหมือนกัน ร่างกายมีอาการ ๓๒ เหมือนกัน แต่ใจผู้มาใช้ร่างกายนี้ ให้เป็นตัวละครนี้ไม่เหมือนกัน มีความรู้มีความสามารถไม่เหมือนกัน มีบุญมีบาปติดมาไม่เหมือนกัน จึงทำให้มาเป็นตัวละครชนิดต่างๆ กันไป แต่ไม่ว่าจะเป็นตัวละครชนิดไหนก็ตาม จะรวยจะจนจะใหญ่จะเล็ก ก็เป็นตัวละครที่ต้องมีวันสิ้นสุดลง ละครนี้จะต้องหมด ตัวเล่นจะต้องจบ แต่โรงละครอาจจะไม่จบเพราะโรงละครเป็นโรงละครที่ใหญ่ แต่ตัวเล่นนี้อาจจะเล่นไปตามบทตามบาท บางตัวก็อยู่บนเวทีได้นานหน่อย บางตัวก็อยู่ไม่นาน บางคนเกิดมาไม่กี่ปีเขาก็เอาออกจากโรงละครไป ตายไป ตายเร็วก็มี ตายช้าก็มี แต่ในที่สุดก็ต้องตายกันไปหมด เกิดมาเท่าไหร่ก็ต้องตายกันเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเกิด ๑๐๐ แล้วตาย ๕๐ นี้ไม่มี เกิด ๑๐๐ ก็ต้องตาย ๑๐๐ เกิด ๑๐๐๐ ก็ต้องตาย ๑๐๐๐ อันนี้เป็นกฎของธรรมชาติ “สิ่งใดมีการเกิดแล้ว สิ่งนั้นก็ต้องมีการดับไปเป็นธรรมดา”
นี่คือปัญญาที่พวกเราต้องพยายามศึกษาให้มันฝังอยู่ในใจเรา ไม่ให้เราหลงไม่ให้เราลืม เพราะว่าพอเราหลงปั๊บเราจะคิดว่าร่างกายนี้เป็นตัวเราขึ้นมาทันที ไม่ได้คิดว่าเป็นตัวละคร เอาจริงเอาจังกับบทที่เราเล่นกัน คิดว่าเป็นของจริงของแท้ ความจริงมันเป็นแค่บทละคร ร่างกายก็เป็นเหมือนตัวละคร แล้วเดี๋ยวก็ต้องจบลงทุกตัวละคร ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ไม่มีใครเป็นอะไรค้ำฟ้า เป็นได้ถึงเวลาของมัน วันหนึ่งก็ต้องมีการสิ้นสุดลง
ธรรมะหน้ากุฏิ
วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
โฆษณา