4 ส.ค. 2020 เวลา 23:00
#หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร พระผู้มีปัญญาหลักแหลม
“ เมื่อเดือนมกราคม ปีพุทธศักราช ๒๕๐๘ ณ วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ปีนั้นอากาศที่เมืองเลยหนาวมากจนมือเท้าเป็นตะคริว หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านจึงพาพระเณร ตาผ้าขาว ออกไปหาฟืนในบริเวณป่ารอบๆ หมู่บ้านโคกมน
หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร เล่าว่า หลวงปู่ชอบท่านเป็นผู้ที่มีความละเอียดอ่อน รู้คุณค่าของเครื่องใช้ไม้สอยทุกอย่าง ไม้ฟืนหากนำมาก่อไฟหุงต้มแล้วหากฟืนท่อนนั้นยังเหลือ หลวงปู่ท่านจะเอาน้ำมาดับไฟให้มอดสนิท และองค์ท่านจะจัดเก็บฟืนท่อนนั้นไว้ใช้หุงต้มในครั้งต่อๆ ไป ท่านจะไม่ทิ้งฟืนให้ไหม้ไฟไปโดยเสียประโยชน์
1
หลวงปู่ชอบท่านจะไม่ให้พระเณรเถรชีในวัดก่อไฟผิงแก้หนาว ท่านจะให้ลูกศิษย์แก้หนาวโดยการเดินจงกรมให้มากๆ เพื่อปลุกเร้าธาตุไฟอบอุ่นร่างกาย เว้นไว้แต่พระเณรเถรชีรูปนั้นๆ มีอาพาธรบกวนธาตุขันธ์ ท่านจึงจะอนุญาตให้ก่อไฟผิง
องค์ท่านเทศน์สอนลูกศิษย์ว่า ถ้ามัวแต่พากันมานั่งสุมหัวผิงไฟ มันก็จะสุมหัวคุยกันตามประสากิเลสกิโลมันจะพาคุย เรื่องที่คุยกันก็มีแต่เรื่องกิเลสตัณหาลามก คุยกันแล้วก็ไม่พากันทำความเพียรเดินจงกรมภาวนา พอดึกค่อนคืนก็ง่วงเหงาหาวนอน ต่างคนต่างคลานเข้ามุ้ง ไปนอนกอดอีสาดอีหมอนทิ้งวันทิ้งคืนไปเฉยๆ
เอะอะขึ้นมาพออากาศหนาวนิดๆหน่อยๆ มันก็จะพากันเตรียมก่อไฟผิงอย่างเดียว มัวแต่ห่วงร้อนห่วงหนาวอยู่อย่างนี้ เวลาไปอยู่ในป่าในเขาเจออากาศที่มันเย็นหนาวมหาโหดแล้ว มันจะไม่พากันแข็งกระด้างค้างตายกันหรือ ต้องฝึกฝนตนเองให้อยู่ได้กับทุกสภาพอากาศซิ ฝึกตนเองให้อยู่กับร้อนให้เป็นอยู่กับเย็นให้ได้ ถ้าอยากอยู่สบายจริงต้องอยู่กับทุกข์ให้เป็น เอาทุกขเวทนานั้นแหละมาฝึกฝนจิตใจของตนเองให้เข้มแข็ง
ถ้าหนาวมากก็อย่านอนขดอี้จู้เป็นครูหมอนกิ่ว ถ้านั่งภาวนาอาการเหน็บชามันก็จะเกิดเร็ว เวทนามันก็จะโหมใจอย่างหนัก ให้เดินจงกรมเอา เดินให้มากๆ เดินให้นานๆ เดินเพื่อปลุกเร้าธาตุไฟให้มาช่วยสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย หัดมีปัญญาตั้งแต่หนุ่มแต่น้อยสิ เฒ่าชะแรแก่ชราแล้วมันจะได้ไม่โง่เง่าเต่าตุ่น จะได้เอาสติปัญญาที่ตนฝึกฝนอบรมมา ไปบอกสอนคนรุ่นหลังเพื่อสืบทอดปัญญาต่อๆไป...
หลวงปู่จันทร์เรียนถ่ายทอดคำสอนขององค์หลวงปู่ชอบ โดยท่านหัวเราะอย่างใหญ่ ท่านปล่อยเสียงหัวเราะออกมาจนลั่นถ้ำสหายฯ เวลาหลวงปู่จันทร์เรียนเล่าเรื่ององค์หลวงปู่ชอบแล้ว ดูสีหน้าแววตาท่านฮึกเหิมห้าวหาญดี ฟังท่านเล่าแล้วเราพลอยสนุกสนานไปกับท่าน ถึงแม้จะต่างยุคสมัยกันก็ตาม
1
พระเณรเถรชีที่อยู่ปฏิบัติกับองค์หลวงปู่ชอบสมัยก่อน แต่ละท่านจึงมีความอดทนต่อดินฟ้าอากาศ และความหิวโหยมากเป็นพิเศษ เรื่องใดที่องค์หลวงปู่ชอบสั่งห้ามแล้ว พระเณรเถรชีจะต้องถือปฏิบัติกันให้ได้ หากผู้ใดปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์ท่านไม่ได้แล้ว จะอยู่ปฏิบัติร่วมสำนักกับท่านไม่ได้ พระเณรสมัยนั้นจึงไม่มีใครกล้าดื้อด้านฝืนคำขององค์ท่าน...
หลวงปู่จันทร์เรียนท่านว่าปีนั้นอากาศมันหนาวมาก แม่ชีที่วัดจึงพากันแอบเอาฟืนที่หลวงปู่ชอบและพระเณรหามาไปก่อไฟผิง แม่ชีพากันนั่งผิงไฟคุยกันจนดึกดื่นค่อนคืนจึงแยกย้ายกันกลับที่พัก โดยทิ้งท่อนฟืนไหม้ไฟไว้เป็นอนุสรณ์ การพูดคุยสนทนากันของแม่ชีกลุ่มนี้ในคืนนั้น หลวงปู่จันทร์เรียนว่าคงจะมีเรื่องอะไรที่ไปกระทบกับ “ความรู้” ขององค์หลวงปู่ชอบ
พอรุ่งเช้าก่อนที่องค์ท่านจะออกไปบิณฑบาต หลวงปู่ชอบท่านพาหลวงปู่จันทร์เรียนเดินไปดูที่โรงครัววัดป่าสัมมานุสรณ์ เดินตรงดิ่งมาที่กองไฟข้างโรงครัว หลวงปู่ท่านเห็นท่อนฟืนไหม้ไฟทิ้งไว้อย่างเสียประโยชน์ องค์ท่านถึงกับพูดขึ้นมาว่า...
1
“ปาดโธ้ พวกนกกระยางขาวหมู่นี้ มันคือพากันมักง่ายใช้ของบ่เป็นแท้ มันบ่คิดเห็นอกเห็นใจพ่อแก่มันบ่ มันบ่คิดเห็นอกเห็นใจพระเณรเถรเฒ่าบ้างหรือ มันบ่ฮู้หรือว่าพ่อแก่ของมันกับพระเณรพากันไปลากฟืนจากป่ามาเมื่อยขนาดไหน มันพากันเอาฟืนมาสุมไฟคุยกันเล่นจนดึกดื่น ทิ้งให้ไหม้ไปโดยไม่เกิดประโยชน์อะไร”
พอว่าจบหลวงปู่ชอบท่านเดินเข้าไปดุแม่ชีที่โรงครัว เล่นเอาแม่ชีโขลกพริกไม่แหลก สับมะละกอไม่เป็นเส้น มือสั่นใจสั่นกันทั้งโรงครัว องค์ท่านดุให้แม่ชีอย่างหนัก และไล่แม่ชีหนีให้ไปอยู่ที่วัดอื่น เล่นเอาแม่ชีกลุ่มนี้คอพับน้ำตาร่วงต่อหน้าองค์ท่าน หลังจากหลวงปู่ท่านดุแม่ชีแล้ว องค์ท่านก็ออกไปบิณฑบาตในหมู่บ้านโคกมน
หลังฉันอาหารเสร็จแล้วหลวงปู่ท่านบอกหลวงปู่จันทร์เรียน และพระเณรว่า ให้ท่านจันทร์เรียนกับพระเณรทั้งหมดเอาบริขารไปเก็บไว้ที่กุฏิแล้วพากันออกมารวมตัวกันที่ศาลา เรามอบหมายให้ท่านจันทร์เรียนเป็นหัวหน้า พาพระเณรไปรื้อกุฏิแม่ชีออกจากวัดให้หมดทุกหลัง อย่าให้หลงเหลือแม้แต่หลังเดียว พวกนกกระยางขาวหมู่นี้เราจะไม่ให้อยู่ที่นี่อีกต่อไป พวกว่ายากสอนยากแบบนี้เราจะไม่เอาไว้ให้หนักวัดหนักวา
คำสั่งองค์ท่านดูดุดันเด็ดขาด เล่นเอาพระเณรในวัดงงไปตามกัน แต่ไหนแต่ไรก็เห็นแต่องค์ท่านไล่พระเณรเถรชีที่ว่ายากสอนยากให้ออกไปจากสำนักเท่านั้น แต่ครั้งนี้หลวงปู่ท่านถึงกับสั่งให้รื้อถอนกุฏิแม่ชีออกไปจากวัดทั้งหมด พระเณรได้แต่สงสัยไม่มีใครกล้าที่จะถามถึงเหตุผลจากองค์ท่าน
เมื่อพระเณรเอาบริขารของตนเองไปเก็บยังที่พักแล้ว ต่างองค์ต่างหยิบเอาเครื่องมือในการรื้อถอนมารวมตัวกันที่ศาลา หลวงปู่จันทร์เรียนท่านบอกกับหมู่เพื่อนว่า พวกท่านไม่ต้องทำหรอก พากันกลับไปกุฏิเดินจงกรมภาวนาซ่ะ เรื่องนี้ผมจะเป็นคนทำเองเพียงผู้เดียวเอง
หมู่เพื่อนถามท่านว่าครูบาจะทำองค์เดียวได้หรือ กุฏิแม่ชีมีตั้งหลายหลัง กว่าจะรื้อถอนได้ทั้งหมดก็กินเวลาไปหลายวันถึงจะเสร็จ
หลวงปู่จันทร์เรียนบอกหมู่คณะว่า ไม่เป็นไรหรอก ผมทำองค์เดียววันเดียวก็เสร็จ ท่านบอกหมู่เพื่อนให้กลับไปกุฏิเดินจงกรมภาวนาเถอะ เรื่องนี้ท่านจะเป็นธุระจัดการเอง หมู่เพื่อนจึงพากันแยกย้ายกลับไปยังที่พักของตน
พอคล้อยหลังที่หมู่เพื่อนกลับไปแล้ว หลวงปู่จันทร์เรียนท่านก็เดินไปยังที่พักขององค์ท่านหลวงปู่ชอบ ที่ริมฝากฝั่งแม่น้ำสวย หลวงปู่จันทร์เรียนเข้าไปกราบเรียนองค์ท่านหลวงปู่ชอบว่า
ขอโอกาสขอรับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ข้าน้อยมีเรื่องอยากกราบเรียนครูบาอาจารย์ซักเล็กน้อย ข้าน้อยคิดว่าการรื้อถอนกุฏิแม่ชีออกไปทั้งหมดนั้นมันเป็นเรื่องไม่ยากหรอก ใช้เวลาวันเดียวก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นการตัดปัญหาทั้งหมด ข้าน้อยว่าไม่ต้องรื้อมันหรอกกุฏิแม่ชี เอาไฟเผามันทิ้งทุกหลังไปเลยขอรับ เอาไฟเผาทิ้งทั้งหมดไม่ต้องให้มันเหลือซากเหลือตอ พอที่จะเอากลับมาสร้างใหม่ได้อีก
สิ้นคำพูดของหลวงปู่จันทร์เรียน องค์ท่านหลวงปู่ชอบถึงกับอุทานขึ้นมาว่า
“บ๊ะ...ท่านเรียนนี่ ท่านจะเอาไฟไปเผากุฏิทิ้งแบบนี้ได้ยังไง นี่มันเป็นของสงฆ์นะ ถ้าท่านทำแบบนั้น มันจะเป็นการกระทำผิดต่อพระธรรมวินัยนะ ท่านเรียนนี่เว้าไปทั่วทีปทั่วแดน(พูดไปเรื่อยเปื่อย) เราบอกให้ท่านไปรื้อบ้านแม่ขาว เราไม่ได้บอกให้ท่านไปเผาบ้านแม่ขาวซ่ะหน่อย ท่านไม่เข้าใจในคำพูดของเราหรือ”
หลวงปู่จันทร์เรียนท่านก็ว่า “อ้าว...ในเมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ไม่ต้องการให้แม่ขาวอยู่ที่นี่แล้ว ก็เผามันทิ้งเลยสิ รื้อออกไปมันก็ยังเหลือไม้เก่าอยู่เหมือนเดิม เวลาที่พ่อแม่ครูอาจารย์ไม่อยู่วัดไปเที่ยววิเวกที่อื่น พวกนี้เขาก็จะแอบเอาไม้เก่ามาสร้างกุฏิขึ้นมาใหม่อีก มันก็จะวนเวียนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้อีกเหมือนเดิม ผมว่าไม่ต้องรื้อมันหรอก เผามันทิ้งทั้งหมดโลด เพื่อตัดปัญหาที่เขาจะเอาไม้เก่ากลับมาสร้างกุฏิใหม่อีก”
หลวงปู่ชอบท่านว่า “อ้าว...ถ้าหากวันข้างหน้ามีผู้มาขออาศัยใบบุญของวัดนี้ล่ะ เราจะไปหาไม้ที่ไหนมาสร้างกุฏิให้เขาอยู่ล่ะ
ท่านเรียนนี่ก็ว่าไปเรื่อย เอะอะมะเทิ่งมาก็จะเผาทิ้งๆอย่างเดียว อย่างนี้มันไม่ถูกธรรมวินัยนะ”
หลวงปู่จันทร์เรียน “ ถ้าท่านอาจารย์ยังจะให้โอกาสคนอื่นเข้ามาพักอยู่ที่วัดนี้อีก ข้าน้อยว่าบ่ต้องรื้อถอนมันออกไปหรอก มันเหนื่อยเสียเปล่า รื้อออกแล้วยังจะเอากลับมาสร้างใหม่อีก แบบนี้หมู่คณะเขาก็จะเหนื่อยเสียเปล่าๆ”
องค์ท่านหลวงปู่ชอบนิ่งฟังเหตุผลของหลวงปู่จันทร์เรียน หลวงปู่จันทร์เรียนท่านว่าสักพักหลวงปู่ชอบท่านก็ยิ้มขึ้นมา หลวงปู่ท่านบอกหลวงปู่จันทร์เรียนว่า ถ้าอย่างนั้นท่านเรียนกลับไปบอกหมู่คณะว่า ไม่ต้องรื้อถอนกุฏิแม่ขาวแล้ว ให้พากันกลับไปเดินจงกรม ภาวนาทำความพากความเพียรของใครของมัน
หลวงปู่จันทร์เรียนบอกเรื่องนี้ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ไม่ต้องบอกหมู่คณะให้ยากหรอกขอรับ ข้าน้อยบอกหมู่คณะแล้ว ข้าน้อยบอกหมู่เพื่อน ก่อนที่จะเข้ามากราบเรียนพ่อแม่ครูบาอาจารย์ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว องค์ท่านหลวงปู่ชอบก็ยิ้มไม่ว่าอะไรให้หลวงปู่จันทร์เรียน หลวงปู่ท่านได้แต่หัวเราะหึๆ ในลำคอ หลวงปู่จันทร์เรียนจึงกราบลาองค์ท่านหลวงปู่ชอบ กลับไปทำความเพียรของตนเอง
1
หลวงปู่จันทร์เรียนท่านว่า ต่อมาแม่ชีกลุ่มนี้ได้พากันเข้าไปกราบขอขมาต่อองค์ท่านหลวงปู่ชอบในเรื่องที่พวกตนได้ล่วงละเมิดคำสั่งขององค์ท่าน เพราะความเห็นแก่ตัวของตนเอง หลวงปู่ท่านภาคทัณฑ์เรื่องนี้เอาไว้ และอนุญาตให้แม่ชีอยู่ปฏิบัติกับท่านที่วัดต่อไป
หลวงปู่จันทร์เรียนปฏิภาณไหวพริบของท่านเฉียบแหลมว่องไว หากเป็นผู้เขียนแล้ว ถ้าหลวงปู่ชอบท่านสั่งให้ไปรื้อกุฏิเช่นนี้ เราก็ต้องไปรื้อถอนตามคำสั่งขององค์ท่านแล้ว เพราะเราเป็นพระซื่อ (บื้อ) พลิกไหวสถานการณ์ไม่เป็นอย่างหลวงปู่จันทร์เรียน
หลวงปู่จันทร์เรียนท่านเป็นพระที่มีปัญญาหลักแหลมเฉียบไว ซึ่งเป็นบุคลิกลักษณะส่วนตัวของท่านโดยเฉพาะ “
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร
1
ผู้บันทึก : อดีตครูบากล้วย-พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท
โฆษณา